แม้เหตุการณ์จะผ่านมาเป็นระยะเวลากว่า 15 ปีแล้ว แต่เชื่อว่าหลายคนน่าจะยังจำเหตุการณ์ช็อกบนเวที MTV Video Music Awards หรือ MTV VMAs ในปี 2009 ได้ โดยเฉพาะโมเมนต์ที่ เย (Ye) หรือ คานเย เวสต์ (Kanye West) แรปเปอร์ และแฟชันดีไซน์เนอร์ชื่อดัง บุกขึ้นเวทีไปแย่งไมค์จากมือของนักร้องสาว เทย์เลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) ที่กำลังรับรางวัลบนเวที สร้างความฮือฮา ลามจนกลายเป็นเหตุการณ์ดราม่าผีไม่เผา เงาไม่เหยียบของ 2 นักร้องดังระดับโลกที่เล่นเอาสวิฟต์และแฟน ๆ ทั้งโลกถึงกับช็อกจนจำฝังใจไปเลย
และหลายคนก็น่าจะพอจำได้ว่า อีกคนที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์นั้นด้วยนั่นก็คือ นักแสดงหนุ่มเข้มเจ้าของบทบาทหมาป่าเฟรนด์โซน เทย์เลอร์ เลาต์เนอร์ (Taylor Lautner) ซึ่งในเวลานั้นทั้งนักแสดงหนุ่มและศิลปินสาวที่ดันบังเอิญชื่อเหมือนกัน เพิ่งเปิดตัวว่ากำลังคบหากันได้ไม่นาน และในเวลานั้นเขาเองก็ทำหน้าที่เป็นผู้เชิญรางวัล และประกาศผลรางวัลมิวสิกวิดีโอศิลปินหญิงยอดเยี่ยมร่วมกับนักร้องด้ง ชากีรา (Shakira) ด้วย
ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ เลาต์เนอร์ได้ให้สัมภาษณ์พูดคุยในรายการพอดแคสต์ The Squeeze ซึ่งโฮสต์ของรายการก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น เทย์เลอร์ โดม (Taylor Dome) ภรรยาของเขาที่เพิ่งเข้าพิธีสมรสไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2022 ที่ผ่านมานี้เอง โดยโดมในฐานะโฮสต์ได้ถามคำถามหนึ่งกับเลาต์เนอร์ว่า ถ้าย้อนกลับไปยังช่วงเวลาหนึ่งในชีวิตได้ อยากย้อนกลับไปช่วงไหน และอยากจะพูดอะไรกับตัวเองในเวลานั้นบ้าง
ซึ่งเลาต์เนอร์ได้ตอบว่า “ผมว่าน่าจะเป็นช่วงงาน VMA ปี 2009 นั่นแหละครับ ตอนที่ผมกำลังมอบรางวัลให้กับ เทย์เลอร์ สวิฟต์ และผมก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เวสต์ทำไม่ใช่แค่เรื่องเล่น ๆ ” แน่นอนว่าเมื่อภรรยาของเขาได้ยินเรื่องราวของสามีกับแฟนเก่า ก็เล่นเอาอึ้งไปไม่น้อย พร้อมกับอุทานว่า “ชั้นจะบ้าตาย…” ก่อนที่เลาต์เนอร์จะเล่าเหตุผลว่า
“(ตอนนั้น) ผมเป็นคนมอบรางวัลให้กับเธอ แล้วจากนั้นผมก็ถอยหลัง 5 ก้าว ไปยืนอยู่ข้างหลังเธอห่างประมาณสัก 5 ฟุตได้ แล้วจากนั้น เวสต์ก็กระโดดขึ้นมาบนเวที ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ถูกเลยนะ ผมไม่ได้ยินที่เขาพูดด้วย เพราะผมคิดว่าทั้งหมดนี้คงเป็นมุกที่เตี๊ยมกันมา แล้วทำไม คานเย เวสต์ ถึงกระโดนขึ้นไปบนเวที ไปขัดจังหวะสวิฟต์แบบนั้นด้วย ? มันดูไม่สมเหตุสมผลเลย”
Show: The Squeeze🎙️Hosted by #TaylorLautner and @Tay Lautner! 🍋 #twilight #taylorswift #vmas
♬ original sound - Podcast Nation“ถ้าคุณย้อนเวลากลับไปตอนนั้น คุณจะเห็นผมหัวเราะคิกคักใส่ด้วย แต่พอเขากระโดดลงจากเวทีไป วินาทีที่เธอหันกลับมามองผม ผมเห็นสีหน้าของเธอตอนนั้น แล้วผมก็คิดว่า ‘โอ้ นี่มันไม่เข้าท่าเลย’ ตอนนั้นผมน่าจะพูดอะไรสักอย่างได้บ้าง”
ถ้ายังจำกันได้ เมื่อช่วงประมาณเดือนสิงหาคม 2009 มีข่าวสะพัดว่าเลาต์เนอร์ กำลังคบหากับสวิฟต์ ในกองถ่ายหนังเรื่อง ‘Valentine’s Day’ (2010) ที่ทั้งคู่แสดงร่วมกัน จนกลายเป็นข่าวฮือฮาไม่น้อย จนได้รับฉายาว่า ‘Taylor Squared’ (เพราะว่าทั้งคู่มีชื่อว่า Taylor เหมือนกัน ถ้าแปลเป็นไทยก็น่าจะประมาณว่า ‘เทย์เลอร์กำลังสอง’)
ล่วงเลยมาจนถึงวันที่ 13 กันยายน ซึ่งเป็นวันประกาศผลรางวัล MTV VMAs โดยในวันนั้น มิวสิกวิดีโอเพลง “You Belong with Me” จากอัลบั้ม ‘Fearless’ ของสวิฟต์ได้เข้าชิงรางวัลมิวสิกวิดีโอศิลปินหญิงยอดเยี่ยม (Best Female Video) ร่วมกับศิลปินหลายคน และแน่นอนว่าผลงานของเธอก็ได้รับรางวัลในปีนั้นไปครอง สวิฟต์ในวัย 20 ปีในตอนนั้นได้ขึ้นเวที ก่อนจะสวมกอดกัน และรับถ้วยรางวัลจากมือของแฟนหนุ่ม
แต่ในระหว่างที่เธอกำลังกล่าวสปีช กลายเป็นว่า อยู่ดี ๆ แรปเปอร์อย่าง คานเย เวสต์ ก็เดินมากระชากไมค์จากมือของสวิฟต์ แล้วกล่าวว่า “เทย์เลอร์ ผมดีใจกับคุณด้วย คุณจะพูดต่อให้จบก็ได้นะ…แต่ผมบอกเลยว่า บียอนเซ (Beyonce) คือคนที่ทำมิวสิกวิดีโอได้ดีที่สุด!” เล่นเอาผู้ร่วมงานทำตัวไม่ถูก ส่วนเจ้าของรางวัลอย่างสวิฟต์เอง แม้จะไม่ได้กล่าวอะไร แต่จากสีหน้าของเธอก็พอจะจับได้ว่าเธอน่าจะรู้สึกไม่ดีกับการกระทำของเขามาก ๆ
แต่เหตุการณ์ไม่ใช่แค่นั้น เพราะแม้เวสต์จะยอมออกมาขอโทษ และสวิฟต์เองในเวลานั้นก็ยอมให้อภัยด้วยการแต่งเพลง “Innocent” เพื่อสื่อความหมายว่า เวสต์คงทำอะไรไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และเธอก็ยังพร้อมที่จะให้อภัยเขา ส่วนความรักหวานชื่นของเลาต์เนอร์กับสวิฟต์ก็จบบริบูรณ์ในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน หลังจากคบกันได้เพียงแค่ 5 เดือน พร้อมกับเพลง “Back To December” ที่เธอแต่งขึ้นให้กับคนรักเก่าคนนี้
รักจบ แต่ดราม่าไม่จบ เพราะข้ามมาถึงปี 2016 เวสต์ได้ปล่อยอัลบั้ม ‘The Life of Pablo’ ออกมา และเพลงที่กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้งก็คือเพลง “Famous” ที่เฉพาะแค่เนื้อหาก็ล่อแหลมพอตัวอยู่แล้ว แถมเนื้อเพลงยังสื่อถึงสวิฟต์แบบตรง ๆ โดยเฉพาะท่อนเจ้าปัญหาที่ว่า “I feel like me and Taylor might still have sex Why ? I made that bitch famous.” แถมในมิวสิกวิดีโอสุดฉาวยังมีภาพของสวิฟต์ (ตัวปลอมในร่างเปลือยกาย) ปรากฏอยู่ด้วยอีกต่างหาก
แน่นอนว่าสวิฟต์ถึงกับโกรธมาก และมองว่าเป็นการดูถูกผู้หญิงอย่างรุนแรง จนฝ่ายของเวสต์ได้ออกมาบอกว่า เขาได้โทรไปขออนุญาตกับเธอเรื่องการอ้างถึงในเพลงแล้ว และเนื้อหาในเพลงไม่ได้เป็นการดูถูก แต่เป็นการยกย่องให้เกียรติต่างหาก แต่สวิฟต์ก็ออกมาสวนว่าเธอไม่เคยได้ยินเนื้อเพลงท่อนดังกล่าว และไม่เคยให้อนุญาตด้วย จนในที่สุดก็มีคลิปหลุดที่เวสต์คุยโทรศัพท์กับสวิฟต์ ที่เผยว่า เวสต์ไม่ได้บอกว่าจะมีท่อน “I made that bitch famous.” ด้วย จากเหตุการณ์นี้จึงกลายเป็นการบอกศาลา จบความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนศิลปินไปอย่างสิ้นเชิง
แต่แม้ว่าเลาต์เนอร์เองจะไม่ได้พูดอะไรในวันนั้น แต่ดูเหมือนว่าภรรยาของเขาเองก็ได้กล่าวในพอตแคสต์ว่า เขาเองได้ทำสิ่งนี้สำเร็จไปแล้ว โดยอ้างถึงที่เขาปรากฏตัวในรายการ ‘Saturday Night Live’ ที่เลาต์เนอร์ได้ไปออกเมื่อเดือนธันวาคม 2009 โดยเขาได้ไปพูดเดี่ยวในรายการ พร้อมกับหุ่นจำลองของทั้งสวิฟต์และเวสต์ และเขายังได้โชว์ความสามารถด้านศิลปะป้องกันตัว ก่อนจะหยุมหัวหุ่นจำลองของเวสต์จนขาดกระเด็นไปหนึ่งที
ที่มา: Billboard, Insider, Los Angeles Times
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส