เมื่อประมาณราว ๆ 30 กว่าปีก่อน หรือช่วงประมาณปี 1980-1990 อุตสาหกรรมหนังฮ่องกงมีอิทธิพลต่อวงการหนังโลกอย่างที่เรียกว่าไม่น้อยหน้าใคร ด้วยจำนวนผู้ชมที่ครอบคลุมไม่ใช่แค่เฉพาะภายในเกาะฮ่องกงหรือเฉพาะทวีปเอเชีย แต่ยังเรืองรองไปทั่วโลกจนกลายมาเป็นเบอร์ 3 ของโลกรองจากฮอลลีวูดของสหรัฐอเมริกา และบอลลีวูดของอินเดีย
ในเวลานั้น ฮ่องกงมีการผลิตหนังหลาย ๆ แนวออกมามากมายและหลากหลาย ทั้งหนังแอ็กชันที่แตกสายทั้งหนังแนวกังฟูแนวถนัดที่สืบต่อมาจากยุค 1970 และหนังแนวแอ็กชันมาเฟียสไตล์ จอห์น วู (John Woo) และ ฉีเคอะ (Tsui Hark) และหนังแนวการพนัน
พัฒนากลายเป็นหนังแอ็กชันคอมมีดี้ ที่ผสมฉากบู๊ตลกในแบบฉบับของเฉินหลง (Jackie Chan) หนังตลกล้อเลียนของ โจวซิงฉือ (Stephen Chow) หนังโรแมนติกรสชาติเหงาของผู้กำกับ หว่องกาไว (Wong Kar-Wai) รวมทั้งหนังตลก หนังผีดิบ และหนังกำลังภายใน ที่ส่งตรงและยังคงตราตรึงอยู่ในใจของผู้ชมตลอดมา
บทความนี้จึงขอคัดเลือกส่วนหนึ่งของหนังฮ่องกงที่เคยออกฉาย และได้รับความนิยมในเมืองไทย เป็น 10 หนังฮ่องกงในความทรงจำเรื่องเด่น จากบรรดานักแสดงชั้นนำที่คนไทยชื่นชอบ ซึ่งแน่นอนว่ายังมีหนังฮ่องกงอีกมากที่ไม่ได้อยู่ในลิสต์นี้ แต่หวังว่าหนัง 10 เรื่องนี้จะเป็นเครื่องระลึกความทรงจำอันเรืองรองในช่วงเวลาที่ได้ชมของพวกเราทุก ๆ คน
‘Police Story’ (1985)
วิ่งสู้ฟัด
ถ้าพูดถึงหนังของเฉินหลง (Jackie Chan) ก็ต้องนึกถึงหนังที่แจ้งเกิดเขา สู่การเป็นราชาจ้าวตำรับหนังแอ็กชันคอมเมดี้อย่าง ‘Police Story’ หรือในชื่อไทย วิ่งสู้ฟัด ซึ่งเป็นผลงานเปิดหัวหนังบู๊ฮ่องกงยุคใหม่ที่ออกฉายในปี 1985 ของค่าย โกลเดน ฮาเวสต์ (Golden Harvest) ค่ายหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฮ่องกงในยุค 80’s โดยเฉินหลงรับหน้าที่ทั้งกำกับหนัง เขียนบทร่วม และร่วมแสดงคิวบู๊แบบเล่นจริงเจ็บจริง
เนื้อเรื่องว่าด้วยเรื่องราวของจูโถว หรือบิ๊กจู๋ (Yuen Chor) พ่อค้ายาเสพติดตัวเป้งที่เป็นที่ต้องการของตำรวจฮ่องกงมากที่สุด โดยเปิดไนต์คลับและบริษัทค้าเงินบังหน้า ทำให้จ่าเฉิน (เฉินหลง) เจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกงต้องออกตามจับตัวบิ๊กจู๋ ด้วยการนำตัว เซรีน่า (หลินชิงเสีย) เลขาของบิ๊กจู๋ มาเป็นพยานซัดทอดในชั้นศาลให้ได้ จ่าเฉินจึงต้องบู๊สุดตัวเพื่อทลายอิทธิพลมืดให้จงได้
ด้วยคิวบู๊ฟอร์มยักษ์ที่เฉินหลงทุ่มทุน เล่นจริง เจ็บจริง และฉากแอ็กชันที่เป็นภาพจำตลอดทั้งเรื่อง ทั้งฉากขับรถฝ่าชุมชนแออัดบนภูเขาแบบทิ้งตัว ฉากห้อยตัวบนรถบัสสองชั้น และฉากกระโดดเกาะเสาทะลุกระจกในห้าง ที่เล่นเอาเฉินหลงบาดเจ็บหลายแห่ง ทั้งกระดูกเคลื่อน มือถลอก และอาการบาดเจ็บที่หลัง แต่ก็เรียกได้ว่าคุ้ม เพราะตัวหนังโด่งดัง กวาดรายได้ทั่วทั้งเอเชีอย่างสวยงาม และได้ 2 รางวัลม้าทองคำ และรางวัลจากอีกหลายเวที จนทำให้มีการสร้างภาคต่อออกมาอีกถึง 3 ภาค ได้แก่ Police Story 2 (1988), Police Story 3: Supercop (1992) และ ‘Police Story 4: First Strike’ (1996) และฉบับรีบูตอีก 2 เรื่อง ‘New Police Story’ (2004) และ ‘Police Story’ 2013
Average Tomatoes Meter: 93%
IMDb Rating: 7.5/10
รับชมได้ทาง Netflix / iQIYI / Apple TV
‘Mr. Vampire’ (1985)
ผีกัดอย่ากัดตอบ
คำจำกัดความของหนังฮ่องกงในความทรงจำอีกแนวก็คงหนีไม่พ้นหนังผีตลกที่ดูกี่ครั้งก็ทั้งขำทั้งกลัว (แต่เน้นตลกเป็นส่วนใหญ่) โดยเฉพาะหนังตระกูลผีกัด ที่มีหนังเรื่อง ‘ผีกัดอย่ากัดตอบ’ หรือ ‘Mr. Vampire’ เป็นผู้บุกเบิกหนังผีดิบมาก่อนที่ซอมบี้จะฮิตในยุคนี้ ด้วยการผสมผสานหนังฮ่องกงหลากรสชาติที่คนดูคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ทั้งสยองขวัญ มุกตลก และฉากแอ็กชันแบบหนังกังฟู กลายเป็นหนังบันเทิงครบรสที่ดูได้ทั้งครอบครัว
หลินเจิ้งอิง (Lam Ching-ying) อดีตสตันท์แมน และนักแสดงหนังกังฟูผู้ล่วงลับ รับบทเป็น อาจิ่ว นักพรตลัทธิเต๋า ผู้มีวิชาอาคมในการปราบผีดิบ โดยในภาคแรกสุดที่ออกฉายในปี 1985 อาจิ่วต้องรับหน้าที่จากเศรษฐี ให้ย้ายหลุมศพบิดาของตนเองที่ถูกฝังไว้เมื่อ 20 ปีก่อน แต่เมื่อมีการขุดขึ้นมาอีกครั้ง กลายเป็นว่า ศพของบิดาเศรษฐีกลับฟื้นขึ้นมาเป็นผีดิบออกอาละวาด ไล่กัดชาวบ้านจนกลายเป็นผีดิบ ร้อนถึงอาจิ่วต้องออกมาร่ายรำดาบ ใช้ยันต์ฮู้แปะหน้าผากกันผีดิบอาละวาดให้ราบคาบ
ตัวหนังอำนวยการสร้างโดย หงจินเป่า (Sammo Hung) และประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น จนทำให้บรรดาแฟนหนัง จดจำหลินเจิ้งอิงในบทบาทอาจิ่ว ผูกขาดตระกูลหนังผีกัดชนิดแยกแทบไม่ออก และก่อกำเนิดหนังผีกัดฟีเวอร์ในยุค 80’s และ 90’s ที่ทำตามกันออกมาอีกเพียบ แต่ไม่ว่าจะมีออกมากี่สิบภาค หรือแม้แต่ในรูปแบบของทีวีซีรีส์ เขาก็ยังตามไปแปะยันต์มาแล้วแบบนับไม่ถ้วน ก่อนจะเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับในปี 1997 ซึ่งผลงานสุดท้ายของเขาคือบทนักพรตหมอผีในซีรีส์ ท้าผีกัดข้ามศตวรรษ ‘Vampire Expert’ (1995)
Average Tomatoes Meter: 86%
IMDb Rating: 7.3/10
รับชมได้ทาง iQIYI
‘A Better Tomorrow’ (1986)
โหด เลว ดี
ถ้าพูดถึงหนังเรื่อง โหด เลว ดี ก็ต้องนึกถึงโจวเหวินฟะ (Chow Yun-Fat) และผู้กำกับอย่าง จอห์น วู (John Woo) ในฐานะปรมาจารย์หนังแอ็กชันระดับฮอลลีวูด และ ฉีเคอะ ในฐานะโปรดิวเซอร์ ร่วมกันสร้างความมันที่ได้รับการยกย่องเป็นหนังมาเฟียฮ่องกงที่ดีที่สุดตลอดกาล และยังเป็นหนึ่งในต้นแบบของหนังมาเฟียแอ็กชันสายโหดที่สร้างตามกันเป็นพรวน
โหด เลว ดี เรื่องราวหักเหลี่ยมเฉือนคมของสมาชิกแก๊งมาเฟียปลอมธนบัตร ที่มีลูกพี่ใหญ่ อาเห่า แสดงโดย ตี้หลุง (Lung Ti) ผู้มีน้องชายเป็นตำรวจ ชื่อว่าอาเฉีย แสดงโดย เลสลี่ จาง (Leslie Cheung) และเสี่ยวหม่า น้องคนสนิทอาเห่า นำแสดงโดย โจวเหวินฟะ ในระหว่างปฏิบัติการครั้งสุดท้ายก่อนที่อาเห่าจะวางมือ ทั้งอาเห่าและเสี่ยวหม่า กลับโดนหัวหน้าแก๊งหักหลังจนชีวิตพังพินาศ ทั้งคู่จึงต้องกลับมาเดินบนเส้นทางสายโหดอีกครั้งเพื่อแก้แค้น
ตัวหนังแจ้งเกิดจังหวะแอ็กชันดิบโหดเท่ในแบบฉบับ จอห์น วู ให้เป็นที่รู้จัก ทั้งจังหวะสโลว์โมชัน และแอ็กชันยืงปืนสองมือ ที่เท่จนฮอลลีวูดยังเอาไปใช้ เปลี่ยนสถานะของเขาให้กลายเป็นผู้กำกับเบอร์ใหญ่ของฮ่องกง และพลิกบทบาทของโจวเหวินฟะ จากพระเอกหนังโรแมนติก สู่มือปืนสุดโหดโคตรเท่ในชุดเทรนช์โค้ดสีดำ สวมแว่นตา Alain Delon คาบไม้ขีดไฟ
Average Tomatoes Meter: 93%
IMDb Rating: 7.4/10
รับชมได้ทาง Netflix / iQIYI
‘A Chinese Ghost Story’ (1987)
โปเยโปโลเย เย้ยฟ้าแล้วก็ท้า
หนังผีกับหนังโรแมนติกไม่น่าจะมาอยู่ด้วยกันได้ แต่ โปเยโปโลเย เย้ยฟ้าแล้วก็ท้า ที่รับบทโดยพระเอกหนุ่มหล่อผู้ล่วงลับ เลสลี่ จาง กำกับโดย เฉิงเสี่ยวตง (Daniel Chan) และอำนวยการสร้างโดย ฉีเคอะ คือบทพิสูจน์ว่าหนังคนรักผี คือความน่ากลัว ที่ผสมโรแมนติกได้อย่างลงตัว
ตัวหนังเล่าเรื่องของ หนิงไฉ่เฉิน ที่รับบทโดย เลสลี่ จาง บัณทิตหนุ่มผู้รอนแรมเดินทางไกลจนมาเจอวัดร้างแห่งหนึ่ง จนเขาได้พบกับ เสี่ยวเชี่ยน นำแสดงโดย หวังจู่เสียน (Joey Wong) วิญญาณสาวสวยเร่ร่อน ที่ถูกกักขังในต้นไม้เพื่อเป็นเหยื่อล่อชายหนุ่ม ให้ปีศาจดูดกลืนวิญญาณ ทั้งคู่เกิดความรักข้ามภพต่อกัน และนำพาให้ทั้งคู่ต้องต่อสู้เพื่อความรักที่ไม่อาจเป็นไปได้
ตัวหนังประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยเทคนิคการถ่ายทำที่แปลกใหม่ ประณีต คอสตูมที่สวยงามตระการตา และคู่พระนางที่เคมีลงตัว จนกลายเป็นหนังโรแมนติกสยองขวัญที่เรียกน้ำตาคนดูได้อยู่หมัด จนได้เข้าชิงรางวัลม้าทองคำ 8 สาขา และคว้าได้ 4 สาขา ปลุกกระแสหนังแนวกำลังภายในให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
Average Tomatoes Meter: 67%
IMDb Rating: 7.4/10
รับชมได้ทาง Netflix / iQIYI
‘A Moment of Romance’ (1990)
ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ
แค่ได้ยินชื่อใคร ๆ ก็รู้ว่า ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ คือหนังแอ็กชัน ผสมโรแมนติกดราม่าอภิมหาปรากฏการณ์แห่งยุค ผลงานกำกับของ เบนนี่ ชาง และเป็นผลงานที่ส่งให้ หลิวเต๋อหัว (Andy Lau) พระเอกสายดราม่า กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ค้างฟ้าแห่งยุค 90’s และตัวหนังยังกลายเป็นอีกหนึ่งหนังฮ่องกงระดับคลาสสิก ที่ยังคงได้รับความนิยมในทุกยุคทุกสมัย
ตัวหนังว่าด้วยเรื่องราวของ อาหวอ ที่รับบทโดย หลิวเต๋อหัว นักเลงหัวไม้ไร้อนาคต ที่โชคชะตาพาให้เขาได้มาเจอกับ โจโจ้ คุณหนูลูกสาวเศรษฐี ที่แสดงโดย อู๋เชี่ยนเหลียน (Chien-Lien Wu) ที่ถูกอาหวอจับเป็นตัวประกัน แต่สุดท้ายเธอก็รอดจากการถูกปิดปาก และไม่ชี้ตัวคนร้ายให้ตำรวจ แต่ถึงกระนั้น ทั้งอาหวอและโจโจ้ก็ยังต้องเอาตัวรอดจากการโดนไล่ล่าจากแก๊งมาเฟียและตำรวจ จนก่อเกิดเป็นความรัก
ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ สร้างความฟีเวอร์ระดับปรากฏการณ์ด้วยเรื่องราวดราม่า ความรัก และนักเลงหัวไม้ ที่ติดตลาดสุด ๆ ทั่วทั้งเอเชีย จุดกระแสคู่ขวัญ หลิวเต๋อหัว-อู๋เชี่ยนเหลียน ที่หนุ่ม ๆ ต่างอยากหวีผมแสกกลาง ใส่แว่นเรย์แบน กางเกงยีนส์ขาด ขี่มอเตอร์ไซค์ Suzuki RG500 เลียนแบบอาหวอสุดเท่ และสาว ๆ ก็อยากเป็นนั่งซ้อนท้ายอาหวอเหมือนกับคุณหนูโจโจ้สักครั้ง ส่วนในไทยที่เข้าฉายครั้งแรกในปี พ.ศ. 2533 ก็ฟีเวอร์สุด ๆ สร้างปรากฏการณ์เต็มทุกรอบ จนต้องนำกลับมาฉายอีกครั้งในปี พ.ศ. 2534
Rotten Tomatoes Audience Score : 84%
IMDb Rating: 7.3/10
‘All for the Winner’ (1990)
คนตัดเซียน
หากพูดถึงหนังฮ่องกง ก็ต้องนึกถึงหนังตลกของ โจวซิงฉือ (Stephen Chow) ราชาหนังตลกฮ่องกง ซึ่งเป็นหนังที่แจ้งเกิดเขาให้กลายเป็นหนึ่งเดียวของวงการ นั่นก็คือหนังเรื่อง คนตัดเซียน ของค่ายโกลเด้น ฮาร์เวสต์ ที่ทำขึ้นเพื่อล้อเลียนหนังเซียนพนันเกาจิ้งอย่าง คนตัดคน ของโจวเหวินฟะ และแจ้งเกิดดาราสมทบอย่าง อู๋ม่งต๊ะ กลายเป็นคู่หูคู่ฮาเบอร์หนึ่งของวงการหนังฮ่องกง และเป็นต้นแบบหนังแนวตลกล้อเลียนในแบบฉบับของ โจวซิงฉือ ในเวลาต่อมาอีกด้วย
ตัวหนังเริ่มเรื่องจาก อาซิง ที่เดินทางมาฮ่องกง เพื่อตามหาลุงต้า แสดงโดย อู๋ม่งต๊ะ (Man-Tat Ng) จนได้พบว่า อาซิงมีพลังจิตในการมองทะลุสิ่งของและเปลี่ยนไพ่ได้ ลุงต้าจึงผลักดันอาซิงเข้าสู่วงการพนัน แต่อาซิงกลับไปตกหลุมรัก หวีม่ง นำแสดงโดย จางเหมี่ยน (Sharla Cheung) สาวสวยลูกสาวของอาฟ่ง เซียนพนันระดับเจ้าพ่อ แสดงโดย ฉิน เพ่ย (Paul Chun) จนต้องดวลไพ่กันเพื่อพิสูจน์ความเป็นคนตัดเซียน
หลังเข้าฉาย ตัวหนังประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ทำรายได้ 41 ล้านเหรียญฮ่องกงภายใน 28 วัน และก้าวขึ้นแท่นหนังที่ทำรายได้มากที่สุดของปี 1990 ส่งให้อดีตตัวประกอบอดทนอย่างเฮียโจว กลายเป็นนักแสดงและผู้กำกับ เจ้าของฉายา ราชาหนังตลกฮ่องกงในเวลาต่อมา
IMDb Rating: 6.8/10
‘Once Upon a Time in China’ (1991)
หวงเฟยหง หมัดบินทะลุเหล็ก
แม้ปัจจุบัน ชื่อของเจ็ต ลี (Jet Li) หรือ หลี่เหลียนเจี๋ย จะหายไปจากวงการภาพยนตร์ แต่ในอดีต เขาคือแอ็กชันสตาร์เจ้าเสน่ห์ ที่แจ้งเกิดจากบทบาท หวงเฟยหง วีรบุรุษที่มีตัวตนจริง ใน หวงเฟยหง ภาค 1 หมัดบินทะลุเหล็ก ที่กำกับโดยผู้กำกับชื่อดัง ฉีเคอะ
เรื่องเล่าในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 หวงเฟยหง อาจารย์กังฟูและเจ้าของร้านยา เป่าจือหลิน ในยามที่ชาวต่างชาติเช้ามารุกรานแผ่นดิน อาจารย์หวงและลูกศิษย์ทั้ง อาไค (Kam-Fai Yuen) อาซู (จางเซียะโหย่ว,Jacky Cheung) และ หมูตอนหยง (เคนท์ เจิ้ง,Kent Cheng) จึงต้องใช้วรยุทธ์ร่วมกันเพื่อปกป้องชุมชนจากข้าหลวงขายชาติ ปกป้องแผ่นดินจากคนพาล และจัดการเรื่องว้าวุ่นใจระหว่างเขากับน้าสิบสาม นำแสดงโดย กวนจือหลิน (Rosamund Kwan) ที่มีใจให้กัน
แม้จะมีนักแสดงที่เคยรับบทมาแล้วหลายคน แต่ หวงเฟยหง ฉบับเจ็ต ลี รวมทั้งน้าสิบสาม และบรรดาลูกศิษย์สุดฮา รวมทั้งฉากแอ็กชันกำลังภายในสุดมัน คือภาพจำของหวงเฟยหงที่ฮิตติดตลาดที่สุด ได้รางวัลจากหลายเวที จนทำให้ฉีเคอะได้สร้างหนัง และทีวีซีรีส์ชุด หวงเฟยหง ออกมาอีกหลายภาค แต่สุดท้ายแล้ว หวงเฟยหง เวอร์ชัน เจ็ต ลี ก็ยังคงเป็นภาพจำหนึ่งเดียวในใจแฟน ๆ เสมอมา
Average Tomatoes Meter: 89%
IMDb Rating: 7.2/10
รับชมได้ทาง Netflix / iQIYI
‘Hard Boiled’ (1992)
ทะลักจุดแตก
ยุค 90’s ยังเป็นยุคทองของนักแสดงเจ้าเสน่ห์อีกคนอย่าง โทนี่ เหลียง (Tony Leung) หรือ เหลียงเฉาเหว่ย อดีตนักแสดงละครทีวีเบอร์ต้นเบอร์ต้นของค่าย TVB ที่เพิ่งหมดสัญญา ก่อนจะผันมาเดินเส้นทางการแสดงภาพยนตร์เต็มตัว และบทบาทหนึ่งที่ทำให้เขาได้แจ้งเกิดก็คือ ‘Hard Boiled’ หนังแอ็กชันอาชญากรรม ฝีมือการกำกับของ จอห์น วู ปะทะฝีมือกับนักแสดงรุ่นพี่อย่าง โจวเหวินฟะ
เรื่องราวเล่าเรื่องการปะทะกัน ระหว่างนายตำรวจกับแก๊งอาชญากรรม ที่ทำให้เพื่อนรักของเตกีล่าต้องตาย ในขณะที่เตกีลา (โจวเหวินฟะ) นายตำรวจเลือดร้อนที่กำลังมุ่งมั่นในการจับตัวจอห์นนี่ (แอนโทนี หว่อง, Anthony Wong) หัวหน้าแก๊งค้าอาวุธ เขาได้เจอกับอลัน (เหลียงเฉาเหว่ย) นายตำรวจผู้แฝงตัวเข้าไปเป็นสายในแวดวงค้าอาวุธ พวกเขาจึงต้องร่วมมือกันเพื่อทลายแก๊งค้าอาวุธของจอห์นนี่ให้ได้
แน่นอนว่า งานบู๊ของปรมาจารย์ชั้นครูอย่าง จอห์น วู ยังคงขึ้นชื่อเรื่องของฉากแอ็กชันสุดมัน ซีนบู๊ที่ยาวสะใจ แต่ยังเต็มไปด้วยงานการออกแบบสุดเท่ตามสไตล์ของ จอห์น วู และเนื้อเรื่องที่สนุกเข้มข้น ทำให้หนังเรื่องนี้ เป็นหนังตำรวจจับผู้ร้ายอีกเรื่องของฮ่องกงที่มีชื่อเสียงและอยู่ในใจผู้ชมมาตลอด แถมยังรับประกันความเดือดด้วยการทำลายสถิติ เป็นหนังที่มีคนตายจำนวนกว่า 307 ศพ
Average Tomatoes Meter: 94%
IMDb Rating: 7.7/10
‘Comrades, Almost a Love Story’ (1996)
เถียน มี มี่ 3650 วันรักเธอคนเดียว
หนังโรแมนติก-ดราม่าหวานปนขมทุนต่ำ ฝีมือการกำกับของ ปีเตอร์ ชาน (Peter Chan) เรื่องนี้ ที่แม้ว่าจะไม่ได้โด่งดังหวือหวา แต่ก็ถือเป็นหนังที่โดดเด่นทะลุกระแสหนังแอ็กชันและตลกของฮ่องกงมาได้อย่างสวยงาม กับเรื่องราวความรัก ความฝัน และชนชั้นแสนธรรมดาแต่สุดจะกินใจ จนคว้ารางวัลบนเวทีใหญ่ ๆ ของฮ่องกงได้อย่างมากมาย
ตัวหนังเล่าเรื่องของ หลีเสี่ยวจิน (หลี่ หมิง, Leon Li) และหลี่เฉียว (จางม่านอวี้, Maggie Cheung) ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ที่อพยพเข้ามาทำงานในร้านแมคโดนัลด์บนแผ่นดินฮ่องกง แม้หลีเสี่ยวจินจะมีครอบครัวแล้ว ส่วนหลี่เฉียวก็มีคนรักอยู่แล้วเช่นกัน แต่โชคชะตา ความเหงา และความยากลำบากของคนไร้ราก ก็ทำให้ทั้งคู่เกิดความรักต่อกัน ในช่วงระยะเวลา 3,650 วัน
จุดเด่นของหนังเรื่องนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของบทที่ลึกซึ้ง การแสดงระดับมาสเตอร์พีซของนักแสดงอย่าง หลี่หมิง และ จางม่านอี้ และบทเพลงเพราะ ๆ ของ เติ้งลี่จวิน (Teresa Teng) ทำให้บรรยากาศของหนังเรื่องนี้ลอยอวลไปด้วยบรรยากาศโรแมนติกหวานปนขม และเรื่องราวความลำบากของปุถุชนธรรมดา ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย กลายเป็นหนังโรแมนติกสุดคลาสสิกที่ไม่หวือหวา แต่กินใจผู้ชมได้ทุกยุคสมัย
Average Tomatoes Meter: 89%
IMDb Rating: 8.1/10
‘The Storm Riders’ (1998)
ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า
ปิดศักราชหนังฮ่องกงยุค 90’s ด้วยหนังกำลังภายในฟอร์มยักษ์ทุนสร้างมหาศาล ผลงานการกำกับของ แอนดรูว์ เลา (Andrew Lau) ที่ดัดแปลงจากนวนิยายและหนังสือการ์ตูนต้นฉบับ ร่วมแสดงโดยนักแสดงฮ่องกงรุ่นใหม่ในเวลานั้นทั้ง เจิ้งอี้เจี้ยน (Ekin Cheng) กัวฟู่เฉิง (Aaron Kwok) และนางเอกสาวสุดฮอต ซูฉี (Shū Qí) ที่สามารถจุดกระแสหนังกำลังภายในที่ซบเซา ให้กลับมาคึกคักติดตลาดได้อีกครั้ง
เรื่องราวของ สงป้า (ซอนนี ชิบะ, Sonny Chiba) ประมุขพรรคใต้หล้าผู้ชั่วร้าย ที่ต้องการเป็นหนึ่งในยุทธภพ ได้ออกตามหาเด็กที่มีนามว่าฟง ที่แปลว่า ลม และอวิ๋น ที่แปลว่าเมฆ มาเป็นลูกศิษย์ ตามคำทำนายชะตาอนาคตของธุลีดิน เขาจึงได้ออกตามล้างโคตรครอบครัว และลักพาตัว ปู้จิ้งอวิ๋น (กัวฟู่เฉิง) และ เนี่ยฟง (เจิ้งอี้เจี้ยน) ก่อนที่ทั้งคู่จะรวมพลังกันเป็นมังกรทะยานฟ้าเพื่อต่อสู้กับสงป้าให้จงได้
ค่าย โกลเดน ฮาร์เวสต์ ทุ่มทุนสร้างกว่า 85 ล้านเหรียญฮ่องกง ทำให้ตัวหนังเรื่องนี้พลิกโฉมหน้าหนังแนวกำลังภายใน ด้วยสเปเชียลเอฟเฟกต์สุดอลังการทะลุจอ ได้รับคำชมจากแฟนการ์ตูน และแฟนนิยาย ทำรายได้ในฮ่องกงเอาชนะหนังฮอลลีวูดฟอร์มยักษ์ ทั้ง ‘Armageddon’ (1998) และ ‘Godzilla’ (1998) คว้าแชมป์หนังทำเงินสูงสุดบนบ็อกซ์ออฟฟิศฮ่องกงของปี 1998 อีกทั้งยังเป็นแรงส่งให้ เจิ้งอี้เจี้ยน ซูฉี และนักแสดงญี่ปุ่นผู้ล่วงลับอย่าง ซอนนี ชิบะ (Sonny Chiba) กลายเป็นดาราดังของยุคต้นปี 2000 อีกด้วย
Rotten Tomatoes Audience Score : 66%
IMDb Rating: 6.3/10
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส