วอลต์ ดิสนีย์ เอเชียแปซิฟิก ประกาศรายชื่อภาพยนตร์ใหม่ล่าสุดจากสตูดิโอชั้นนำในเครือ และเปิดตัวคอนเทนต์ออริจินัลจากเอเชียแปซิฟิกที่สร้างสรรค์โดยนักเล่าเรื่องระดับโลก ในงาน ‘Disney Content Showcase 2022’ ที่รวบรวมเหล่านักแสดง สื่อมวลชน และพาร์ตเนอร์จากทั่วโลก ณ มารีน่า เบย์ แซนด์ส ประเทศสิงค์โปร์
“เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา งาน APAC Content Showcase ถือเป็นก้าวแรกสู่การพัฒนาการผลิตคอนเทนต์ในระดับท้องถิ่น และเป็นการนำเสนอผลงานการสร้างสรรค์ที่ดีที่สุดจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เพื่อไปเฉิดฉายบนเวทีโลก” ลุค แคง (Luke Kang) ประธานบริษัท เดอะ วอลต์ ดิสนีย์ เอเชียแปซิฟิก กล่าวเปิดงาน
“โดยในปีนี้ การประกาศเปิดตัวรายชื่อคอนเทนต์ระดับโลกจากสตูดิโอชั้นนำและแบรนด์แฟรนไชส์ชื่อดัง รวมถึงคอนเทนต์ใหม่ล่าสุดจากเอเชียแปซิฟิกสำหรับปี 2023 ที่จะถึงนี้ถือเป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง”
ในปีที่ผ่านมา คอนเทนต์ใหม่จากเอเชียแปซิฟิกกว่า 45 เรื่องได้ปล่อยให้สตรีมบนแพลตฟอร์มสตรีมมิงของดิสนีย์ ซึ่งหลายเรื่องประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นทั้งในเชิงของรายได้และคำวิจารณ์ โดย ‘Big Mouth’, ‘Soundtrack#1’ และ ‘IN THE SOOP: Friendcation’ เป็นคอนเทนต์ยอดนิยม 3 อันดับแรกที่มีจำนวนคนดูมากที่สุดจากผู้ชมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในช่วงอาทิตย์แรกของการเปิดตัว นอกจากนี้จำนวนชั่วโมงรวมของการสตรีมคอนเทนต์ท้องถิ่นจากเอเชียบน Disney+ ยังเพิ่มสูงขึ้นกว่า 8 เท่าจากปีที่แล้ว
“ขณะนี้เรากำลังมุ่งเน้นพัฒนาคอนเทนต์ที่เรากำลังขาดหายไปอยู่” ลุคกล่าวเสริม “ด้วยการลงทุนในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ที่นิยมในตลาด อาทิ อนิเมะญี่ปุ่น ซีรีส์เกาหลี หรือภาพยนตร์แนวโรแมนติกคอมเมดี้และสยองขวัญจากอินโดนีเซีย หรือจะด้วยความต้องการรูปแบบการเล่าเรื่องจากครีเอเตอร์ที่เข้าใจความต้องการของผู้ชมในแต่ละท้องถิ่น ท้ายที่สุดแล้ว ความตั้งใจของเราคือการให้บริการผู้ชมในทุกตลาดด้วยคอนเทนต์จากแบรนด์คุณภาพระดับโลกอย่าง ดิสนีย์, มาร์เวล, สตาร์วอร์ส และพิกซาร์ รวมถึงคอนเทนต์ท้องถิ่นที่สะท้อนชีวิตผู้คนในแต่ละพื้นที่ ขณะเดียวกันก็นำเสนอเรื่องราวท้องถิ่นที่โดดเด่นเหล่านี้สู่สายตาผู้ชมทั่วโลก”
บริษัท เดอะ วอลต์ ดิสนีย์ เอเชียแปซิฟิก ยังได้ประกาศขยายแผนความร่วมมือกับสำนักพิมพ์ญี่ปุ่นชั้นนำ Kodansha เพื่อที่จะรวมอนิเมะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคอนเทนต์สตรีมมิ่ง เป็นเวลากว่า 70 ปี ที่ดิสนีย์ และ Kodansha ทำงานร่วมกันในวงการสำนักพิมพ์ และบัดนี้กำลังก้าวสู่โลกแห่งอนิเมะ การขยายแผนความร่วมมือในครั้งนี้ยังรวมไปถึงการได้ลิขสิทธิ์ในการสตรีมอนิเมะที่สร้างจากมังงะซึ่งผลิตโดย Kodansha แบบเอ็กซ์คลูซีฟ โดยเริ่มจาก ‘Tokyo Revengers: Christmas Showdown Arc‘ ที่จะปล่อยให้สตรีมเฉพาะบน Disney+ และ Disney+ Hotstar เดือนมกราคมปี 2023 นี้ ปัจจุบัน การให้บริการสตรีมมิงของดิสนีย์มีสมาชิกมากกว่า 235 ล้านคน ใน 154 ตลาดจากทั่วโลก
ในงานครั้งนี้ ดิสนีย์เตรียมเผยภาพยนตร์และคอนเทนต์สตรีมมิงสำหรับปี 2023 กว่า 50 รายการ โดยมีสื่อมวลชนและพาร์ทเนอร์จากทั่วโลกเข้าร่วมกว่า 400 คน นอกจากนั้น ยังมีนักแสดงและผู้อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์คอนเทนต์ออริจินัลจากเอเชียแปซิฟิก มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ทั้ง มิอิเกะ ทาคาชิ (Miike Takashi) ผู้กำกับญี่ปุ่นชื่อดัง, จองแฮอิน (Jung Hae-in), โกคยองพโย (Go Kyung-pyo) และคิมฮเยจุน (Kim Hye-jun) จากซีรีส์อาชญากรรมระทึกขวัญแนวแฟนตาซี ‘Connect’, อีดงฮวี (Lee Dong-hwi), ฮอซังแท (Heo Sung Tae) และผู้กำกับคังยุนซอง (Kang Yoon-sung) จาก ‘Big Bet’, ยูยะ ยากิระ (Yuya Yagira), ริโฮะ โยชิโอกะ (Riho Yoshioka) และผู้กำกับ ชินโซ คาตายามะ (Shinzo Katayama) จากซีรีส์ดราม่าญี่ปุ่นเรื่อง ‘Gannibal’ และ เชลซี อิสลัน (Chelsea Islan) จากซีรีส์ซูเปอร์ฮีโรอินโดนีเซียเรื่องใหม่ ‘Tira’ โดยมี ปีเตอร์ ซอห์น (Peter Sohn) ผู้กำกับ นักสร้างแอนิเมชัน ผู้วาดสตอรีบอร์ด และนักพากย์เสียงจากพิกซาร์ ในฐานะผู้กำกับ ‘Elemental’ ภาพยนตร์ออริจินัลเรื่องใหม่ล่าสุดจากดิสนีย์ ร่วมงานในครั้งนี้ด้วย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส