ความน่าสนใจหนึ่งของ ‘Record of Ragnarok’ หรือ ‘มหาศึกคนชนเทพ’ อนิเมะดัดแปลงจากมังงะชื่อดังของทาง Netflix ที่ซีซัน 2 เพิ่งลงจอฉายให้ได้ชมกันไปไม่นานมานี้ นอกจากจะเป็นเรื่องราวของการปะทะกำลังกันต่อสู้ในศึกแร็กนาร็อก ระหว่างมหาเทพตัวท็อปจากสรวงสวรรค์วัลฮัลลา และเหล่ามนุษย์สุดแกร่งบนผืนโลก ผ่านเรื่องราวแนวแอ็กชันสุดมันแสนเวอร์วังอลังการแล้ว
อีกความน่าสนใจก็คงหนีไม่พ้นเนื้อเรื่องที่สามารถผสมผสานตำนานทวยเทพจากทั่วทั้งโลก ผนวกเข้ากับเรื่องราวและชีวประวัติของบุคคลสำคัญระดับตำนานของโลกเข้ามาไว้ด้วยกันอย่างน่าสนใจ ทำให้เนื้อเรื่องจึงเต็มไปด้วยเรื่องราวการต่อสู้ที่เร้าใจและสนุกสนานน่าติดตาม (แม้ลายเส้นฉบับอนิเมะจะงานหยาบไปหน่อยก็เถอะ)
เช่นเคย ในซีซัน 2 ก็ยังมีเรื่องราวของคู่ต่อสู้ทั้งจากฝั่งมนุษย์และจากฝั่งเทพที่น่าสนใจมากมายหลายคน โดยเฉพาะฝั่งมนุษย์ ที่ผู้แต่งเรื่องจากมังงะต้นฉบับอย่างอาจารย์ชินยะ อุเมมุระ (Shinya Umemura) และอาจารย์ทากุมิ ฟุกุอิ (Takumi Fukui) ได้นำเอาเรื่องราวชีวประวัติของบุคคลในตำนานที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น และประวัติศาสตร์โลกมาตีความใหม่ มีพลังต่อกรกับเหล่าทวยเทพได้อย่างสนุกสูสี
โดยเฉพาะในตอนที่ 6 ของซีซัน 2 เป็นต้นไป ก็ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดตัดสินชะตากรรมของศึกมหาคนชนเทพอีกครั้งก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นการแข่งเพื่อชิงแต้มที่กำลังเสมออยู่ โดยคู่แข่งที่บรุนฮิลด์ (Brunhilde) เลือกมาต่อกรกับพระศิวะ ตัวแทนจากฝั่งเทพในศึกแร็กนาร็อก (Ragnarok) ครั้งที่ 5 นั้นก็คือ นักซูโม่ผู้แข็งแกร่งที่สุดที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ เจ้าของฉายา ‘จอมพลังผู้เป็นหนึ่งเดียว’ ไรเดน ทาเมเอมอน (Raiden Tameemon)
คำเตือน: บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาและบทสรุปของอนิเมะ ‘Record of Ragnarok’ ซีซัน 2 ตั้งแต่ตอนที่ 6 (“การคาดการณ์ของแต่ละคน”) จนถึงตอนที่ 10 (“สถานการณ์คับขัน”)
ประวัติของ ไรเดน ทาเมเอมอน ในอนิเมะ
ไรเดน ทาเมเอมอน (Raiden Tameemon) ปรากฏตัวครั้งแรกในอนิเมะตอนที่ 6 (“การคาดการณ์ของแต่ละคน”) ในระหว่างที่แต้มของฝั่งมนุษย์กับฝั่งเทพในศึกแร็กนาร็อกมีฝั่งละ 2 แต้มเท่ากัน และในระหว่างที่มนุษย์เริ่มสิ้นหวังในการเอาชนะเหล่าทวยเทพ บรุนฮิลด์และเกล (Göll) วัลคีรีผู้ปกป้องโลกมนุษย์ได้ไปตามไรเดนเพื่อมาต่อสู้ในศึกแร็กนาร็อกกับพระศิวะ มหาเทพแห่งการทำลายล้าง ตัวแทนจากฝั่งเทพเจ้า
ไรเดนในอนิเมะ เป็นนักซูโม่ที่มีร่างกายสูงใหญ่กว่ามนุษย์ปกติ แม้แต่วัลคีรีอย่างบรุนฮิลด์ เขาเป็นนักกีฬาซูโม่ที่มีนิสัยเสียเมื่ออยู่กับผู้หญิง ชอบกินดื่ม และชอบนอน จนทำให้เกลเรียกเขาว่าเป็น ‘ศูนย์รวมของกิเลสตัณหา’ บรุนฮิลด์ได้เรียกให้ ธรูด (Thrud) วัลคีรี (Valkyrie) สาวกล้ามล่ำร่างใหญ่ ก่อร่างโวลุนด์ (Völundr) กับไรเดน ได้รับเทพศาสตราเพื่อให้เขาสามารถควบคุมพลังกล้ามเนื้อ และดึงพลังจากกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งผิดมนุษย์ที่มีมาแต่กำเนิด ออกมาใช้ในการต่อสู้กับพระศิวะได้อย่างเต็มที่
ประวัติเดิมของ ไรเดน ทาเมเอมอน ในอนิเมะ
ไรเดน ทาเมเอมอน แต่เดิมมีชื่อว่า ทะโระคิจิ เซะกิ (Tarōkichi Seki) เป็นลูกชายคนเดียวของฮะเนมอน เซะกิ (Hanemon Seki) ผู้เป็นพ่อ เคน เซะกิ (Ken Seki) ผู้เป็นแม่ ครอบครัวของ ทะโระคิจิ เซะกิเป็นชาวนาชนบทในแคว้นชินาโนะ แม้ว่าเด็กชายทะโระคิจิจะอายุเข้าได้ 3 ขวบแล้ว แต่ตัวเขาเองกลับเดินไม่ได้เหมือนเด็กคนอื่น ๆ เนื่องจากมีกล้ามเนื้อที่ผิดปกติ ทำให้พ่อแม่ของเขาเป็นกังวลอย่างมาก
จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้ตัดสินใจหัดเดินด้วยตัวเอง แม้ว่าจะเดินก้าวแรกได้สำเร็จ แต่ก็ทำให้กล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งของเขา บีบรัดกระดูกแขน ขา ซี่โครง จนหักไปทั่วทั้งตัว แต่ในวันหนึ่ง เขาก็ฝีกฝนร่างกายจนสามารถควบคุมพลังกล้ามเนื้อได้ เกิดเป็นเส้นเชือกสีแดงที่เรียกว่า ร้อยผนึก (Hundred Seals) รัดตรึงกล้ามเนื้อของไรเดนเอาไว้เพื่อให้สามารถควบคุมพลังกล้ามเนื้อได้ กลายเป็นคนปกติที่มีพลังมหาศาลเหนือมนุษย์
แม้ตัวของเขาเองจะมีจิตใจดี แต่ด้วยพลังอันมหาศาล ก็ทำให้เขาถูกคนอื่นมองว่าแปลกประหลาด ทำให้เขารู้สึกน้อยใจ แต่แม่ของเขายังก็คอยพร่ำสอนให้เขาใช้พลังในการปกป้องคนอื่นในทางที่ดีและช่วยเหลือคนอื่นเสมอ ทำให้ทะโระคิจิโตขึ้นมามีจิตใจที่ดีงาม ใช้พลังของตัวเองในการช่วยเหลือพ่อแม่และคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านสม่ำเสมอ
จนกระทั่งเข้าสู่วัยรุ่น หมู่บ้านที่ทะโระคิจิอยู่ได้ประสบกับสภาพอากาศแปรปรวน ผู้คนตกยากเพราะผลผลิตเสียหายหมด ทะโระคิจิจึงได้จากบ้าน เดินทางเข้าเมืองเพื่อหาเงินให้ครอบครัว จนกระทั่งเขาได้เข้าฝีกฝนเป็น ริกิชิ (Rikishi – 力士) หรือนักกีฬาซูโม่กับ ทะนิคะเสะ คะจิโนะสึเกะ (Kajinosuke Tanikaze) นักกีฬาซูโม่ระดับโยโกะสึนะ (Yokozuna – 横綱 ระดับชั้นขั้นสูงสุดของนักกีฬาซูโม่)
ความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ และด้วยส่วนสูง 197 เซนติเมตร น้ำหนัก 169 กิโลกรัม และมีแขนขายาวกว่าคนทั่วไป ทำให้ทะโระคิจิ กลายเป็นนักกีฬาซูโม่ที่สามารถเอาชนะนักกีฬาซูโม่ได้ทั้งแผ่นดิน เป็นที่รู้จักในนาม ไรเดน ทาเมเอมอน (Raiden – 雷電 มีความหมายว่า สายฟ้า) นักกีฬาซูโม่ผู้แข็งแกร่งที่สุด เป็นดังเทพเจ้าของซูโม่ในเวลาอันรวดเร็ว แม้เขาจะแทบไม่ได้ใช้กำลังกล้ามเนื้ออย่างเต็มที่เลยก็ตาม
เมื่อไม่มีริกิชิคนใดสามารถเอาชนะต้านทานพลังเหนือมนุษย์ของเขาได้อีกต่อไป ประกอบกับความรู้สึกในใจจากการที่เขารู้สึกว่าไม่ได้แข่งขันซูโม่อย่างเต็มความสามารถมากนัก และเพื่อป้องกันไม่ให้เขาเผลอทำร้ายผู้อ่อนแออีก ทำให้ไรเดนตัดสินใจเลือกปิดผนึก 4 ท่าที่เป็นท่าไม้ตายในการเอาชนะการแข่งขัน นั่นก็คือท่ากระแทกฝ่ามือ ท่าตบมือเปล่า ท่าล็อกแขนคู่ และท่ากดทับ แต่สุดท้ายด้วยพลังที่เหนือกว่า เขาก็ยังสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้เรื่อย ๆ จนกระทั่งตัดสินใจเกษียณ เลิกเล่นซูโม่อย่างถาวร หลังจากเป็นริกิชิมานานกว่า 21 ปี
ลำดับชั้น หรือ บันสึเกะ (Bunsuke) ของไรเดนคือ ระดับโอเซะกิ (Ōzeki – 大関 ระดับชั้นรองลงมาจากโยโกะสึนะ) ตลอด 21 ปี เขาลงแข่งทั้งหมด 258 ครั้ง ทำสถิติชนะ 254 ครั้ง แพ้ 10 ครั้ง เสมอ 2 ครั้ง การแพ้และเสมอทุกครั้งเกิดจากการที่เขาแข่งกับริกิชิที่มีระดับชั้นต่ำกว่า เขาจึงยอมแพ้เพราะไม่ต้องการจะทำร้ายคู่ต่อสู้ จนทำให้เขากลายเป็นนักกีฬาซูโม่ไร้พ่าย ได้รับสมญาว่าเป็น ‘ริกิชิผู้ไร้เทียมทาน’ (Peerless Rikishi – 無む類るい力りき士し) หรือในอนิเมะจะเรียกว่า ‘จอมพลังผู้เป็นหนึ่งเดียว’ ถูกจารึกไว้ว่าเป็นริกิชิที่มีกล้ามเนื้อแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์
ไรเดน ทาเมเอมอน ในศึกแร็กนาร็อก ครั้งที่ 5
ไรเดน ทาเมเอมอน ตัวแทนฝั่งมนุษย์ ได้เข้าต่อกรกับพระศิวะ ตัวแทนฝั่งเทพ ในศึกแร็กนาร็อก ครั้งที่ 5 โดยทั้งคู่ได้ต่อสู้กันอย่างดุเดือด กลายเป็นอีกหนึ่งคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ จนเมื่อไรเดนเกิดอาการบาดเจ็บจากพลังกล้ามเนื้อที่เริ่มควบคุมได้ลำบาก ทำให้เขาตระหนักว่า ตอนที่เขายังแข่งซูโม่ เขาไม่ได้แข่งขันอย่างเต็มที่ เต็มความสามารถมาเนิ่นนานแล้ว เขาจึงรู้สึกมีความสุขที่จะต่อสู้กับพระศิวะอย่างเต็มที่และไม่กลัวตาย
ในจังหวะการแข่งขันที่เริ่มเสียเปรียบ เขาได้เรียกให้ ธรูด โวลุนด์ของเขาเพิ่มพลังขึ้นอีกเป็นเฮือกสุดท้าย แม้เขาจะรู้ว่าพลังกล้ามเนื้อที่เริ่มควบคุมไม่ได้ของเขาอาจทำให้เขาตาย แต่เขาก็เลือกที่จะใช้ และธรูดเองก็เลือกที่จะอยู่กับไรเดน เนื่องจากเกิดความรักผู้ชายที่ยอมรับในตัวของเธอเองได้ เธอจึงตั้งใจที่จะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต ด้วยพลังถีบของพระศิวะ ทำให้กล้ามเนื้อแขนของไรเดนฉีกขาด ไรเดนและธรูดจากไปอยู่บนสวรรค์วัลฮัลลา ส่วนพระศิวะที่เอาชนะมาได้ก็สะบักสะบอมไม่แพ้กัน ฝ่ายมนุษย์พลิกเสียเปรียบด้วยแต้มที่ตามฝั่งเทพเจ้าอยู่ 2 ต่อ 3 คะแนนในตอนที่ 10 (“สถานการณ์คับขัน”)
ชีวิตจริงของ ไรเดน ทาเมเอมอน ริกิชิผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
ในมังงะและอนิเมะ ได้ดัดแปลงและตีความตัวละครจากบุคคลสำคัญของญี่ปุ่นที่มีอยู่จริง นั่นก็คือ ไรเดน ทาเมเอมอน (雷電 爲右衞門) หนึ่งในริกิชิผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์กีฬาซูโม่ของญี่ปุ่นที่มีชีวิตในช่วงศตวรรษที่ 17 และ 18 เป็นเจ้าของสถิติอัตราการชนะสูงสุดในการแข่งขันระดับสูงตลอดกาลมาจนถึง ณ ปัจจุบัน และยังได้ชื่อว่าเป็นริกิชิที่ประสบความสำเร็จในอาชีพสูงสุด แม้ว่าจะไม่เคยได้เลื่อนลำดับขั้นเป็นโยโกะสึนะเลยในช่วงชีวิตก็ตาม
ไรเดนมีนามเดิมแต่กำเนิดว่า ทะโระคิจิ เซะกิ (Tarōkichi Seki) เกิดในเดือนมกราคม ปี 1767 เป็นบุตรชายคนเดียวของชาวนาชนบทในเมืองโทมิ (Tōmi) จังหวัดชินะโนะ (Shinano) หรือเมืองนางาโนะ (Nagano) ในปัจจุบัน มีบันทึกไว้ว่า ทะโระคิจิมีความแข็งแรงมาตั้งแต่วัยเด็ก มีบันทึกอ้างว่า มีคนพบเห็นเขาสามารถแบกก้อนหินหนักในระหว่างช่วยเหลือครอบครัวได้อย่างง่ายดาย และสามารถยกอ่างอาบน้ำเหล็กที่มีแม่ของเขานั่งอยู่ภายในได้ และยังมีบันทึกว่า เขายังลงมือสร้างบ้านให้พ่อกับแม่ของเขาด้วยตัวคนเดียว
เมื่ออายุได้ 14 ปี พ่อของเขาจึงได้ส่งให้เข้าเรียนซูโม่ที่หมู่บ้านหมู่บ้านนะงะเสะ (Nagaze – ปัจจุบันมีชื่อว่า มุโระโกะโจ (Murokocho) ทะโระคิจิในวัยหนุ่มมีร่างกายที่สูงใหญ่กว่าผู้คนในยุคนั้น ได้มีการบันทึกว่า ในวัยหนุ่ม เขามีความสูงถึง 197 เซนติเมตร มีน้ำหนักถึง 169 กิโลกรัม มีแขนขาที่ยาว และมีมือขนาดใหญ่ ที่วัดโชะฟุกุจิ (Shofukuji) ใกล้เมืองโอะกะยะมะ (Okayama) มีรอยประทับฝ่ามือที่เชื่อว่าเป็นของ ไรเดน ทาเมเอมอนอยู่ โดยวัดจากข้อมือถึงปลายนิ้วกลางได้ 24 เซนติเมตร หรือ 9.4 นิ้ว
แม้จะมีร่างกายใหญ่โต และมีแขนขายาวกว่าคนปกติ แต่ครูฝึกกลับพบพรสวรรค์ในด้านกีฬาซูโม่ของทะโระคิจิ เพราะเขาสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างคล่องแคล่วผิดจากขนาดรูปร่าง และมีเทคนิคการต่อสู้ที่หลากหลาย ทำให้ครูฝึกของเขาได้เชิญให้เขาไปฝึกฝนซูโม่ที่เมืองเอะโดะ และเข้าร่วมโรงฝีก อิเซะโนะอุมิ-เบยะ (Isenoumi-beya) โดยมีโยโกะสึนะ ทะนิกะเสะ คะจิโนะสุเกะ (Tanikaze Kajinosuke) เป็นครูฝีก
ทะโระคิจิได้ก้าวขึ้นเป็นริกิชิ หรือนักซูโม่อาชีพในปี 1789 และใช้ชิโกะนะ (Shikona) หรือฉายานามในวงการว่า ไรเดน ทาเมเอมอน และได้รับการเปิดตัวในฤดูใบไม้ร่วง ปี 1790 ไรเดนสามารถทำสถิติไร้พ่ายด้วยการเอาชนะคู่ต่อสู้โดยไม่เคยแพ้มาก่อน จนได้รับการเลื่อนขั้นเป็น เซกิวากิ (Sekiwaki – 関脇 ลำดับระดับชั้นรองลงมาจากโยโกะสึนะ และโอเซะกิ)
ในปี 1795 ไรเดนได้เลื่อนลำดับขึ้นเป็นโอเซะกิ ตั้งแต่ปี 1793 ถึงปี 1800 ไรเดนยังคงรักษาสถิติที่ดีที่สุดในทุกการแข่งขัน แซงหน้าโยโกะสึนะคนอื่น ๆ เช่น โอโนะกะวะ คิซาบุโระ (Onogawa Kisaburō) หรือแม้แต่ทะนิกะเสะผู้เป็นครูฝึกก็ตาม จนกรรมการซูโม่ได้ห้ามไม่ให้ไรเดนใช้ท่าถนัด เพื่อไม่ให้ได้เปรียบคู่ต่อสู้มากจนเกินไป
ไรเดนรักษาลำดับโอเซะกิมานานถึง 17 ปี เป็นหนึ่งในนักมวยปล้ำที่ได้รับการยกย่องและทรงอิทธิพลมาอย่างยาวนานตลอด 21 ปีในช่วงระยะการเป็นริกิชิ แต่กลายเป็นว่าเขากลับไม่เคยได้รับการเลื่อนอันดับให้เป็นโยโกะสึนะเลย ซึ่งสาเหตุก็ยังคงเป็นปริศนาในประวัติศาสตร์การแข่งขันซูโม่ของญี่ปุ่นมายาวนานจนถึงปัจจุบัน บ้างก็ว่าเขาเบื่อหน่ายเกียรติยศและชื่อเสียงในวงการมวยปล้ำ และยังคงพอใจกับตำแหน่งโอเซะกิที่ตนได้รับ บ้างก็ว่าเป็นเพราะเกมการเมืองในวงการกีฬาซูโม่ ที่ทำให้เขาไม่ได้รับรองให้เลื่อนขึ้นเป็นโยโกะสึนะอย่างเป็นทางการ
ในปี 1811 เมื่ออายุเข้าได้ 43 ปี ไรเดนได้เกษียณตัวเองด้วยการเลิกเป็นริกิชิอย่างถาวร แต่ถึงกระนั้นเขาเองก็ยังคงอยู่ในแวดวงกีฬาซูโม่มาโดยตลอด เช่น การเป็นประธานสมาคมซูโม่แห่งจังหวัดอิซุโมะ (Izumo) หรือจังหวัดชิมะเนะ (Shimane) ในปัจจุบัน และได้ย้ายไปอาศัยที่เอโดะ (หรือกรุงโตเกียวในปัจจุบัน) ในปี 1816 ณ ที่นั้นเขาได้เริ่มต้นเขียนบันทึก ‘Shokoku Sumo Hikae-cho’ (บันทึกของซูโม่ในภูมิภาคต่าง ๆ ) เป็นการบันทึกเหตุการณ์สำคัญ ๆ ตลอดระยะเวลาที่เขายังเป็นริกิชิอยู่
ไรเดนเสียชีวิตในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ปี 1825 สิริอายุได้ 58 ปี สุสานของเขาตั้งอยู่ที่เมืองอะกะซะกะ (Akasaka) ในเอโดะ รวมทั้งยังมีการฝังปอยผมในสุสานที่ตั้งอยู่ในเมืองอื่น ๆ ทั้งในหมู่บ้านที่เมืองโทมิ จังหวัดชินะโนะ บ้านเกิดของเขา รวมทั้งในเมืองมัตสึเอะ (Matsue) ในจังหวัดชิมะเนะ
ในศตวรรษที่ 20 จินมาคุ คิวโกโร (Jinmaku Kyūgorō) โยโกะสึนะคนที่ 12 ในประวัติศาสตร์ ได้ทำการรวบรวมและบันทึกทำเนียบรายชื่อโยโกะสึนะที่เคยมีในประวัติศาสตร์กีฬาซูโม่เป็นครั้งแรก ซึ่งแม้ว่าจะไม่มีรายชื่อของไรเดนในฐานะหนึ่งในโยโกะสึนะก็ตาม แต่จินมาคุก็ได้ยกย่องไรเดนให้เป็น ‘ริกิชิผู้ไร้เทียมทาน’ เจ้าของสถิติชนะ 254 ครั้ง แพ้ 10 ครั้ง มีอัตราการชนะที่ 96.2% ได้รับการยกย่องเป็นเทพเจ้าแห่งกีฬาซูโม่ผู้แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ และยังได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติด้วยการสร้างรูปปั้น และปรากฏในสแตมป์ ฉลากเบียร์ และในการ์ตูนมังงะอีกด้วย
ที่มา: Wikipedia, reference.jrank.org, Matcha
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส