JoJo’s Bizarre Adventure หรือที่แฟน ๆ คุ้นเคยกันในชื่อไทยอย่าง ‘โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ’ เป็นที่รู้จักกัน ในฐานะการ์ตูนแอ็กชันแฟนตาซีที่มีสไตล์งานศิลป์สุดจัดจ้าน และการออกแบบความสามารถตัวละครที่สร้างสรรค์ ซึ่งคนอ่านก็มักจะเพลิดเพลินไปกับการต่อสู้ชิงไหวพริบสุดมัน พร้อมกันนั้นในแต่ละภาคก็ยังเป็นการเดินทาง ที่นำเรื่องราวของประวัติศาสตร์โลกมาผสมไปด้วย ฉะนั้น JoJo จึงเหมือนเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่ผู้แต่งอย่างฮิโรฮิโกะ อารากิ (Hirohiko Araki) ภาคภูมิใจ
โดย JoJo เล่าเรื่องราวถึงประวัติศาสตร์ของตระกูลโจสตาร์ ที่พวกเขาได้เข้าไปพัวพันในการต่อสู้แห่งชะตากรรม ซึ่งตัวเอกในแต่ละภาค ก็ล้วนเป็นผู้ที่มีสายเลือดของโจสตาร์ทั้งสิ้น ปัจจุบัน JoJo มีออกมาแล้ว 9 ภาค และได้รับการดัดแปลงเป็นอนิเมะใน Netflix แล้ว 6 ภาคด้วยกัน โดยภาคที่ทำให้ JoJo โด่งดังที่สุดก็คือภาค 3 Stardust Crusaders เพราะเป็นครั้งแรกที่การ์ตูนได้รีเซตระบบการต่อสู้ในเรื่องจากคลื่นมนตรามาเป็นการใช้ ‘สแตนด์’
ตั้งแต่ภาค 3 เป็นต้นมา เรื่องราวของ JoJo ก็มีการยกระดับมากขึ้น เพราะระบบสแตนด์ทำให้อาจารย์อารากิสามารถรังสรรค์ฉากต่อสู้ออกมาได้หลากหลายรูปแบบ จนทำให้การ์ตูนมีแฟนคลับเพิ่มขึ้นมากมาย ถึงแม้ JoJo จะเปลี่ยนตัวเอกไปทุกภาค และเล่าเรื่องราวการเดินทางหลายชั่วอายุคน แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ด้วยเนื้อหาที่เข้มข้นผสมกับรูปแบบการต่อสู้สุดสร้างสรรค์ ทำให้ JoJo แตกต่างจากการ์ตูนโชเน็นเรื่องอื่นในยุคเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เรื่องราวของตระกูลโจสตาร์ดำเนินมาถึงภาคที่ 6 Stone Ocean มันก็เป็นครั้งแรกที่อาจารย์อารากิตัดสินใจที่จะรีเซตเรื่องราวของ JoJo’s Bizarre Adventure เสียใหม่ แต่ทำไมมันถึงเป็นเช่นนั้น?
ในตอนที่อาจารย์อารากิเขียน JoJo มาถึงภาคที่ 6 เขาตระหนักได้ว่า เขาเขียนเรื่องราวของตระกูลโจสตาร์มาถึงปีที่ 13 แล้ว และมันก็เป็น 13 ปีที่ยาวนาน เพราะเขาได้รังสรรค์เรื่องราวและตัวละครใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา (ยังไม่รวมถึงฉากต่อสู้ที่อุดมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งล้ำขึ้นเรื่อย ๆ ) นั่นทำให้ในตอนนั้น อาจารย์อารากิรู้สึกไม่ชัดเจนสำหรับอนาคตของ JoJo เป็นครั้งแรก มันบานปลายถึงขนาดที่เขา คิดจะให้ภาค 6 เป็นจุดสิ้นสุดของซีรีส์ด้วยซ้ำ
“ผมใช้ความคิดสร้างสรรค์มาจนถึงขั้นสูงสุด ในฐานะนักเขียน ผมได้ดึงเอาความสามารถเท่าที่จะทำได้ มาใช้ไปแล้ว”
ฮิโรโกะ อารากิ พูดไว้ใน Stone Ocean เล่มแรก
อาจารย์อารากิยอมรับว่าเขาพอใจกับผลงานของตัวเอง และเชื่ออย่างสุดใจว่าเขาไม่เหลืออะไรให้เขียนอีกแล้ว ในขณะที่เขียนตอนจบของ Stone Ocean เขาจึงตัดสินใจให้เนื้อเรื่องได้รับการรีบูต โดยตัวร้ายอย่างบาทหลวงพุชชีนั้นได้ให้จักรวาลของ JoJo ถูกรีเซตเสียใหม่ ทำให้ตัวเอกได้รับการปลดปล่อยออกจากการต่อสู้แห่งชะตากรรมของตระกูลโจสตาร์ ดังที่เราเห็นในตอนจบของภาค 6 ว่าทุกสิ่งในเรื่องได้ถูกรีเซตใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม อาจารย์อารากิก็ไม่ต้องการให้ Stone Ocean เป็นจุดสิ้นสุดในมรดกของตน อาจารย์อยากลองทบทวนรากเหง้าของ JoJo ใหม่อีกครั้ง สิ่งนี้จึงนำไปสู่ไอเดียในการสร้าง ‘Steel Ball Run’
Steel Ball Run เป็นงานทดลองที่อาจารย์อารากินั้นระวังเป็นอย่างมาก เขาพยายามสร้างสรรค์เรื่องราวใหม่ ๆ ในขณะเดียวกัน ก็ยังใส่กลิ่นอายที่คุ้นเคย โดยการนำอีสเตอร์เอ้กจาก JoJo มาใช้ ทั้งชื่อตัวละครและความสามารถสแตนด์ จนผู้อ่านรู้สึกว่า เห้ย! นี่มัน JoJo ในอีกจักรวาลชัด ๆ เลยนี่หว่า
แต่ทว่าแม้ว่าจะใช้มีอีสเตอร์เอ้กจาก JoJo มากแค่ไหน ก็เป็นที่น่าสังเกตว่าในตอนที่ Steel Ball Run เริ่มตีพิมพ์ใน Weekly Shonen Jump ปี 2004 นั้น ไม่มีคำว่า JoJo อยู่ในชื่อเรื่องเลยแม้แต่น้อย
มีรายงานว่าสิ่งนี้เป็นการตัดสินใจของกองบรรณาธิการ ที่จะทำให้ Steel Ball Run แยกเป็นเรื่องราวใหม่ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับ JoJo’s Bizarre Adventure แต่ทว่าในปีต่อมา Steel Ball Run ก็ได้ย้ายไปตีพิมพ์ในนิตยสาร Ultra Jump และก็ได้รับการยืนยันว่า Steel Ball Run เป็นส่วนหนึ่งของ JoJo ในจักรวาลใหม่อย่างเป็นทางการ
แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมผู้แต่งและกองบรรณาธิการ ถึงไม่ใช้ชื่อ JoJo ในครั้งแรก แต่ก็มีแนวคิดว่า พวกเขาตั้งใจให้ Steel Ball Run เป็นการ์ตูนอีกเรื่องในตอนแรกไปเลย ทว่าเมื่อพิจารณาดี ๆ แล้ว พวกเขาก็ได้ปรับทิศทางใหม่ ให้ Steel Ball Run เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวใน JoJo อาจเพราะด้วยเรตติ้ง ความไม่ตั้งใจ หรือการอยากปรับเรื่องราวให้เข้ารูปเข้ารอยเสียใหม่ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร Steel Ball Run ก็ถูกนับเป็น JoJo ภาค 7 ในที่สุด
ด้วยแนวคิดอัญชาญฉลาดนี้ ทำให้อาจารย์อารากิสามารถดำเนินเรื่องราวของ JoJo ต่อไป โดยไม่ต้องผูกติดกับอะไรเดิม ๆ ซึ่งอาจารย์อารากิทำให้เรื่องราวในจักรวาลใหม่ของ JoJo นั้นกว้างไกล และยังเชื่อมโยงกับจักรวาลเก่าด้วยการผสมอีสเตอร์เอ้กไว้ให้ผู้อ่านได้ว้าวอยู่ตลอด จนเรียกว่าภาค Steel Ball Run เป็นหนึ่งในภาคที่ได้รับคำวิจารณ์ว่าดีที่สุดของซีรีส์ JoJo เลยก็ว่าได้ ซึ่งแนวคิดนี้ได้ต่อยอดไปในภาค 8 อย่าง JoJolion และคาดว่าในภาค 9 JoJoland ก็น่าจะใช้แนวคิดเดียวกันในการสร้างด้วย
การรีเซตเรื่องราวของ JoJo’s Bizarre Adventure ได้มอบชีวิตใหม่ให้กับซีรีส์นี้ และนำมาซึ่งความแปลกใหม่ให้กับเนื้อหา ซึ่งทั้ง Steel Ball Run กับ JoJolion ก็เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่า การรีเซตจักรวาลในตอนจบของภาค Stone Ocean สามารถยกระดับความสนุกของ JoJo’s Bizarre Adventure ไปสู่อีกขั้นได้ และนั่นก็บอกได้ว่าทำไมอาจารย์อารากิถึงตัดสินใจรีบูตซีรีส์ ซึ่งเขาคิดถูก
ที่มา: cbr, cbr, screenrant, sportskeeda, gamerant
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส