ย้อนกลับไปในช่วงปี 1970 จอห์น ทราโวลตา (John Travolta) เป็นหนึ่งในนักแสดงระดับท็อปของฮอลลีวูดที่ใคร ๆ ก็ต้องรู้จัก เพราะด้วยรูปลักษณ์ดูดี ใบหน้าเรียว ทรงผมที่เสยไปด้านหลัง แถมยังมีท่าเต้นอันเป็นเอกลักษณ์ นั่นก็ทำให้ทราโวลตาโดดเด่นกว่าใคร และใคร ๆ ต่างก็คิดว่าเขาจะต้องเป็นดาวค้างฟ้า คนต่อไปของฮอลลีวูดอย่างแน่นอน

จอห์น ทราโวลตา เป็นที่รู้จักจากซีรีส์ Welcome Back และบทเล็ก ๆ ในหนังมากมาย เขาก้าวขึ้นมาเป็นดาราดังด้วยหนัง Saturday Night Fever (1977) และ Grease (1978) ยังไม่พอ เขายังมีความสามารถพิเศษมากมาย แสดงหนังก็เด่น ร้องเพลงดี แถมเต้นได้ด้วย ด้วยความเท่และความมั่นใจนี้ แน่นอนว่าคงไม่มีอะไรที่จะหยุดทราโวลตาจากเส้นทางดาราที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกได้
ช่วงปี 80’s ทราโวตาได้เล่นหนังระทึกขวัญเรื่อง ‘Blow Out’ หนังเรื่องนี้มันเปิดโอกาสให้เขาได้ทำมากกว่าแค่ร้องเพลงและเต้นรำ การแสดงหลายอย่างในหนังเรื่องนี้ได้เปิดมิติทางการแสดงใหม่ ๆ ให้กับทราโวลตา แต่แม้ว่าเขาจะทำมันได้ดี แต่ Blow Out กลับล้มเหลว ทำให้ทราโวลตารู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา

ด้วยการนั้น เขาจึงกลับไปแสดงภาคต่อของ Saturday Night Fever ที่เป็นหนังแจ้งเกิดเขา แต่ทว่าการกลับมาในหนังภาคต่อนี้กลับไม่สำเร็จอย่างที่คิด เพราะหนังโดนสับเละจากนักวิจารณ์ และดูเหมือนจะทำให้อาชีพการแสดงของเขาเริ่มแย่ลง
ในช่วงหนึ่งทราโวลตาโดดไปเล่นหนังเรื่อง ‘Perfect’ คู่กับ เจมี ลี เคอร์ติส (Jamie Lee Curtis) แต่ทว่าคนกลับจดจำได้แค่ฉากเต้นของเคอร์ติสเท่านั้น จนกระทั่งช่วงปี 80’s ชีวิตของทราโวลตาก็อยู่ในช่วงขึ้น ๆ ลง ๆ เพราะเล่นหนังไปคนก็ไม่ค่อยจำได้ แถมบางทีค่าตัวก็มักจะแพงเกินไป ทำให้คนไม่อยากได้เขามาไว้ใน ‘เพราะเขาไม่ใช่ จอห์น ทราโวลตา ดาราดังจากยุค 70’s อีกต่อไป’
ในช่วงปี 90’s มีเด็กใหม่สุดเท่ที่น่าจับตามองคนหนึ่งก้าวเข้ามาในฮอลลีวูด เขาคนนั้นโด่งดังจากการสร้างหนัง Reservoir Dogs และเขียนบทเรื่อง True Romance ซึ่งเด็กใหม่คนนี้ต่างเป็นที่กล่าวขานว่าสร้างหนังด้วยวิธีการเล่าเรื่องที่ไม่เหมือนใคร และเป็นหนุ่มใหม่ไฟแรงที่ใคร ๆ ต่างก็จับตามอง ชายคนนั้นคือ เควนทิน แทแรนทิโน (Quentin Tarantino)

ในช่วงนั้นเควนทิน แทแรนทิโน กำลังเตรียมการสร้างหนังเรื่อง Pulp Fiction ซึ่งบท วินเซนต์ เวกา นั้น แทแรนทิโนได้เลือกให้ ไมเคิล แมดเซน (Michael Madsen) มาเตรียมรับบทอยู่ก่อนแล้ว แต่ทว่าวันหนึ่งแทแรนทิโน ก็ได้พบกับ จอห์น ทราโวลตา และทั้งคู่ก็ได้นัดทานอาหารกลางวันด้วยกัน หลังจากอาหารมื้อนั้น แทแรนทิโนก็ตระหนักได้ว่าทราโวลตานั้นใช่สำหรับบท วินเซนต์ เวกา ที่สุด
“จอห์นเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ผมชื่นชอบมาตลอด ผมรู้สึกเศร้าสุด ๆ ที่ผลงานในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้สะท้อนถึงพรสวรรค์ของเขาเลย”
เควนติน แทแรนติโน
แน่นอนว่าสิ่งนี้ทำให้ทราโวลตาได้บท วินเซนต์ เวกา ไปครอง โดยใน Pulp Fiction ทราโวลตาสามารถแสดงบทนี้ได้อย่างโดดเด่น ผมยาวสีดำกับชุดสูทสีดำของเขานั้นเท่กว่าใคร แถมในหนังยังมีฉากเต้นของเขากับ อูมา เธอร์แมน ที่แสดงให้เห็นว่าทราโวลตาไม่เคยเสียความสามารถด้านการเต้นไปเลย และด้วย Pulp Fiction ก็ทำให้ชื่อของทราโวลตากลับมาโด่งดังอีกครั้ง

ทราโวลตาได้กลับเข้าสู่เส้นทางการแสดงดังเดิม เขาเริ่มรับงานที่ท้าทายขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย Get Shorty ของ แบร์รี่ ซอนเนนเฟลด์ (Barry Sonnenfeld) ซึ่งทราโวลตาก็ได้รับรางวัลลูกโลกทองคำจากหนังเรื่องนี้ด้วยนะ เขายังมีหนังดังตามมาอีกมากมาย อาทิ Broken Arrow, Phenomenon, Michael, Face/Off, Primary Colour และ A Civil Action เขาแสดงได้ทุกอย่างตั้งแต่ดาราแอ็กชัน ไปจนถึงเทวดา นักการเมือง และทนายความ เรียกได้ว่าชีวิตของทราโวลตากลับมาประสบความสำเร็จอีกครั้งก็ว่าได้
จากการที่เขาประสบความสำเร็จมาหลายเรื่องติด ทำให้ทราโวลตาลองท้าทายตัวเองด้วยการเล่นหนังแปลกตาอย่าง Battlefield Earth ซึ่งเป็นหนังที่สร้างจากนิยายไซไฟ โดยหนัง Battlefield Earth นี้ทราโวลตาต้องใส่คอสตูมสีน้ำเงินที่ดูตลกสุด ๆ จนทำให้เขาได้รางวัลราซซี่ไปครอง โดย Battlefield Earth ก็เข้าทำเนียบภาพยนตร์ที่แย่ที่สุดที่เคยสร้างมาตามไปด้วยกัน

Battlefield Earth ทำให้โอกาสครั้งที่ 2 ที่ทราโวลตาได้รับมานั้นหายไปในพริบตา แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ เขาพยายามกอบกู้มันด้วยหนัง Swordfish และ Domestic Disturbance แต่ทว่าก็ไม่ทันแล้ว เขาไม่ใช่ทราโวลตาผู้โด่งดังอีกต่อไป
ทศวรรษที่ผ่านชีวิตของทราโวลตาตกลงอย่างเห็นได้ชัด ต้องไปเล่นซีรีส์บ้าง หนังแผ่นบ้าง แต่แม้จะเจอเรื่องแย่แค่ไหนชีวิตของ เขาคงไม่เศร้าไปกว่าการสูญเสียลูกชายเมื่อปี 2009 และการเสียภรรยาเมื่อปี 2020 นั่นนับเป็นโศกนาฏกรรมที่โหดร้ายกับชายผู้ชื่อ จอห์น ทราโวลตา เป็นอย่างมาก

แม้ว่าตอนนี้ อาจเป็นการยากที่จะได้เห็นทราโวลตาคัมแบ็กในหนังโรงอีกครั้ง แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ในฮอลลีวูด เพราะขนาด เบรนแดน เฟรเซอร์ (Brendan Fraser) กับ คี ฮุย ควาน (Ke Huy Quan) ยังสามารถคัมแบ็กในจอใหญ่ได้ เราก็คาดหวังว่าโอกาสนี้จะไปถึง จอห์น ทราโวลตาอีกครั้งหนึ่ง แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทราโวลตาจะยังคงเป็นที่จดจำในฐานะ หนึ่งในนักแสดงที่เป็นที่รักมากที่สุดตลอดกาล
ที่มา: collider
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส