หนังดราม่าอาชญากรรม ที่เน้นขายชื่อไบรอัน แครนสตัน กันเต็ม ๆ ไบรอัน เป็นดาราที่อยู่ในวงการมานานมาก แล้วมาเป็นที่รู้จักจากซีรีส์ Breaking Bad ที่ฮิตสุด ๆ ในช่วงปี 2008 – 2013 ทำให้ไบรอันกลายเป็น ดารางานชุกเอาตอนแก่ หลังจาก The Infiltrator เขามีหนังรอฉายถึงปี 2018 อีก 9 เรื่องเลย
The Infiltrator เป็นหนังอีกเรื่องที่อ้างถึง ปาโบล เอสโคบาร์ เจ้าพ่อยาเสพติดชาวโคลัมเบียที่รวยที่สุดในประวัติศาสตร์ ปาโบล รุ่งสุด ๆ ในช่วง 80s ว่ากันว่า ปาโบล ครอบครองตลาดโคเคนถึง 80% บนโลก มีทรัพย์สินมากถึง 30,000 ล้านเหรียญ ตลาดหลักของปาโบล คือเอาโคเคนเข้าทางฟลอริด้า ไบรอัน แครนสตัน รับบทเป็นสายลับมากประสบการณ์ ก่อนเกษียณเขารับอาสางานสำคัญคือปลอมตัวเป็น โรเบิร์ต มุสเซลลา นักฟอกเงินตัวยงเข้าไปตีสนิทกับตัวแทนของปาโบลทีละระดับ จนเข้าไปถึงมือขวาของปาโบล หนังเป็นผลงานของ แบรด เฟอร์แมน ผู้กำกับที่ถนัดหนังแนว ๆ ด้านมืดอาชญากรรมและวงการพนัน งานที่ได้รับเสียงชื่นชมสุดก็ Lincoln Lawyer (2011) ที่ได้ แมทธิว แมคคอนาเฮย์ มารับบทนำ เรื่องนี้ แบรด ดึงเอา เอลเลน บราวน์ เฟอร์แมน แม่ของเค้าเองมาเขียนบท โดยดัดแปลงมาจากหนังสือที่เขียนโดยโรเบิร์ต เมเซอร์ ตัวจริง
แนวหนังค่อนข้างหนักปนเครียด ไม่ใช่แนวที่เอาใจตลาดนัก เป็นหนังที่เน้นไปทางบทสนทนา เดินหน้าไปช้า ๆ ชวนง่วงเหมือนกัน ถึงแม้เป็นหนังในแวดวงเจ้าพ่อแต่ก็มีฉากแอ็คชั่นให้เห็นน้อยและไม่มีฉากโหด แต่หลาย ๆ ฉากก็สื่อความเครียดกดดันให้สัมผัสได้ ได้ลุ้นกับฉากที่ตัวละครตกอยู่ในสถานการณ์คับขันโดนสงสัยว่าเป็นสายตำรวจ ต้องอาศัยไหวพริบบวกความกะล่อนลื่นไหลในการเอาตัวรอด เป็นหนังที่ต้องใช้สมาธิในการดูสูง เพราะตัวละครเยอะมาก ทั้งบรรดาลูกน้องของปาโบล และเหล่านายแบงค์ที่รับฟอกเงินให้ปาโบล ต้องแยกแยะให้ได้ว่านี่คือฝ่ายตำรวจ นี่คือฝ่ายผู้ร้าย ส่วนดีสุดก็ต้องยกให้การแสดงของไบรอัน แครนสตัน นั่นแหละ ที่ต้องสวมบทสองบุคลิกในฐานะสามีและพ่อของลูกที่ตัวจริงเป็นคนรักครอบครัว แล้วก็ต้องสวมบทบาทเป็น มุสเซลล่า อาชญากรอารมณ์ร้อนเพื่อสร้างความยอมรับจากเหล่าแก๊งจากโคลัมเบีย
หนังมีดาราเบอร์กลาง ๆ มาร่วมงานเยอะมาก ไดเอน ครูเกอร์ มารับบทเป็น แคธี ตำรวจสายลับมือใหม่ที่โดนมอบหมายให้มาปลอมตัวเป็นคู่หมั้นของ มุสเซลลา น่าชื่นชมในภาพลักษณ์เธอครับ เข้าวงการมา 12 ปีแล้ว ถ้านับตั้งแต่ Troy (2004) ก็ยังคงความสวยได้เหมือนเดิมเป๊ะ โอลิมเปีย ดูคาคิส โผล่มาไม่มาก แต่ก็ยังโชว์ฟอร์มของดาราดีกรีออสการ์ให้ได้เห็น จอห์น เลไกวเซโม ที่แทบไม่มีงานให้ได้เห็นแล้ว แต่ก็เป็นดาราขาประจำแทบทุกเรื่องของ แบรด เฟอร์แมน ก็เลยได้บทสำคัญในเรื่องนี้ไป และเบนจามิน แบรตต์ ที่ก็แทบไม่ค่อยเห็นหน้าบนจอมาพักใหญ่แล้ว
หนังยาว 2 ชั่วโมง หมดเวลาไปกับช่วงต้น ปูทางนานมากกว่าที่ โรเบิร์ต จะได้เข้าถึงตัว อัลเคโน และแทบไม่เห็นกิจกรรมหรือช่วงเวลาสำคัญใด ๆ ที่โรเบิร์ต จะได้ใกล้ชิดผูกพันกับ อัลเคโน เพราะตามเนื้อหาในเรื่อง โรเบิร์ตได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากอัลเคโนมาก ซึ่งผู้กำกับก็พยายามชงอารมณ์จากจุดนี้ไปบิลท์อารมณ์ดราม่าในฉากไคลแมกซ์ ก็เลยยังดูตะขิดตะขวงใจนักในฐานะคนดูว่ารักใคร่ผูกพันกันได้เพียงนั้นเชียวหรือ
หนังใช้ทุนสร้างไป 25 ล้านเหรียญ ออกฉายในอเมริกาเมื่อเดือนกรกฎาคม ได้เงินกลับมาแค่ 15 ล้านเหรียญ เหตุเพราะหนังไม่ถูกรสนิยมวงกว้างนัก แต่เหมาะกับกลุ่มคนดูผู้ใหญ่ที่ชอบหนังสไตล์เนิบ ๆ หนัก ๆ เน้นการแสดงครับ หนังจบแบบหนังที่สร้างจากเรื่องจริงทั่วไป มีภาพตัวตนจริง ๆ ให้ดูและชะตากรรมความเป็นไปของแต่ละบุคคล ส่วนที่ไม่ชอบที่สุดในเรื่องนี้คือชื่อไทยครับ “แผนปล้นเหนือเมฆ” หลอกลวงคนดูมาก ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับการปล้นสักนิดเลย