‘Where The Crawdads Sing’ หรือ ‘ปมรักในบึงลึก’ เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากนวนิยายต้นฉบับขายดี ตอนที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในไทย ผลตอบรับถือว่าค่อนข้างไม่เยอะมาก ด้วยเป็นหนังที่ค่อนข้างนอกกระแสอยู่พอสมควร แม้จะมีชื่อของรีส วิทเธอร์สปูน (Reese Witherspoon) นักแสดงดังที่รับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ก็ตาม
แต่เมื่อ Netflix ได้ซื้อลิขสิทธิ์หนังเรื่องนี้มาฉาย ก็กลายเป็นกระแสขึ้นมาอีกครั้งบนโลกโซเชียล ทั้งเนื้อเรื่องที่ผสมระหว่างแนวโรแมนติก ดราม่า ทริลเลอร์ เรื่องราวของ คยา คลาร์ก (Kya Clark) หญิงสาวที่ถูกทิ้งให้ใช้ชีวิตในบึงน้ำแต่เพียงลำพัง จนกระทั่งมีข่าวว่า ชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งถูกฆาตกรรมที่บึงน้ำ จึงทำให้คยากลายเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมโดยที่ไม่มีหลักฐานชัดเจน
อีกความเป็นเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้ก็คงหนีไม่พ้นนักแสดงผู้รับบท คยา อย่าง เดซี เอ็ดการ์-โจนส์ (Daisy Edgar-Jones) นักแสดงสาวชาวอังกฤษ ที่รับบทหญิงสาวบึงน้ำได้อย่างมีเสน่ห์น่าสนใจ ซึ่งเรื่องราวบนเส้นทางการแสดงของเธอก็ถือว่าน่าสนใจไม่แพ้กัน และนี่คือเรื่องราวส่วนหนึ่งของเธอที่อาจทำให้โดนเธอตกหลังจากอ่านจบ
เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน
เดซี เจสสิกา เอ็ดการ์-โจนส์ (Daisy Jessica Edgar-Jones) เป็นนักแสดงชาวอังกฤษ เกิดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 1998 ที่เขตอิสลิงตัน (Islington) และเดิบโตใน มัสเวลล์ ฮิลล์ (Muswell Hill) ย่านชานเมืองทางตอนเหนือของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัวที่ประกอบไปด้วยพ่อ ฟิลิป เอ็ดการ์-โจนส์ (Philip Edgar-Jones) และ เวนดี เอ็ดการ์-โจนส์ (Wendy Edgar-Jones) แม่ของเธอ จะเรียกว่าลูกไม้หล่นใกล้ ๆ ต้นก็ไม่น่าจะผิด เพราะ เอ็ดการ์-โจนส์ เติบโตมาในครอบครัวที่ทำงานด้านอุตสาหกรรมสื่อและความบันเทิง ฟิลิป เอ็ดการ์-โจนส์ พ่อของเธอเคยเป็น Creative Director ให้กับรายการทีวีเรียลลิตีชื่อดัง ‘Big Brother’ และเป็นหัวหน้าฝ่ายศิลปะบันเทิงของสถานีโทรทัศน์ Sky และเป็นผู้อำนวยการช่องศิลปะบันเทิง Sky Arts ในเวลาต่อมา ส่วน เวนดี เอ็ดการ์-โจนส์ แม่ของเธอ เป็นโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์
เธอเปิดเผยว่า ด้วยความเป็นลูกคนเดียว ตอนเด็ก เธอเป็นเด็กที่ค่อนข้างเรียบร้อย อยู่ในร่องในรอย และมักหมกมุ่นกับโลกจินตนาการ และชอบสังเกตผู้ใหญ่ที่อยู่รอบข้างเธอ และเธอเองชื่นชอบในการเขียนไดอารี เธอเริ่มเขียนไดอารีเป็นงานอดิเรกเมื่อตอนอายุ 14 ปี รวมทั้งชื่นชอบในการอ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลงอีกด้วย
เธอเป็นเด็กเรียนเก่ง และเคยเป็นประธานนักเรียน
เอ็ดการ์-โจนส์ ในวัยเด็กเป็นเด็กที่นิสัยเรียบร้อย และเรียนเก่ง เธอเข้าเรียนที่ The Mount School for Girls เธอสามารถสอบผ่าน GCSE หรือ General Certificates of Secondary Education เพื่อจบการศึกษาชั้นมัธยม (Secondary Education) ได้ในระดับดีมาก
เธอเปิดเผยว่า ตอนที่อยู่โรงเรียนหญิงล้วน The Mount School for Girls เธอได้รับความนิยมในหมู่เพื่อน ๆ ทำให้เธอได้มีโอกาสเป็นประธานนักเรียน เธอเปิดเผยในบทสัมภาษณ์กับ The Times ว่าเธอรู้สึกเครียดในการเป็นประธานนักเรียน
“ฉันเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างเรียบร้อยมาตลอด ฉันเคยเป็นประธานนักเรียนด้วย เมื่อเร็ว ๆ นี้ฉันเพื่งอ่านเรื่องที่ฉันเคยเครียดตอนอายุ 15 ในไดอารี เช่นว่า ‘โอ้พระเจ้า ฉันเครียดมาก เพราะฉันรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบในการเป็นแบบอย่างในฐานะประธานนักเรียน แต่ฉันก็อยากเข้ากับเพื่อน ๆ ได้อยู่’ แล้วฉันก็หัวเราะออกมาเลยค่ะ “
ปัจจุบันเธอจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก Woodhouse College และกำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยเปิด (Open University)
เธอเคยเล่นละครเวทีของโรงเรียน และเคยเข้าฝึกในสมาคมละครเวที
เธอเริ่มค้นพบความชอบด้านการแสดงครั้งแรก เมื่อตอนที่เธอได้แสดงละครเวทีโรงเรียนครั้งแรกเมื่อตอน 7 ขวบ โดยเธอได้รับบทเป็น แอนน์ โบลีน (Anne Boleyn) ราชินีคนที่ 2 ของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ทำให้เธอมีความชอบในด้านการแสดง เธอได้เข้าร่วมอบรมด้านการแสดงใน National Youth Theatre องค์กรการกุศลด้านศิลปะบันเทิงสำหรับเยาวชนของอังกฤษ
เมื่อพ่อและแม่ของเธอได้เห็นลูกสาวที่เรียบร้อย ปลดปล่อยพลังการแสดงในบทบาท แอนน์ โบลีน ผู้เกรี้ยวกราด พวกเขาจึงเริ่มให้ความสำคัญกับการแสดงของเธออย่างจริงจัง และสนับสนุนความฝันนี้ของเธออย่างเต็มที่ เธอได้มีโอกาสออดิชันละครเวที ‘The Little Mermaid’ เป็นครั้งแรก ซึ่งนั่นทำให้เอเจนซีได้พบเห็นฝีมือการแสดงของเธอ
ก่อนที่อีก 2 ปีต่อมา เธอก็ได้มีโอกาสปรากฏตัวบนหน้าจอทีวีเป็นครั้งแรก และความชื่นชอบของเธอก็ยังนำพาให้เธอได้กลับมาเล่นละครเวที 2 เรื่องอีกครั้งเมื่อตอนที่เธอเริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดงภาพยนตร์แล้ว
“ตอนที่ฉันเป็นวัยรุ่น ฉันเชื่อในพลังการแสดงของตัวเองมากจริง ๆ ฉันรู้ว่ากำลังทำอะไรบนเวทีนี้ ฉันไม่สนอะไรอย่างอื่นจริง ๆ ฉันชอบคิดหมกมุ่นในวิธีที่คนอื่นประสบกับสิ่งต่าง ๆ ที่ฉันไม่เคยได้เจอมันด้วยตัวเอง (การแสดงเปิดโอกาสให้สำรวจสิ่งเหล่านั้น) มันทำให้ฉันรู้สึกปลดปล่อยมาก”
ผลงานแรก ๆ ของเธอ
ช่วงวัยรุ่นอายุ 17 ปี หลังจากเซ็นสัญญากับบริษัทเอเจนซี ผลงานแรก ๆ ของเธอคือการรับบทสมทบ (Recurring Role) ในทีวีซีรีส์เป็นส่วนใหญ่ โดยงานแรกที่เปิดตัวเธอคือทีวีซีรีส์แนวดราม่าคอมเมดี้ ‘Cold Feet’ (1997–2020) ของสถานีโทรทัศน์ ITV ของอังกฤษ และรับเชิญในละครซิตคอม ‘Outnumbered’ ซีซันพิเศษ ‘Christmas Special’ ของสถานีโทรทัศน์ BBC One ในปี 2016 และร่วมแสดงหนังครั้งแรกในหนังนอกกระแสของอังกฤษ ‘Pond Life’ ในปี 2018
และยังเป็นนักแสดงรับเชิญในซีรีส์ ‘Silent Witness’ ซีซัน 20 ในปี 2017 และ ซีรีส์ ‘Gentleman Jack’ ซีรีส์ที่ BBC ร่วมผลิตกับ HBO ในปี 2019 ก่อนที่เธอจะขึ้นมารับบทหลักในมินิซีรีส์ ‘War of the Worlds’ (2019) ก่อนที่เธอจะได้รับบทนางเอกเป็นครั้งแรกในซีรีส์วัยรุ่น ‘Normal People’ ในปี 2020 ที่ส่งให้เธอแจ้งเกิดเป็นครั้งแรก นอกจากนี้เธอยังมีผลงานละครเวทีอีก 2 เรื่อง ได้แก่ ‘The Reluctant Fundamentalist’ (2017) และ ‘Albion’ (2020)
เธอรู้สึกปลื้ม ทอม ครูซ ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ
เอ็ดการ์-โจนส์ ได้มีโอกาสเล่าถึงดาราคนโปรดในดวงใจของเธอในบทสัมภาษณ์วิดีโอของ Harper’s Bazaar UK ซึ่งเธอได้สารภาพแบบเขิน ๆ ว่า ดาราคนแรกที่เธอรู้สึกชื่นชอบคือ ทอม ครูซ (Tom Cruise) ตั้งแต่อายุได้ 7 ขวบ “ตอนที่ฉันอายุได้ 7 ขวบ พ่อแม่ของฉันบอกฉันว่า พวกเรากำลังดูหนังเรื่อง ‘Top Gun’ แล้วฉันก็รู้สึกตัวว่ากำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่งทุกครั้งที่เห็น ทอม ครูซ ปรากฏตัวบนจอค่ะ”
นอกจากนี้ เธอยังเป็นแฟนหนังแฟนตาซี เพอร์ซีย์ แจ็กสัน (Percy Jackson) ด้วยเช่นกัน เธอจึงรู้สึกชื่นชอบนักแสดงผู้รับบท เพอร์ซีย์ แจ็กสัน อย่าง โลแกน เลอร์แมน (Logan Lerman) และดาราที่เธอมองว่าเป็นฮีโรของเธออีกคนก็คือ นักแสดงเจ้าบทบาทอย่าง ทิลดา สวินตัน (Tilda Swinton)
เธออยากเป็นผู้กำกับมิวสิกวิดีโอสักครั้งในชีวิต
นอกจากนี้เธอยังเป็นนักฟังเพลงตัวยงอีกด้วย เธอได้เปิดเผยว่า มี 3 เพลงที่เป็นเพลงโปรดในชีวิต นั่นก็คือ “Strawberry Swing” ของ ‘Coldplay’, “Never Too Much” (1981) โดย ลูเธอร์ แวนดรอส (Luther Vandross) และ “I Wanna Be Adored” ‘The Stone Roses’ การฟังเพลงของเธอทำให้ตัวเธอเองอยากลองเป็นผู้กำกับมิวสิกวิดีโอในอนาคต “ฉันชอบฟังเพลง แล้วก็จินตนาการถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ไปด้วย วันหนึ่งฉันอยากจะกำกับมิวสิกวิดีโอบ้างค่ะ ฉันคิดว่ามันเป็นทักษะที่ฉันน่าจะทำได้นะ”
นอกจากนี้เธอยังเป็น Swiftey หรือแฟนตัวยงของนักร้องสาวสุดฮอต เทย์เลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) ด้วยเช่นกัน และยิ่งการที่สวิฟต์ได้ร่วมแต่งและขับร้องเพลง “Carolina” เพลงประกอบภาพยนตร์ ‘Where The Crawdads Sing’ ที่เธอร่วมแสดงด้วยแล้ว เธอก็ยิ่งรู้สึกเซอร์ไพรส์สุด ๆ เธอได้เปิดเผยกับเรื่องนี้ผ่าน Elle UK ว่า “ถ้าฉันได้กลับไปบอกตัวเองตอนเด็กว่า เทย์เลอร์ สวิฟต์ จะทำเพลงประกอบหนังที่…(ฉันกำลังจะเล่น)…(ฉันคงบอกกับตัวเองว่า) …นี่มันบ้าไปแล้ว”
เธอชอบดูรายการเรียลลิตีโชว์เพราะพ่อ
ฟิลิป พ่อของเธอเคยรับหน้าที่เป็นหัวหน้าฝ่ายครีเอทีฟ (Creative Director) ให้กับรายการทีวีแนวเรียลลิตีชื่อดังอย่าง ‘Big Brother’ มานานนับสิบปี และเคยพาเธอเข้าไปเยี่ยมชมในสตูดิโอถ่ายทำด้วย นั่นอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่เธอยอมรับด้วยความรู้สึกอายนิด ๆ ว่า เธอเองเป็นแฟนตัวยงเหนียวแน่นของรายการเรียลลิตีโชว์แบบมีสคริปต์ (Scripted Reality) ‘Made in Chelsea’ (2011) ที่ตามติดชีวิตรักของคู่หนุ่มสาวผู้มั่งคั่งที่อาศัยอยู่ในย่านต่าง ๆ ของลอนดอน
เธอสารภาพกับ Harper’s Bazaar UK ว่าติดรายการนี้อย่างงอมแงมชนิดที่เรียกว่าใช้เวลาทั้งคืนไปกับการดู และไม่มีความคิดที่อยากจะเลิกดูด้วย “ความรู้สึกผิดของฉันอย่างหนึ่งคือ ฉันดูรายการ ‘Made in Chelsea’ มาตั้งแต่เปิดตัวค่ะ ฉันรักมันมาก ฉันมักจะกินช็อกโกแลตหรือลูกอมไปด้วยตอนดู แล้วก็ไม่คิดว่าจะหยุดดูด้วย”
เธอเป็นหนอนหนังสือตัวยง และชอบอ่านหนังสือที่ถูกดัดแปลงเป็นหนัง (ที่เธอร่วมแสดง)
เอ็ดการ์-โจนส์นั้นเป็นนักอ่านที่รักและผูกพันกับการอ่านหนังสือในเวลายามว่างเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเธอเป็นหนอนหนังสือที่อ่านหนังสือมาแล้วมากมาย เธอได้เปิดเผยว่า เธอมีหนังสือในดวงใจอยู่หลายเล่ม อาทิ ‘Just Kids’ ผลงานวรรณกรรมเยาวชนฝีมือการเขียนของศิลปินดัง แพตตี สมิธ (Patti Smith) ซึ่งเป็นวรรณกรรมแนวบันทึกเรื่องราวของเจ้าตัวกับอดีตคู่รัก
โดยเธอยังแอบแฉ พอล เมสคัล เพื่อนซี้นักแสดงจากซีรีส์ ‘Normal People’ ว่า เขาเองก็อ่านหนังสือเล่มนี้ตอนช่วงโรคระบาดด้วยเช่นกัน รวมทั้งยังเป็นแฟนวรรณกรรมเยาวชนชุด เพอร์ซีย์ แจ็กสัน (Percy Jackson & the Olympians) อีกด้วย
นอกจากนี้ เธอก็มักจะอ่านหนังสือนวนิยายต้นฉบับ ที่ถูกเอาไปดัดแปลงเป็นหนังและทีวีซีรีส์ที่เธอร่วมแสดง และเป็นแฟนตัวยงแทบจะทุกเล่ม ทั้งหนังสือ ‘Normal People’ นวนิยายขายดีที่เขียนโดย แซลลี รูนีย์ (Sally Rooney) และ ‘Where The Crawdads Sing’ นวนิยายแนวดราม่า-โรแมนติก-ทริลเลอร์ เขียนโดย ดีเลีย โอเวนส์ (Delia Owens) ที่ถูกนำมาสร้างเป็นหนังด้วยเช่นกัน
‘Normal People’ ซีรีส์เรื่องแรกที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จัก
ถ้าจะนับผลงานแรกที่ทำให้คนทั้งโลกรู้จักเธอในอาชีพนักแสดง ก็น่าจะเป็นผลงานการรับบทนำครั้งแรกใน ‘Normal People’ (2020) มินิซีรีส์ดราม่าจิตวิทยา/โรแมนติกสัญชาติไอริช ความยาว 12 ตอนที่ออกอากาศทาง BBC Three และทางสตรีมมิง Hulu ดัดแปลงจากหนังสือนวนิยายชื่อดัง ผลงานของนักเขียนรุ่นใหม่ แซลลี รูนีย์ (Sally Rooney) โดยเอ็ดการ์-โจนส์รับบทเป็น แมรีแอนน์ เชอริแดน (Marianne Sheridan) หญิงสาวมัธยมปลายขวางโลกที่มีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับ คอนเนลล์ วอลดรอน (Connell Waldron) หนุ่มนักกีฬาสุดฮอต
นอกจากเสน่ห์ของตัวละครนำแล้ว ตัวหนังยังได้รับคำชม และโด่งดังจากการเป็นซีรีส์ Slow Burn ที่เล่าเรื่องของชีวิตและความสัมพันธ์ของคนในช่วงวัยรุ่นได้อย่างสมจริง รวมทั้งการเพิ่มมิติของเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในเชิงเซ็กส์ของทั้งคู่ได้อย่างเข้าอกเข้าใจ สะท้อนประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับเพศสัมพันธ์ผ่านเรื่องราวได้อย่างชัดเจน ไม่ขายความหวือหวาอีโรติกแบบฉาบฉวย ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับคำชมจากผู้ชมและนักวิจารณ์ ทำคะแนนบนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ได้สูงถึง 91% ในฝั่งนักวิจารณ์ และ 92% ในฝั่งของผู้ชม
นอกจากนี้ ตัวซีรีส์ยังการันตีความยอดเยี่ยมด้วยการถูกเสนอเข้าชิงรางวัลมินิซีรีส์ ซีรีส์ และภาพยนตร์โทรทัศน์ยอดเยี่ยม รางวัลลูกโลกทองคำ (Golden Globes Awards) ประจำปี 2021 รวมทั้งตัวของ เอ็ดการ์-โจนส์ ที่ได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยม สาขามินิซีรีส์ ซีรีส์ และภาพยนตร์โทรทัศน์บนเวทีเดียวกัน และยังได้เข้าชิงสาขานักแสดงหญิงยอดเยี่ยมจากเวทีอื่น ๆ ทั้งในอังกฤษและระดับนานาชาติอีกนับสิบรางวัล
ส่งให้เอ็ดการ์-โจนส์ แจ้งเกิดในฐานะนักแสดงสาวผมหน้าม้าให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างเป็นครั้งแรก และไม่ใช่แค่เท่านั้น เพราะเธอยังติดอยู่ในลิสต์ของสตรีผู้ทรงอิทธิพลประจำปี 2020 ของนิตยสาร British Vogue อีกด้วย และเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อที่ว่า ความสำเร็จเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากที่เธอเพิ่งเข้าวงการมาได้เพียงแค่ 4 ปีเศษ ๆ เท่านั้น
เธอเป็นเพื่อนซื้ในชีวิตจริงของ พอล เบสคาล นักแสดงร่วมในซีรีส์ ‘Normal People’
ในลิมิเต็ดซีรีส์ ‘Normal People’ (2020) แม้ว่าตัวละครพระนางอย่าง คอนเนลล์ (Connell) หนุ่มสุดป๊อปของโรงเรียน กับ แมรีแอนน์ (Marianne) หญิงสาวผู้เก็บตัวจากสังคม จะเกิดความรักต่อกันจนกลายเป็นเคมีคู่รักที่แฟนละครชื่นชอบ แต่ในชีวิตจริงแล้ว เอ็ดการ์-โจนส์ ผู้รับบทเป็น แมรีแอนน์ กับนักแสดงหนุ่มหล่อ พอล เมสคาล (Paul Mescal) ผู้รับบทเป็น คอนเนลล์ คือเพื่อนซี้ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เปิดกล้องเมื่อปี 2019 และยังคงติดต่อพูดคุยกันเสมอ
เธอได้เล่าเรื่องนี้ในพอดแคสต์ ‘How to Fail with Elizabeth Day’ ว่า “ความสัมพันธ์ของฉันกับพอลนั้น มันตรงกันข้ามกับแมรีแอนน์และคอนเนลล์เลยค่ะ เราเป็นเพื่อนกันแบบงี่เง่ามาก พอลเองก็ไม่เคยเล่นทีวีซีรีส์มาก่อน ฉันเองก็ไม่เคยได้รับบทนำ ดังนั้น สำหรับเราทั้งคู่ มันจึงเป็นประสบการณ์ครั้งแรกที่ยิ่งใหญ่ มิตรภาพของเราเป็นสิ่งที่วิเศษ และเป็นสิ่งที่ฉันจะรักษามันไว้ตลอดไป ฉันรู้สึกโชคดีมาก ๆ ที่ได้เจอกับพอล”
เคยคบกับ ทอม แวรี นักแสดง จาก ‘Game of Thrones’ ในชั่วระยะเวลาหนึ่ง
เอ็ดการ์-โจนส์ เคยคบหากับนักแสดงหนุ่มอย่าง ทอม แวรี (Tom Varey) ที่แก่กว่าเธอถึง 6 ปี แวรีเป็นนักแสดงที่ปรากฏตัวในบทบาท เคลย์ เซอร์วิน (Cley Cerwyn) ในซีรีส์ ‘Game of Thrones’ โดยทั้งคู่เริ่มรู้จักกันตอนที่ร่วมงานแสดงในกองถ่ายหนังดราม่า ‘Pond Life’ ในปี 2018 และเริ่มคบหากันในปี 2019 ตอนที่เธอได้บทนำในซีรีส์ ‘Normal People’ พอดี
ซึ่ง เอ็ดการ์-โจนส์ ได้เปิดเผยโมเมนต์โรแมนติกแบบขำ ๆ กับทาง Irish Mirror ในระหว่างที่ยังคบกัน ช่วงระหว่างที่เธอกำลังจะเริ่มถ่ายทำซีรีส์ ‘Normal People’ ที่ทำให้เธอต้องย้ายไปอยู่ในอะพาร์ตเมนต์ในเมืองดับลิน (Dublin) ประเทศไอร์แลนด์ว่า
“มันเป็นเรื่องตลกมากค่ะ ตอนนั้นฉันย้ายเข้าไปอยู่ในอะพาร์ตเมนต์ที่ฉันพัก ตอนถ่ายซีรีส์ ‘Normal People’ เขามาช่วยฉันย้ายของเข้าบ้าน และตอนที่ฉันออกไปฟิตติงคอสตูม เขาซื้ออาหารแช่แข็ง เช่น วาฟเฟิลมันฝรั่ง ฟิชฟิงเกอร์ และอื่น ๆ จากห้าง Tesco มาใส่ไว้ให้ฉันเต็มตู้เย็นเลยน่ะ มันดูไม่โรแมนติกเท่าไหร่หรอก แต่จริง ๆ มันเป็นสิ่งที่ฉันกินตลอดเวลาถ่ายทำ 4 เดือนครึ่งเลยล่ะ ทุกครั้งที่ฉันกินวาฟเฟิลมันฝรั่ง ฉันจะนึกถึงเขาทุกที!”
เธอและวารีคบหากันเป็นระยะเวลา 2 ปี เป็นการคบหาแบบเรียบง่าย ไม่ได้ออกเดตบ่อย ๆ เพราะตัวของ เอ็ดการ์-โจนส์เล่าว่า ตัวเธอเองชอบอยู่ในบ้านมากที่สุด จนกระทั่งมีข่าวว่าทั้งคู่เลิกราต่อกันในปี 2021 โดยวงในได้เปิดเผยว่า ทั้งคู่เลิกรากันด้วยดีโดยไม่ได้มีเรื่องบาดหมาง สาเหตุที่ทั้งคู่ตัดสินใจแยกทางกันก็เพราะว่าทั้งคู่ยังต้องการให้ความสำคัญกับอาชีพนักแสดงเป็นหลัก
‘Fresh’ ผลงานทริลเลอร์เรื่องแรกที่แจ้งเกิดให้เธอเป็น Scream Queen คนใหม่
ปี 2022 เป็นอีกปีสำคัญที่แจ้งเกิดเธอ โดยเฉพาะการเป็น Scream Queen หรือราชินีของหนังแนวฆาตกรรมคนใหม่ ในหนังแนวสยองขวัญตลกร้ายเรต R ‘Fresh’ (2022) ภาพยนตร์ออริจินัลของสตรีมมิง Hulu (ในไทยรับชมได้ผ่าน Disney+Hotstar) ผลงานการกำกับโดย มิมี เคฟ (Mimi Cave) และร่วมด้วยนักแสดงชื่อดังอย่าง เซบาสเตียน สแตน (Sebastian Stan) ที่พลิกมารับบทฆาตกรโรคจิตกินเนื้อมนุษย์เป็นครั้งแรก
เอ็ดการ์-โจนส์ รับบทเป็น โนอา (Noa) หญิงสาวที่กำลังหาคู่ผ่านแอป ที่ไม่มีผู้ชายคนไหนถูกใจเธอ จนเธอได้พบกับสตีฟ (Steve) ศัลยแพทย์หนุ่มหล่อ เธอตกหลุมรักสตีฟจนยอมไปพักผ่อนด้วยกันสองต่อสอง แต่สุดท้ายเธอก็ได้พบความจริงว่า สตีฟคือฆาตกรโรคจิตกินเนื้อมนุษย์
“ฉันตกหลุมรักโทน และความร้ายกาจของภาพยนตร์เรื่องนี้ค่ะ มันสนุกมากที่ฉันได้มีโอกาสเล่นหนังแนวนี้ ไม่มีจุดไหนที่รู้สึกว่ามันนานหรือน่าเบื่อเกินไปเลย พวกเราได้รับอนุญาตให้ใส่ความทะลึ่งตึงตังและอารมณ์ขัน (ลงในทุกสิ่งทุกอย่าง) การได้ทำงานที่สไตล์ชัดเป็นเรื่องที่เจ๋งมาก มันเป็นวิสัยทัศน์ของมีมีที่ไม่อาจปฏิเสธได้ และฉันชอบความรู้สึกของการได้อยู่ในโลกแห่งความคิดสร้างสรรค์ของใครบางคน”
ตัวหนังได้รับคำวิจารณ์ที่ค่อนข้างดี โดยเฉพาะนักแสดงนำ ที่ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ว่าสามารถแสดงในบทบาทออกมาได้อย่างน่าสนใจ เป็นหนังสตรีมมิงที่ได้มีโอกาสฉายรอบปฐมทัศน์ในเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ (Sundance Film Festival) ปี 2022 และสามารถเข้าชิงรางวัลของสมาคมนักวิจารณ์ฮอลลีวูด (Hollywood Critics Association Awards) ได้ถึง 3 รางวัล ทั้งนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (เซบาสเตียน สแตน) สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (เอ็ดการ์-โจนส์) และสามารถคว้ารางวัลหนังสยองขวัญยอดเยี่ยม (Best Horror) ในปีนั้นมาครองได้สำเร็จ
“ในแง่ของการออกเดต เรามักคาดหวังต่อกันอยู่แล้ว เรามักคิดแบบอุปาทานไปว่าคนนั้นจะเป็นใคร และเราต้องการให้เขาเป็น (อย่างที่เราอยากจะให้เป็น) อย่างสมบูรณ์แบบ มันกดดันมากที่ต้องแฝงสารนี้ไปสู่ใครสักคน ฉันคิดว่าตัวหนังมีความหมายที่ลึกซึ้งกว่านั้น แต่ก็เป็นหนึ่งในหนังที่คุณสามารถดูแบบเพลิดเพลินได้ ฉันแค่อยากรู้เหมือนกันว่า คนที่ดูจะได้อะไรจากหนังเรื่องนี้ มันเป็นหนังที่ตลกขบขัน สนุก และมีความเป็นเอกลักษณ์มาก ๆ “
‘Where the Crawdads Sing’ ก้าวสำคัญที่ใหญ่ที่สุดของเธอ
อีกก้าวสำคัญที่ถือว่าเป็นก้าวใหญ่ที่สุดของเธอในตอนนี้นั่นก็คือ การรับบทนำในหนังเรื่อง ‘Where the Crawdads Sing’ หรือ ‘ปมรักในบึงลึก’ ภาพยนตร์ที่ร์ที่สร้างจากนวนิยายต้นฉบับที่เขียนโดย ดีเลีย โอเวนส์ (Delia Owens) ที่ติดอันดับหนังสือขายดีที่สุดของ The New York Times Fiction นานถึง 48 สัปดาห์
ซึ่ง รีส วิทเธอร์สปูน (Reese Witherspoon) นักแสดงฮอลลีวูดชื่อดัง ได้ลงทุนซื้อลิขสิทธิ์หนังสือเล่มโปรดของเธอเองมาผลิตในรูปแบบหนัง ภายใต้บริษัทโปรดักชันของเธอเองที่ชื่อว่า Hello Sunshine และยังลงมือทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ด้วยเอง
‘Where the Crawdads Sing’ เป็นเรื่องราวของ คยา คลาร์ก เด็กสาวไร้เดียงสาที่เติบโตในบึงน้ำแถบป่าชายเลน เธอกลายเป็นคนแปลกแยกลึกลับจนถูกชาวเมืองขนานนามว่า สาวบึงน้ำ จนเมื่อเธอโตเป็นสาว ก็เกิดเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ทั้งมิตรภาพ ความรัก และการถูกกดทับจากสังคม หลังเกิดเหตุมีนักศึกษาหนุ่มที่เข้ามาใกล้ชิดเธอ เสียชีวิตอย่างปริศนาใกล้ ๆ กับบึงน้ำที่เธออยู่อาศัย
และนี่ถือว่าเป็นการร่วมงานครั้งแรกของ เอ็ดการ์-โจนส์ กับวิทเธอร์สปูน ดาราซูเปอร์สตาร์ในฐานะโปรดิวเซอร์ของหนัง “ฉันเติบโตมากับการดูหนังของเธอค่ะ ฉะนั้นมันเลยเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ เธอมีวิสัยทัศน์ที่น่าทึ่งมาก สำหรับตัวละครและเรื่องราวอันซับซ้อนที่มีผู้หญิงรับบทนำ”
โอลิเวีย นิวแมน (Olivia Newman) ผู้กำกับหนังเรื่องนี้เคยเปิดเผยความประทับใจของ เอ็ดการ์-โจนส์ ตอนที่มาออดิชันบทบาท คยา สาวบึงน้ำไว้ว่า ครั้งนั้น เอ็ดการ์-โจนส์ ต้องอ่านออกเสียงชื่อของบรรดาญาติที่หนีจากบ้าน ทิ้งเธอไว้ที่ริมบึงน้ำตามลำพัง ซึ่งทำให้นิวแมนถึงกับน้ำตารื้น “ทุกคนที่ได้ดูเทปออดิชันของเธอ ต่างรู้สึกเหมือนกันว่าเรากำลังดูดาราหนัง”
อีกความประทับใจที่เธอได้เปิดเผยกับ Harper’s Bazaar UK ก็คือ โลเกชันบึงน้ำในกองถ่าย ซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับคนเมืองอย่างเธอมาก ๆ แม้ตัวหนังจะระบุว่าเป็นบึงน้ำ บาร์กลีย์ โคฟ (Barkley Cove) รัฐนอร์ธแคโรไลนา (North Carolina) แต่จริง ๆ แล้วบึงน้ำที่ใช้เป็นโลเกชันหลักในการถ่ายทำ คือบึงน้ำที่อยู่ในเมืองฮูมา (Houma) รัฐลุยเซียนา (Louisiana) ต่างหาก
“ฉันไม่เคยเห็นสภาพแวดล้อมแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ ฉันไม่เคยเห็นหนองน้ำ เห็นธรรมชาติแบบนั้น หรือเจอแมลงต่าง ๆ เช่นแมลงสาบมาก่อน มันเป็นสถานที่ที่น่าทึ่งมาก ๆ ฉันล่องเรือไปตามแม่น้ำในที่ลุ่ม และฉันก็ได้เจอจระเข้ด้วย เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก ๆ “
ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำอีกครั้งในปี 2023
ปี 2023 เอ็ดการ์-โจนส์ ก็ได้มีรายชื่อบนเวทีรางวัลระดับโลกอีกครั้ง บนเวทีประกาศรางวัลลูกโลกทองคำ ครั้งที่ 80 ซึ่งเธอได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม สาขามินิซีรีส์ ซีรีส์ และภาพยนตร์โทรทัศน์ จากมินิซีรีส์อาชญากรรมเรื่อง ‘Under The Banner of Heaven’ มินิซีรีส์ความยาว 7 ตอนที่ฉายทางสตรีมมิง Hulu (ในไทยรับชมได้ผ่าน Disney+Hotstar)
ตัวซีรีส์ดัดแปลงจากนิยายอาชญากรรมของ จอน คราเคาเออร์ (Jon Krakauer) เรื่องราวของตำรวจนักสืบ ที่ต้องเผชิญกับวิกฤติภายในจากความศรัทธาที่เริ่มสั่นคลอน เมื่อผู้สงสัยในคดีนี้ เกี่ยวข้องกับโบสถ์ที่เขาศรัทธา และคดีฆาตกรรมนี้ยังโยงใยไปถึงการเปิดโปงคดีคอรัปชันในเมืองที่เขาอยู่อาศัยด้วย
เอ็ดการ์-โจนส์ รับบทเป็น เบรนดา ลาฟเฟอร์ตี (Brenda Lafferty) หญิงสาวที่ตกเป็นเหยื่อฆาตกรรมพร้อมกับลูกสาวตัวน้อยของเธอในปี 1984 ร่วมกับนักแสดงอีกคับคั่ง ทั้ง แซม เวอร์ธิงทัน (Sam Worthington) ที่รับบทเป็นสามีของเบรนดา และ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ (Andrew Garfield) ผู้รับบทเป็นตำรวจนักสืบผู้เคร่งศาสนา ที่ได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม สาขามินิซีรีส์ ซีรีส์ และภาพยนตร์โทรทัศน์บนเวทีนี้ด้วยเช่นกัน
แถม! เธอเป็นสาวเรียบร้อยที่มีความสามารถพิเศษแปลก ๆ อย่างหนึ่งคือ สามารถกรี๊ดได้เสียงดังกว่าคนปกติ ไม่เชื่อลองฟัง (นาทีที่ 1.21 คำเตือน: โปรดลดเสียงลำโพงหรือหูฟังก่อนรับชม เตือนแล้วนะ)
ที่มา: GQ, What To Watch, TV Overmind, Wikipedia
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส