เซเลนา โกเมซ (Selena Gomez) ศิลปินและนักแสดงสาววัย 30 ปี และคนดังผู้มีอิทธิพลบนโลกอินเทอร์เน็ต ที่เคยทำสถิติมีผู้ติดตามบน Instagram มากที่สุดในโลกเมื่อปี 2016 จนได้ฉายาว่าเป็น ‘ราชินีแห่งอินสตาแกรม’ (Queen of Instagram) ที่ได้ประกาศหยุดเล่น Instagram และเลิกใช้อินเทอร์เน็ตเมื่อปี 2019 เพื่อรับมือกับปัญหาสุขภาพจิต และหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับกระแสเชิงลบบนอินเทอร์เน็ตมาอย่างยาวนานกว่า 4 ปี
เมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวบน Instagram ของเธออีกครั้ง เมื่อโกเมซได้โพสต์ภาพเซลฟีกับกระจกห้องน้ำ 3 ภาพแบบเงียบ ๆ พร้อมเขียนแคปชันสั้น ๆ ว่า “เดี๋ยวนะ ไม่เห็นเหรอว่าฉันกลับมาเล่นอินสตาแกรมแล้ว ? ” เพื่อเป็นสื่อสัญญาณว่า เธอกลับมาดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน ล็อกอิน และกลับมาคุมบัญชี Instagram ด้วยตัวเองอีกครั้งในรอบ 4 ปีกว่า ๆ
แม้ว่าโกเมซ เจ้าของบัญชี Instagram ที่มีผู้ติดตามมากถึง 370 ล้านคนในปัจจุบัน จะเป็นผู้มีอิทธิพลบนโลกอินเทอร์เน็ตสูงติดอันดับโลก แต่ในอีกด้าน เธอก็มีปัญหาเกี่ยวกับการใช้โซเชียลมีเดียด้วยเช่นกัน เธอเคยประกาศหยุดพักโซเชียลมีเดียเป็นระยะ ๆ จากการที่เธอต้องการพักรักษาสุขภาพจิต และพักฟื้นจากสุขภาพกายจากการรักษาอาการโรคลูปัส และช่วงที่เธอเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนไตที่ได้รับบริจาคจากเพื่อนสนิทของเธอเมื่อปี 2017
แต่ที่เรียกว่าเป็นการหยุดพักการเล่นโซเชียลมีเดียของเธอที่นานที่สุดก็คือ หลังจากช่วงเหตุการณ์ที่ จัสติน บีเบอร์ (Justin Bieber) อดีตแฟนหนุ่มของเธอได้ประกาศแต่งงานกับนางแบบสาว เฮลีย์ บาลด์วิน (Hailey Baldwin) ภรรยาคนปัจจุบันของเขา หลังจากที่เพิ่งกลับมาคบ (และเลิกราอีกครั้ง) กับโกเมซไม่นาน
เหตุการณ์หลาย ๆ อย่าง ส่งผลกระทบทำให้เธอเกิดปัญด้านสภาพจิตใจ จนทำให้เธอต้องเข้ารับรักษาอาการต่าง ๆ เช่น ไบโพลาร์ โรควิตกกังวล และโรคซึมเศร้า รวมทั้งการต้องรับมือกับคอมเมนต์ด้านลบด้วยตัวเอง ทำให้เมื่อวันที่ 24 กันยายน ปี 2018 เธอได้โพสต์ภาพและแคปชัน ประกาศว่าจะหยุดพักการเล่น Instagram และการใช้อินเทอร์เน็ต เพื่อใช้เวลาในการพักฟื้นจิตใจ
แม้ว่าบัญชี Instagram ของเธอจะยังเคลื่อนไหว แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นการโพสต์ภาพของผู้ช่วย เนื่องจากเธอตัดสินใจลบแอปออกจากโทรศัพท์ และยังมอบรหัสล็อกอิน และให้ผู้ช่วยของเธอเป็นผู้จัดการ และโพสต์ทุกอย่างที่เธอต้องการในโซเชียลมีเดียแทน ทำให้ทุกโพสต์ที่เคลื่อนไหวหลังจากปี 2019 เป็นการโพสต์โดยผู้ช่วยของเธอแทบทั้งสิ้น ซึ่งเธอได้เปิดเผยกับ Vogue ในปี 2021 ว่า แม้หลายคนจะสงสัย และหลายคนก็มองว่าเธอโกหก เธอจึงได้ตอบว่า เธอไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จะโกหกทั้งสิ้น
“ทันทีที่ฉันกลายเป็นคนที่มีคนติดตามมากที่สุดในอินสตาแกรม ฉันก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆ มันกลายเป็นเรื่องที่กินเวลาสำหรับฉันมาก มันคือสิ่งที่ฉันทำตอนตื่นและเข้านอง ฉันเหมือนเป็นคนติดยา และได้เห็นในสิ่งที่ฉันไม่อยากเห็น เหมือนกำลังยัดเยียดสิ่งต่าง ๆ เข้ามาในหัวโดยที่ฉันไม่ได้สนใจ ฉันจะรู้สึกแย่เสมอเมื่อฉันเปิดอินสตาแกรม นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฉันจึงชอบทำตัวให้ลึกลับ ไม่ยุ่งกับชีวิตของใคร และไม่ให้ใครยุ่งกับชีวิตของฉัน”
“ที่ฉันบอกแบบนั้น เพราะมันเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าสุขภาพจิตดีขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา ฉันไม่รู้เลยจริง ๆ นะว่ามีอะไรเกิดขึ้นใน Pop Culture บ้าง และนั่นทำให้ฉันมีความสุขมาก มันอาจจะไม่ได้ทำให้ทุกคนมีความสุข แต่สำหรับฉันแล้ว มันช่วยชีวิตฉันไว้ได้จริง ๆ “
เมื่อปี 2022 โกเมซได้เปิดเผยในรายการ Good Morning America ทางช่อง ABC ว่า เธอได้หยุดใช้อินเทอร์เน็ตมากว่า 4 ปีครึ่งแล้ว และทำให้สุขภาพจิตของเธอดีขึ้น “มันเปลี่ยนชีวิตของฉันไปแบบสมบูรณ์เลยค่ะ ฉันมีความสุข และอยู่กับปัจจุบันมากขึ้น ได้พบปะพูดคุยกับผู้คนมากขึ้น มันทำให้ฉันรู้สึกเป็นปกติ ฉันเข้าใจดีค่ะว่าอินเทอร์เน็ตมันมีพลังแค่ไหน และมันก็ทำให้เกิดสิ่งดีงามแก่โลกนี้หลายอย่าง แต่สำหรับฉัน ฉันได้รับข่าวสารที่สำคัญจริง ๆ จากผู้คนในชีวิตของฉันเท่านั้น”
เธอยังได้เปิดเผยกับ InStyle ในปีเดียวกันว่า “ฉันรู้ตัวดีว่า โลกใบเล็ก ๆ ของฉันนั้นซับซ้อน แต่มันใหญ๋กว่าสิ่งที่ฉันจะจัดการได้ ฉันมีปัญหาเกี่ยวกับภาวะซึมเศร้าและวิตกกังวล มันยากเหลือเกินที่ฉันจะได้เป็นตัวของฉันเอง ฉันไม่ต้องการโพสต์อะไรในโซเชียลมีเดีย เพราะฉันรู้ตัวว่า ในสถานการณ์ที่ฉันมีความสุข ฉันควรจะโพสต์หรือพูดอะไรได้บ้าง”
“ถึงจุดหนึ่ง Instagram กลายเป็นโลกทั้งใบของฉันไปแล้ว และนั่นเป็นสิ่งที่อันตรายมาก ตอนอายุ 20 ต้น ๆ ฉันรู้สึกว่าตัวเองยังไม่สวยพอ มีช่วงหนึ่งในชีวิตที่ฉันคิดว่า ฉันต้องแต่งหน้าตลอด เพราะฉันไม่อยากถูกมองตอนที่ยังไม่แต่งหน้า”
“จนเมื่ออายุมากขึ้น ฉันก็ยิ่งตระหนักว่า ฉันต้องควบคุมความรู้สึกของตัวเอง ฉันอยากจะมองตัวเองในกระจกและรู้สึกมั่นใจว่าเป็นใคร การหยุดพักจากโซเชียลมีเดีย เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดสำหรับสุขภาพจิตของฉัน เมื่อฉันวางโทรศัพท์ลง ความเกลียดชัง การเปรียบเทียบที่ไม่มีประโยชน์ก็หายไปทันที ฉันคิดว่าคงจะมีช่วงเวลาที่ความรู้สึกแปลก ๆ นั้นจะกลับมา แต่ตอนนี้ ความสัมพันธ์ของฉันกับตัวฉันเองดีขึ้นมาก ๆ “
ที่มา: Billboard, NowThis, People, Page Six
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส