ถ้าพูดถึงหนังสยองขวัญแนว Slasher หรือแนวไล่เชือดในตำนานยุค 90s ก็คงต้องมีหนังชื่อยาวเหยียดที่เล่นกับโปรแกรมหนังช่วงซัมเมอร์อย่าง ‘I Know What You Did Last Summer’ (1997) ที่ทำรายได้ถล่มทลาย และแจ้งเกิดนักแสดงวัยรุ่นในเวลานั้นให้เป็นที่รู้จัก โดยเฉพาะหนึ่งในนักแสดงอย่าง เฟรดดี ปรินซ์ จูเนียร์ (Freddie Prinze Jr.)

แต่กว่าที่เขาจะได้มาเป็นหนึ่งในนักแสดงวัยรุ่นของหนังเชือดสุดฮิตเรื่องนี้ก็เรียกได้ว่าไม่ง่ายเลย ปรินซ์ จูเนียร์ในวัย 47 ปี เพิ่งเปิดเผยความยากลำบากของกองถ่ายหนังเรื่องนี้กับเว็บไซต์ TooFab ในโอกาสที่เขาได้เป็นโฮสต์ของรายการพอดแคสต์ ‘That Was Pretty Scary’ ที่เป็นการหยิบเอาหนังสยองขวัญจากทุกยุคสมัยมาแลกเปลี่ยนกันกับ จอน ลี โบรดี (Jon Lee Brody) โปรดิวเซอร์และนักแสดงจาก ‘Malignant’ (2021)

เขาได้เปิดเผยผ่านบทสัมภาษณ์ว่า แม้ ‘I Know What You Did Last Summer’ จะเป็นหนังที่แจ้งเกิดเขาในฐานะนักแสดงวัยรุ่นในตอนนั้น แต่พอเขาต้องมาทำพอดแคสต์ตอนแรกที่จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ ทำให้เขาได้มีโอกาสได้ดูหนังเรื่องนี้อีกครั้งแบบเต็ม ๆ เป็นครั้งแรก ขนาดตอนฉายรอบปฐมทัศน์เขาเองก็ไม่ได้ดู เพราะหลังเดินพรมแดง เขาก็หนีไปเล่นโบว์ลิงเฉย “ผมไม่อยากเห็นหน้าตัวเอง (ตอนเดินพรมแดง) น่ะครับ ผมเกลียด ผมไม่ชอบรูปร่างหน้าตาของตัวเองเท่าไหร่ ผมไม่ได้คิดว่าตัวเองหน้าตาดีขนาดนั้น”

และอีกเรื่องที่เขาเผยในบทสัมภาษณ์ก็คือ ประสบการณ์อันเลวร้ายในกองถ่าย ‘I Know What You Did Last Summer’ ที่แม้เขาเองจะรู้สึกขอบคุณตัวหนัง และเขาเองก็ยังรู้สึกประทับใจในการทำงานโดยรวมของกองถ่าย แถมยังทำให้เขาได้เจอกับภรรยา นั่นก็คือ ซาราห์ มิเชล เกลลาร์ นักแสดงอีกคนในเรื่อง ที่ตกล่องปล่องชิ้นแต่งงานกันไปเมื่อตอนปี 2002 แต่เขาเองก็ยังมีประสบการณ์กองถ่ายบางอย่างที่เขาไม่ประทับใจจนเกือบจะลาออกจากฮอลลีวูด นั่นก็คือ จิม กิลเลสพาย (Jim Gillespie) ผู้กำกับหนังเรื่องนี้นี่เอง

ที่เขาไม่ประทับใจในกิลเลสพาย เพราะ ปรินซ์ จูเนียร์ ได้กล่าวอ้างว่าในกองถ่ายเวลานั้นเกิดความตึงเครียดค่อนข้างมาก เพราะตอนนั้นกิลเลสพายไม่ประทับใจเขาเอาเสียเลย ในฐานะที่เขาเป็นนักแสดงที่สตูดิโอ Columbia Pictures และคนเขียนบทอย่าง เควิน วิลเลียมสัน (Kevin Williamson) ต้องการ แต่กิลเลสพายกลับต้องการ เจเรมี ซิสโต (Jeremy Sisto) มาแสดงในบท เรย์ บรอนสัน มากกว่า ก็เลยทำให้เขามีบรรยากาศที่ไม่ดีเท่าไหร่กับผู้กำกับ จนถึงขั้นที่เขาใช้เรียกผู้กำกับว่าเป็น ‘ไอ้คนเฮงซวย’ (Such an A**hole)

Freddie Prinze Jr. I Know What You Did Summer Last Summer
จิม กิลเลสพาย

“ผมอยากให้คำคำนี้กับเขาเลยครับ แต่เขาคงไม่สนใจอะไรแบบนั้นหรอก ผมก็ไม่ชอบนะถ้าจะเกิดความหมั่นไส้แบบเงียบ ๆ แต่เขาตรงไปตรงมามากในแง่ที่ว่าเขาไม่ต้องการผมในหนังเรื่องนี้ ” (หัวเราะ) “และเมื่อคุณได้ยินคำพูดเหล่านั้นตอนที่คุณกำลังทำงานชิ้นแรก ๆ ด้วยนี่ มันทำให้คุณรู้สึกพังได้เลยนะ”

“ไม่ใช่ว่าความคิดเห็นเราไม่ตรงกันนะครับ แต่เขาต้องการนักแสดงอีกคนหนึ่ง ซึ่งจริง ๆ ผมรู้จักกับ เจเรมี ซิสโต นะ เขาเป็นนักแสดงที่ดีมาก ผมชอบและเคารพเขามาก แต่ผมคิดว่าผมรู้ ว่าสิ่งที่เหมาะสมถูกต้องสำหรับตัวละครนี้มันคืออะไร”

ปรินซ์ จูเนียร์ เผยว่า กิลเลสพายมักจะให้ ‘คอมเมนต์โรคจิต’ หรือคำแนะนำในเชิงงี่เง่ากับเขาตอนระหว่างถ่ายทำ เช่นว่า “อย่าอ้าปากกว้างแบบนั้น มันจะทำให้นายดูโง่ นี่คือเขาพูดแบบนั้นเป๊ะ ๆ คำต่อคำเลยนะ เพราะผมจำได้แม่นเลย บางทีมันก็ทำให้ผมรู้สึกท้อ หรือไม่ก็อยากจะเข้าไปบวกเขาสักหมัดให้ได้”

Freddie Prinze Jr. I Know What You Did Summer Last Summer

ก่อนที่นักแสดงร่วมอย่าง ไรอัน ฟิลิปเป เจ้าของบท แบร์รี ค็อกซ์ จะเข้ามาปลอบใจ “ผมจำได้ว่าไรอันเดินมาหาผมแล้วก็พูดว่า ‘ช่างแม่-เถอะ นายออดิชันหนังเรื่องนี้มากี่ครั้งแล้ววะพวก’ ผมตอบไปว่า ‘ห้าครั้ง’ แล้วเขาก็บอกว่า ‘นั่นแหละ นายเหมาะกับบทนี้แล้วแหละโว้ย ไม่ใช่ว่าแค่เฉพาะนายคนเดียวซะเมื่อไหร่ มีคนตั้งกี่คนที่อยากได้บทนี้ แล้วก็มีแต่นายที่ได้ไป จำสิ่งที่ทำให้นายได้บทนี้สิวะ ช่างแม่-ที่เขาพูดไปเหอะ ถ้าเขาพูดอะไรมา นายก็แค่ทำในสิ่งที่นายอยากจะทำ’ เขาเป็นคนแรกที่พูดกับผมแบบนั้นเลย”

ปรินซ์ จูเนียร์ เล่าต่ออีกว่า ในระหว่างถ่ายทำ เขาได้รับคำปรึกษาจากเพื่อนนักแสดงทั้งฟิลลิปเปและเกลลาร์ ที่มีประสบการณ์ด้านการแสดงมากกว่า แต่ปฏิสัมพันธ์ในกองถ่ายระหว่างเขากับผู้กำกับก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย จนทำให้เขาอยากจะถอนตัวออกจากหนังเรื่องนี้ “เพราะว่าเราต้องถ่ายทำติดกันหลาย ๆ คืน การตื่นนอนในตอนเช้าหรือตอนบ่าย เพื่อไปทำงานด้วยสภาพจิตใจที่โอเคจึงเป็นเรื่องยากมาก

Freddie Prinze Jr. I Know What You Did Summer Last Summer

“เขาทำให้ผมดูเป็นคนไม่ได้สนใจอะไรเลย โดยเฉพาะตอนที่เขาจะให้โน้ตกับนักแสดงทุกคนก่อนที่จะถ่ายทำ หรือตอนซ้อมคิวกัน ยกเว้นผม เขาเหมือนตั้งใจที่จะแยกผมออกจากคนอื่น เขามักจะพานักแสดงคนอื่น ๆ รวมตัวกัน และจดโน้ดให้ทุกคนยกเว้นผม ผมก็เลยคิดว่า เขาพยายามทำเรื่องงี่เง่าหรือเปล่านะ ผมก็ไม่เข้าใจ”

จนถึงจุดแตกหักที่เขารู้สึกอยากจะถอนตัวออกจากหนัง ปรินซ์ จูเนียร์ อ้างว่าเขาได้ยินผู้กำกับพูดว่าไม่ต้องการเขาในภาพยนตร์เรื่องนี้ จนเมื่อถึงตอนที่เขาต้องเจอกับประสบการณ์เฉียดตายตอนถ่ายทำฉากบนเรือ ที่เป็นฉากสุดท้ายของหนังเรื่องนี้ หลังจากที่เขาประสบอุบัติเหตุเรือบดพลิกคว่ำในระหว่างถ่ายทำ ทำให้เขารู้สึกเกิดอยากถอนตัวจากการถ่ายทำหนัง

“ผมเกือบจะขึ้นเครื่องบินกลับบ้าน ผมไม่เอาแล้ว พอแล้ว พวกเขาทำลายระเบียบแบบแผนการทำงานไปหมด ผมรู้สึกว่าตอนนั้นผมไม่ต้องการจะเล่นหนังแล้ว ผมมีอย่างอื่นที่ทำได้ ผมดรอปเรียนที่ เลอ กอร์ดอง เบลอ เพื่อมาถ่ายหนังเรื่องนี้ ผมกลับไปเป็นเชฟดีกว่า ยังไงซะแม่ก็คงสนับสนุนให้ทำ คืนนั้นเลยตัดสินใจเก็บกระเป๋าดีกว่า” แต่สุดท้ายโปรดิวเซอร์ได้เข้ามาพูดคุย และทำให้เขาเริ่มสงบลง และเปลี่ยนใจกลับมาแสดงจนจบ

“ผมรู้สึกอยากต่อยเขา 2-3 ครั้ง ครั้งแรกคือผมรู้สึกว่าผมมีเหตุผล ส่วน 2 ครั้งหลังเพราะว่าโกรธ ซึ่งนั่นมันก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เมื่อมองกลับไป ผมก็ไม่ได้ถึงกับเสียใจนะ เพราะหนังเรื่องนั้นทำให้ผมเริ่มต้นอาชีพนักแสดง ผมคงไม่มีอะไรเลยถ้าไม่มีหนังเรื่องนั้น ผมคงไม่ได้เจอภรรยา และก็จะไม่มีพอดแคสต์ และไม่มีบทสัมภาษณ์นี้เกิดขึ้นด้วย ผมอยู่ตรงนี้ได้เพราะผมต่อสู้ ผ่านกับความเจ็บปวดเหล่านั้นมา”

“การทำงานให้เสร็จทุกวันเป็นเรื่องยากนะ ผมเจ็บปวดกับหนังเรื่องนั้นทุกวัน แต่ยังไงซะ มันก็ทำให้ผมเตรียมพร้อมสำหรับวงการนี้ ฟังดูแปลกนะ แต่ผมก็ต้องขอบคุณจิมเสมอ ที่เขาทำตัวเฮงซวยแบบนั้น เพราะผมไม่เคยเจอใครที่เฮงซวยแบบบนั้นมาก่อน ผมรู้ดีว่าเขาคงเป็นฮีโรในสายตาของคนอื่น เขาช่วยคนอื่นและคนอื่นก็คงรักเขา แต่สำหรับผม เขาทำให้ผมหงุดหงิดมาก เขาเป็นผู้กำกับครั้งแรก คงไม่ได้มีเวลา งบประมาณ นักแสดงอย่างที่เขาอยากได้ และเขาเองก็คงไม่รู้วิธีจัดการกับความน่าหงุดหงิดเหล่านั้น”

เรื่องนี้ดูจะสวนทางกับที่กิลเลสพาย ได้เคยให้สัมภาษณ์กับ Digital Spy เมื่อปี 2017 ตอนที่หนังมีอายุครบ 20 ปีว่า เขาเองเป็นคนผลักดันให้ ปรินซ์ จูเนียร์ มารับบทนี้ ในขณะที่ไม่มีใครอยากได้เขามาแสดงเพราะดูอ่อนแอเกินไป จนทำให้เขาต้องออดิชันบทนี้ถึง 5 ครั้ง และตอนที่เขาบอกว่าจะถอนตัวออกจากหนัง ก็เป็นกิลเลสพายที่เป็นคนอ้อนวอนให้เขาอยู่ต่อ

แม้ประสบการณ์การถ่ายทำของเขาจะแย่แค่ไหน แต่สุดท้าย ปรินซ์ จูเนียร์ ก็ยังคงกลับมาแสดงอีกครั้งในหนังภาคต่อ ‘I Still Know What You Did Last Summer’ (1998) ที่เปลี่ยนผู้กำกับเป็น แดนนี แคนนอน (Danny Cannon) ซึ่งเขาเผยว่าแม้การถ่ายทำจะยาก แต่บรรยากาศโดยรวมก็ดีกว่าภาคแรกมาก

‘I Know What You Did Last Summer’ เป็นเรื่องราวของกับเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนวัยรุ่น 4 คนที่ขับรถเล่นพักผ่อน แต่ดันไปขับรถชนชายชาวประมงคนหนึ่งจนถึงแก่ความตาย ด้วยความกลัว พวกเขาได้โยนศพลงทิ้งในแม่น้ำ จนกระทั่งพวกเขาโดนไล่ล่าจากฆาตกรลึกลับที่มาพร้อมตะขอ เพราะยังไม่ลืมว่าพวกเขาทำอะไรลงไปเมื่อตอนฤดูร้อน

Freddie Prinze Jr. I Know What You Did Summer Last Summer

ตัวหนังถือเป็นหนังสแลชเชอร์แนวกลุ่มวัยรุ่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเรื่องหนึ่ง ส่งให้นักแสดงวัยรุ่นในเวลานั้นมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก ทั้ง เจนนิเฟอร์ เลิฟ ฮิววิตต์ (Jennifer Love Hewitt), ซาราห์ มิเชล เกลลาร์ (Sarah Michelle Gellar) และ ไรอัน ฟิลิปเป (Ryan Phillippe) ส่วน ปรินซ์ จูเนียร์ เองที่แม้ว่าจะไม่คุ้นตาในยุคนี้แล้ว แต่ความสำเร็จในเรื่องนี้ก็ทำให้หลายคนคุ้นหน้าเขาจากหลายบทบาท

ทั้งบทนำในหนังรอมคอม ‘She’s All That’ (1999) บท เฟร็ด โจนส์ (Fred Jones) ในหนังไลฟ์แอ็กชัน ‘Scooby-Doo’ (2002), ‘Scooby-Doo 2: Monsters Unleashed’ และล่าสุดคือรับบทเอกใน ‘Christmas with You’ (2022) หนังรอมคอมของ Netflix ที่กระแสไม่แรงนัก รวมทั้งงานพากย์เสียงในจักรวาล ‘Star Wars’ หลายชิ้น

ตัวหนังประสบความสำเร็จ ทำรายได้ Box Office ทั่วโลกไปกว่า 125 ล้านเหรียญ จากต้นทุนแค่ 17 ล้านเหรียญ จนถึงขั้นมีการสร้างหนังภาคต่อ ‘I Still Know What You Did Last Summer’ และหนังแผ่น DVD ‘I’ll Always Know What You Did Last Summer’ (2006) มีการรีบูตเป็นซีรีส์ฉายทาง Prime Video ด้วย แต่ถูกยกเลิกการสร้างซีซันต่อหลังฉายได้แค่ 1 ซีซัน

จนกระทั่งมีข่าวว่า Sony จะมีการหยิบเอาหนังเรื่องนี้มาสร้างภาคต่อ คงต้องรอดูว่า หนังภาคต่อที่ Sony กำลังจะเตรียมการสร้างอีกครั้ง และมีข่าวลือว่า ตัวเขากับ เลิฟ ฮิววิตต์ นักแสดงดั้งเดิมจาก2 ภาคแรก อาจจะกลับมารับบทเดิมในภาคใหม่นี้อีกครั้งด้วย


ที่มา: TooFab, Variety, Digital Spy

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส