หนังภาค 3 เป็นทางการของหนังตระกูลแม่มดแบลร์ แห่งป่าเบอร์คิตซ์วิลล์ ย้อนความนิดสำหรับใครที่ไม่รู้จักตำนานแม่มดแบลร์ หนัง The Blair Witch Project ออกมาในปี 1999 เป็นหนังอิสระจริง ๆ สร้างโดยคู่หู แดเนียล มายริค และ เอดัวโร ซานเชส ที่ทั้งกำกับและเขียนบทเอง ใช้ทุนสร้างไปแค่ 60,000 เหรียญ แต่ด้วยความสมจริงที่ถ่ายทำด้วยกล้องโฮมวีดีโอ สั่น ๆ แกว่ง ๆ ทั้งเรื่อง พร้อมทั้งกระแสโปรโมทว่าภาพในเรื่องนี้เป็นภาพที่ได้จากกล้องวีดีโอที่พบว่าตกอยู่ในป่า ทำให้หลายคนเชื่อเป็นตุเป็นตะว่านี่เป็นเรื่องจริง ผลของการสร้างกระแสทำให้หนังโคตรจะประสบความสำเร็จ จากทุนแค่ 60,000 เหรียญ หนังทำรายได้ทั่วโลกไปถึง 248 ล้านเหรียญ และแน่นอนมันต้องมีภาค 2 ตามมาในปีถัดไป และหนังทีวีอีกหลายเรื่อง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ นับได้ว่าพวกหนังสยองขวัญที่ถ่ายกันด้วยกล้องแฮนด์เฮลด์ทำให้เราต้องดูหนังกล้องส่ายแกว่งเวียนหัวกันต่อมาทุกวันนี้ ก็ต้องโทษ The Blair Witch Project เนี่ยแหละที่เป็นตัวริเริ่ม
เว้นว่างไปถึง 16 ปี ตำนานแม่มดแบลร์ก็ถูกหยิบมาปัดฝุ่นและสานต่ออีกครั้ง รอบนี้ไปอยู่ในมือของอดัม วินการ์ด มือเก๋าในวงการหนังสยองขวัญอีกคน ที่เคยมีหนังเล็ก ๆ แต่ถูกใจคอหนังชอบสะดุ้งอย่าง You’re Next (2011) และ V/H/S อีก 2 ภาค อดัม ยังดึงเอา ไซมอน บาเร็ตต์ คู่หูที่เป็นมือเขียนบทขาประจำของเขาตามมาเขียนบทในภาคนี้ด้วย และแดเนียล มายริค และ เอดัวโร ซานเชส เจ้าของเรื่องก็ยังนั่งเก้าอี้อำนวยการสร้าง ภาคนี้ไซมอน เลือกจะสานต่อเรื่องราวจากภาคแรก ไม่พูดถึงเหตุการณ์ในภาค 2 เลย ตัวเอกเป็น เจมส์ แมคคูน น้องชายของเฮทเธอร์ สาวที่หายไปในป่าเบอร์คิตซ์วิลล์ในภาคแรก เจมส์ โตเป็นหนุ่มแต่ก็ยังคาใจเรื่องการหายตัวไปของพี่สาว เลยรวบรวมสมัครพรรคพวกรวมเขาเป็น 6 คนเข้าป่าเบอร์คิตซ์วิลล์ไปตามหาเฮทเธอร์ แค่คืนแรกทั้ง 6 ก็ได้พบว่าความน่ากลัวของแม่มดแบลร์ไม่ใช่เป็นแค่เรื่องเล่า
ด้วยความที่หนังสั้นไม่ถึงชั่วโมงครึ่งเลยไม่อารัมภบทกันนาน ไม่ถึง 10 นาทีสมาชิกทั้ง 6 ก็เดินเท้าเข้าป่ากันแล้ว ภาคนี้ อดัม เพิ่มสีสันด้วยการให้เจมส์ และเพื่อน ๆ ใช้อุปกรณ์ไฮเทคตามยุคสมัยมาช่วยในการเดินป่า ทั้งกล้องวีดีโอที่ทันสมัยมากขึ้น โดรน และกล้องตรวจจับสภาพอากาศ แต่อุปกรณ์ไฮเทคหรือจะสู้มนต์ดำ อุปกรณ์ต่าง ๆ แทบจะไร้ประโยชน์ไม่ได้ทำหน้าที่อะไรเลย แค่คืนแรกทั้งแก๊งก็เจอดีแล้วแต่แบบเบาะ ๆ ให้อกสั่นขวัญหายเล่น แล้วไปจัดหนักจัดเต็มกันในคืนที่ 2 จัดว่าเป็นหนังสยองขวัญที่อยู่ในระดับมาตรฐาน ได้ลุ้นได้สะดุ้ง แต่ก็ไม่มีความแปลกใหม่ ไม่มีหักมุม มุกตุ้งแช่เล่นซ้ำหลายรอบมาก ใช้พล็อตตายตัวของหนังสยองขวัญที่ค่อย ๆ เก็บตัวละครไปทีละตัว แล้วให้คนดูลุ้นไปว่าจะเหลือใครรอด หนังค่อย ๆ เพิ่มดีกรีความระทึกจากเบาไปได้สูงปรี๊ดในช่วงท้าย บรรยากาศแวดล้อมทั้งภาพและเสียงล้วนทำหน้าที่ได้ดี ได้อารมณ์เครียดอึดอัดไปกับชะตากรรมตัวละคร สร้างความน่ากลัวได้แม้จะไม่เห็นแม่มดแบบชัด ๆ ด้วยเหตุที่หนังยังคงยึดธรรมเนียมของหนัง Blair Witch เดิมด้วยการนำเสนอภาพในสไตล์กล้องแฮนด์เฮลด์ทั้งเรื่อง โดยเฉพาะครึ่งหลังที่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดในกลางคืนทั้งหมด เราจะเห็นภาพแค่วงแสงแคบ ๆ จากไฟฉายแค่นั้น ก็เตือนไว้ก่อนถ้าคนไม่ชอบหนังกล้อง แฮนด์เฮลด์ก็บอกผ่านเรื่องนี้ไปเลยครับ หนังใช้ทุนสร้างไปแค่ 5 ล้านเหรียญ ต่อให้ฉายทิ้งฉายขว้าง แม้คะแนนนักวิจารณ์ต่างประเทศจะออกมาลบยังไงก็กำไรอยู่แล้วครับ