ในชีวิตการทำงานของปู่เจมส์ แคเมรอน (James Cameron) เนี่ย มีภาพยนตร์หลายเรื่องที่ปู่แกปลุกปั้นขึ้นมามากมาย หลายเรื่องก็ไม่น่าจดจำ หลายเรื่องนั้นก็เป็นตำนาน แถมยังมีอีกหลายโปรเจกต์ที่ปู่แกเข้า เข้าไปคลุกคลีแต่ก็ไม่ได้สร้าง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Spider-Man ของแกเนี่ยแหละ และบทความนี้เราก็จะพาทุกคนมาแบไต๋ถึงโปรเจกต์นี้กันว่าเพราะอะไร Spider-Man ของปู่เจมส์ แคเมรอนถึงไม่เคยได้สร้าง แล้วทำไมปู่ถึงไม่หวนกลับมาทำหนังซูเปอร์ฮีโรอีก
ย้อนกลับไปช่วงปี 80s จนถึงต้น 90s นับเป็นยุคมืดมนของภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร หนังแนวนี้ถ้าไม่เจ๊ง ก็กลายสภาพเป็นหนังทุนต่ำจนผู้สร้างไม่กล้าเอาเข้าฉายโรง โดยในยุคนั้นมีหนังฮีโรเพียง 2 เรื่องที่รอดมาได้นั่นก็คือ Superman ที่แสดงโดย คริสโตเฟอร์ รีฟ (Christopher Reeve) และ Batman ของ ทิม เบอร์ตัน (Tim Burton) นั่นเอง
ในเวลาเดียวกันมันก็เป็นยุคตกต่ำที่ Marvel เกือบจะล้มละลาย ผู้สร้างอย่าง สแตน ลี (Stan Lee) จึงจำใจขายลิขสิทธิ์ Spider-Man ให้ Cannon Film ไป และแม้ว่าพวกเขาจะพยายามปลุกปั้น Spider-Man อยู่หลายปี แต่ท้ายที่สุด Cannon Film ก็ไม่สามารถสร้างหนังไอ้แมงมุมออกมาได้
จนแล้วจนรอด เวลาก็ล่วงเลยมาถึงปี ค.ศ 1991 ซึ่ง Cannon Film เกิดภาวะตกต่ำทางการเงิน และหากพวกเขาไม่ทำอะไรกับ Spider-Man ลิขสิทธิ์จะต้องกลับคืนไปหา Marvel ฟรี ๆ ดังนั้น ไหน ๆ ก็สร้างหนังไม่ได้แล้ว Cannon Film จึงขายลิขสิทธิ์ Spider-Man ให้ Carolco Pictures ที่ตอนนั้นกำลังขาขึ้นเพราะ Terminator 2: Judgment Day พอดี
ต่อมา Carolco Pictures จึงเสนอ Spider-Man ให้กับปู่แคเมรอนที่กำลังกลายเป็นลูกรักของสตูดิโออยู่พอดี ซึ่งตอนแรกปู่ก็ไม่รู้จักหรอกนะ แต่หลังจากลงลึกศึกษาคอมิกแล้ว ปู่ก็หลงรักไอ้แมงมุมเข้าอย่างจัง จนเริ่มพัฒนาการ Spider-Man เวอร์ชันแกขึ้นมา
บท Spider-Man ของแคเมรอน
แม้ปู่แคเมรอนจะลงมือพัฒนา Spider-Man อย่างจริงจัง แต่ปู่แกก็คิดว่า การดัดแปลงเป็นหนัง ไม่จำเป็นต้องตามคอมิกทั้งหมด ซึ่งบทของปู่ก็ค่อนข้างแตกต่างจากไอ้แมงมุมที่เรารู้จักโดยสิ้นเชิง โดยเริ่มที่ ปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ วัย 17 ปี เป็นเด็กเนิร์ดไม่เข้าสังคมที่อาศัยอยู่กับลุงเบ็นและป้าเมย์ แม้จะฉลาดแต่เขาก็มักโดนบูลลี่โดยเพื่อนนักกีฬา และท้ายที่สุดก็ปีเตอร์ก็แอบรักเอ็มเจตามสูตรเดิม
ซึ่งเวอร์ชันของปู่จะเริ่มมีการดัดแปลงตรงนี้แหละ โดยแมงมุมที่กัดปีเตอร์ ได้กินแมลงวันผลไม้ที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรม ก่อนที่มันจะมากัดปีเตอร์ นั่นทำให้หนังสามารถอธิบายได้ว่า ทำไมพลังแมงมุมของปีเตอร์ถึงมีส่วนที่คล้ายแมลงวัน หลังจากโดนกัดปีเตอร์ก็ได้รับพลังมาตามสูตร แต่จะแตกต่างตรงที่ปีเตอร์จะฝันถึงแมลงต่าง ๆ และตื่นขึ้นมาอยู่บนตึกสูงโดยที่ไม่ใส่เสื้อผ้า
เขาค้นพบว่าร่างกายของตัวเองถูกปกคลุมไปด้วยของเหลวสีขาว โดยฉบับของปู่แคเมรอนก็เป็นครั้งแรกที่ให้ปีเตอร์ปล่อยใยโดยไม่มีเครื่องยิงใย (ภายหลัง แซม ไรมี่ (Sam Raimi) ยืมแนวคิดนี้ไปใช้) ซึ่งปู่ก็อธิบายบทของเขาว่า การกำเนิดของพลังแมงมุมนั้นเปรียบเปรยกับ การเป็นวัยรุ่นแรกแย้มที่เด็กหนุ่มจะมีการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายอย่างน่าตกใจ
ซึ่งหนังของปู่นั้นให้น้ำหนักตรงที่พลังของปีเตอร์มีสาเหตุมาจาก การกลายพันธ์ุเพราะโดนแมงมุมกัด หลังจากนั้นเรื่องราวก็เป็นอย่างที่เราคุ้นเคย ปีเตอร์เริ่มโหนใยไปตามตึก ลงท้ายด้วยลุงเบนถูกฆาตกรรม ทำให้ปีเตอร์หันเหชีวิตมาสู้กับอาชญากรด้วยพลังที่พึ่งค้นพบ โดยยังมี เจ. โจนาห์ เจมสัน นักข่าวทีวีออกมาตามด่าสไปเดอร์แมนอยู่เช่นเคย
แต่ไม่ได้มีแค่ตัวเอกหรอกนะที่กลายพันธ์ุ ทางฝั่งตัวร้ายก็จะเป็นลักษณะนี้เช่นกัน โดยมีบอสใหญ่คือนักการเมืองชื่อ คาร์ลตัน สแตรนด์ (ดัดแปลงมาจาก Electro ในคอมิก) โดยสแตรนด์นั้นบังเอิญรอดชีวิตมาจากการถูกฟ้าผ่า ทำให้เขาสามารถควบคุมไฟฟ้าได้ สแตรนด์ใช้อำนาจของเขาในการสร้างอาณาจักรเหล่าร้ายที่มีพลังพิเศษ และเขายังมีบอยด์ มือขวาที่มีความสามารถในการเปลี่ยนร่างเป็นทรายได้ (ดัดแปลงมาจาก Sandman ในคอมิก) มาคอยรับใช้อยู่ด้วย
อุปนิสัยของปีเตอร์ในฉบับนี้ หลังจากได้พลังนั้น เขาค่อนข้างหยาบคายและชอบใจที่ตัวเองมีพลังพิเศษ เขามีความสุขที่ได้ใช้ความรุนแรง ซึ่งเวอร์ชันนี้ เอ็มเจก็ยังตกหลุมรักสไปเดอร์แมนโดยไม่รู้ว่าเป็นปีเตอร์ และสไปเดอร์แมนก็มีเพศสัมพันธ์กับเอ็มเจบนสะพานบรูคลิน โดยที่เอ็มเจหลับตาไว้
ฉากไคลแมกซ์สุดท้าย จะเกิดขึ้นบนยอดตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ซึ่งเอ็มเจก็ถูกจับตัวไปตามสูตร และสไปเดอร์แมนก็ต้องต่อสู้กับสแตรนด์บนยอดตึกนี้ และลงเอยด้วยการที่เขาจะเปิดเผยตัวจริงต่อเอ็มเจ
ถ้าบทนี้ได้สร้างออกมาจริง จะไม่โดนแฟนคอมิกด่าเอาเหรอ?
ก็ต้องบอกก่อนว่า การดัดแปลงนี้ได้รับความเห็นชอบจาก สแตน ลีแล้ว เพราะปู่แคเมรอนเดินทางไปพบ สแตน ลีด้วยตัวเอง โดยปู่ลีถึงกับออกมาบอกว่า
“สิ่งที่จิมสร้าง ก็คือการทำสไปเดอร์แมนในแบบที่ควรจะเป็น ทั้งบุคลิกท่าทาง แม้จะเหมือนกันแต่ก็ดูสดใหม่ เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน”
โดยช่วงต้นปี 90s ซึ่งเป็นยุคก่อนอินเทอร์เน็ตบูม เป็นช่วงเวลาที่ผู้สร้างภาพยนตร์สามารถดัดแปลงตัวละคร และที่มาของพวกเขาได้ค่อนข้างกว้างขวางกว่าสมัยนี้ เพราะแฟนคอมิกจะยังมีจำนวนไม่มากและพวกเขาก็ยังไม่ได้โมโหร้ายเท่าทุกวันนี้
โปรเจกต์เดินหน้าขนาดนี้ แต่ทำไมมันถึงไม่ได้สร้างกันนะ?
เป็นเวลาไม่นานหลังจากที่ปู่แคเมรอน เสร็จสิ้นภารกิจจากหนัง True Lies ซึ่งปู่ก็พร้อมจะหันไปจัดการ Spider-Man อย่างเต็มตัวแล้ว แต่ทว่า Carolco Pictures ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์สไปดี้ในขณะนั้นก็ดันล้มละลาย ซึ่งเป็นผลจากหนังเรื่อง Cutthroat Island เจ๊งยับ แม้ว่า 20th Century Fox จะเสนอซื้อลิขสิทธิ์ Spider-Man แต่ Carolco ก็ไม่ยอมขายซักที แถมในเวลาเดียวกัน Marvel Comics ที่ติดขัดทางการเงินก็ได้ฟ้องเรียกสิทธิ์คืนโดยอ้างว่า Carolco ไม่สามารถสร้างหนังในกรอบเวลาที่ลิขสิทธิ์จะหมดอายุ เรียกได้ว่าลิขสิทธิ์สไปเดอร์แมนก็เริ่มยุ่งเหยิงมาตั้งแต่ตอนนั้นนั่นแหละ
โดย ปู่เจมส์ แคเมรอน ใช้เวลาหลายปีในการพยายามสร้างภาพยนตร์สไปเดอร์แมน เขาบากหน้าไปหาหลายสตูดิโอเพื่อให้ซื้อลิขสิทธิ์ไอ้แมงมุมมาทำ แต่หลายที่ก็ไม่กล้าซื้อเพราะปัญหาลิขสิทธิ์ยังเคลียร์ไปจบ
“มันจะเป็นภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุด”
แคเมรอนเห็นศักยภาพของ Spider-Man แต่ความพยายามในการพาไอ้แมงมุมขึ้นสู่จอเงินนั้นล้มเหลว ในที่สุดปู่ก็ต้องมูฟออนไปทำหนังเรื่องต่อไป และเข็ดกับการที่ต้องมายุ่มย่ามในการพยายามดัดแปลงงานลิขสิทธิ์ของผู้อื่น ในที่สุด 4 ปีต่อมา สงครามลิขสิทธิ์ก็จบลง และผู้ได้รับชัยชนะก็คือ Sony Pictures จวบจนถึงปัจจุบัน
หลังจากกำกับ Titanic เสร็จเรียบร้อย ปู่เจมส์ แคเมรอนก็ไม่หวนกลับมายุ่งเกี่ยวกับสไปเดอร์แมนและหนังซูเปอร์ฮีโรอีกเลย ซึ่งหนึ่งในมรดกที่หลงเหลือของปู่ก็คือ สไปเดอร์แมนที่ยิงใยได้เอง ก็ได้ส่งต่อไปถึง แซม ไรมี่ และหนังสไปเดอร์แมนไตรภาคนั้นก็กลายเป็นตำนานอีกเรื่องหนึ่งของยุค
“ด้วยเวลาและแรงกายที่ผมใส่ลงไป มันไม่ควรเป็นซูเปอร์ฮีโรของคนอื่น”
เจมส์ แคเมรอน
ที่มา: denofgeek, nofilmschool, screencrush, comicbook
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส