ล่าสุดนักร้องหนุ่มชื่อดัง จัสติน บีเบอร์ (Justin Bieber) ได้ทำการตกลงขายสิทธิ์เผยแพร่ และค่าลิขสิทธิ์ศิลปินให้กับ Hipgnosis Songs Fund ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนด้านลิขสิทธิ์เพลงของอังกฤษ ในราคา 200 ล้านเหรียญ หรือราว 6,500 ล้านบาท
ซึ่งรายงานนี้ ประกาศเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2023 โดยทางบริษัท Hipgnosis Songs Fund ได้ทำข้อตกลงกับบีเบอร์ เป็นที่เรียบร้อย ดังนั้นเพลงของบีเบอร์ ที่ปล่อยออกมาก่อนวันที่ 31 ธันวาคม 2021 ซึ่งมี 290 เพลง รวมถึงเพลงฮิตในอดีตทั้งหมด เช่น “Baby”, “Boyfriend” และ “Love Me” จะตกเป็นของ Hipgnosis Songs Fund ซึ่งการได้มาของลิขสิทธิ์เพลงเหล่านี้ ทำให้บริษัทสามารถสร้างรายได้ทันทีเมื่อมีการเปิดใช้เพลงในที่สาธารณะ
ถึงแม้ว่าการซื้อขายในครั้งนี้ จะไม่มีราคาบ่งบอกอย่างชัดเจน แต่สำนักข่าวชั้นนำระดับโลกอย่าง AFP ก็ได้อ้างอิงแหล่งข่าวว่า ราคาของการขายอาจสูงถึง 200 ล้านเหรียญ หรือราว 6,500 ล้านบาท
สกูตเตอร์ บรอน (Scooter Braun) ซีอีโอของ Hybe America และผู้จัดการของบีเบอร์ ที่ร่วมงานกันมานานกว่า 15 ปี ได้ออกมาแถลงการณ์ผ่าน CNN หลังจากมีการประกาศข้อตกลง “ในระยะเวลา 15 ปี ผมรู้สึกขอบคุณมากกับการเดินทางครั้งนี้ จัสตินเป็นศิลปินรุ่นหลังที่ได้รับการยอมรับจากข้อตกลง ดังนั้น วันนี้ผมจึงมีความสุขกับความยิ่งใหญ่ของเขาที่เพิ่งได้เริ่มต้นขึ้น” บรอนกล่าว
ต่อมาทาง เมิร์ค เมอร์คิวเรียดิส (Merck Mercuriadis) ผู้ก่อตั้ง และซีอีโอของ Hipgnosis Song Management ได้กล่าวกับสื่อว่า “จัสติน บีเบอร์ เป็นศิลปินที่สร้างผลกระทบต่อวงการเพลงโลก ในช่วง 14 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมันน่าทึ่งมาก ดังนั้นการซื้อกิจการครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในข้อตกลงที่ใหญ่ที่สุด สำหรับศิลปินที่มีอายุต่ำกว่า 70 ปี ผมจึงรู้สึกยินดีที่ได้ต้อนรับบีเบอร์และผลงานเพลงที่น่าทึ่งของเขา เข้ามาสู่ครอบครัวฮิปโนซิส” เมอร์คิวเรียดิสกล่าว
ก่อนหน้านี้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา Hipgnosis Song Management ก็ได้ซื้อลิขสิทธิ์เพลงของ จัสติน ทิมเบอร์เลก (Justin Timberlake) โดยมีมูลค่าเพียง 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 3,200 ล้านบาทเท่านั้น ในขณะที่ บรูซ สปริงส์ทีน (Bruce Springsteen) ขายเพลงของเขา ในราคาประมาณ 550 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 1,790 ล้านบาท
ดังนั้นบีเบอร์จึงเป็นศิลปินคนล่าสุดที่ขายลิขสิทธิ์เพลงให้กับบริษัทนี้ แล้วมีมูลค่าการซื้อขายมากที่สุด
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส