อีก 1 หนังที่สร้างจากเรื่องจริง และนับว่าเป็นหนังที่ออกตามหลังเหตุการณ์จริงได้เร็วสุด เหตุแท่นขุดเจาะน้ำมัน Deepwater Horizon ระเบิดเมื่อปี 2010 นับเป็นโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่สุดในอุตสาหกรรมน้ำมันของอเมริกา ซึ่งเราเคยเขียนเรื่องจริงของ Deepwater Horizon ให้อ่านกัน
หนังเป็นผลงานสร้างของ ซัมมิท เอนเตอร์เทนเมนต์ บริษัทสร้างหนังอิสระที่รวยมาจากแฟรนไชส์ Twilight แล้วก็โดนไลออนเกตส์ซื้อไป Deepwater Horizon ใช้ทุนสร้างไปถึง 158 ล้านเหรียญ นับว่าสูงมากสำหรับค่ายหนังย่อย ๆ แบบนี้ แต่ดูแล้วก็ได้เห็นว่าชัดเจนว่าเงินทุนหมดไปกับการสร้างแท่นขุดเจาะ Deepwater Horizon ขึ้นมาใหม่ได้เหมือนจริงมาก นับได้ว่าเป็นการใช้เงินทุนสร้างฉากที่สูงที่สุดในฮอลลีวู้ด และนับว่าเป็นส่วนที่ดีที่สุดของหนัง และหนังก็นำเสนอภาพแท่น Deepwater Horizon ออกมาได้ดูยิ่งใหญ่ มีฉากเฮลิคอปเตอร์ช็อต บินวนรอบให้ดู ตลอดเรื่องก็มีฉากพาไปดูห้องนั้นห้องนี้จนทั่ว
หนังยังเจอปัญหาในการสร้างเพราะโดนประท้วงจากกลุ่มคนงานในอุตสาหกรรมขุดเจาะน้ำมันที่ไม่ต้องการให้สร้างหนังเกี่ยวกับโศกนาฎกรรมครั้งนี้ โดยพวกเขาอ้างว่าเป็นการไม่ให้เกียรติ 11 ชีวิตที่สูญเสียไปในเหตุการณ์ครั้งนั้น แต่ไมค์ วิลเลียมส์ ตัวจริง ที่ได้มาร์ค วาห์ลเบิร์กมาสวมบท ไมค์ ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของกองถ่ายได้ออกมาสนับสนุนการสร้างว่านี่เป็นหนังที่จะเป็นอุทาหรณ์ที่ดี ให้คนดูได้เห็นว่าเหล่าคนงานแท่นขุดเจาะได้เผชิญวิบากกรรมอะไรมาบ้าง
เรื่องนี้เป็นการร่วมงานกันครั้งที่ 2 ของ มาร์ค วาห์ลเบิร์ก และผู้กำกับ ปีเตอร์ เบิร์ก รอบที่แล้วคือ The Lone Survivor ทั้ง 2 เรื่อง ต่างก็เป็นหนังที่สร้างจากเรื่องจริง และเป็นการร่วมงานกันครั้งแรกของ เคต ฮัดสัน กับ เคิร์ต รัสเซล พ่อเลี้ยงของเธอเอง หนังเขียนบทโดย แมทธิว ไมเคิล คานาฮาน ที่เคยเขียนบท The Kingdom (2007) ให้กับปีเตอร์ เบิร์ก มาแล้ว และแมทธิว แซนด์ รายนี้โนเนมมากเคยเขียนเรื่อง Ninja Assassin (2009) หนังไรเนี่ย และน่าจะเป็นจุดด้อยในบทหนังฉบับนี้ เพราะเรื่องราวของหนังเปิดโอกาสที่จะใส่สถานการณ์ลงไปได้มากมาย แต่กลับเลือกที่จะเล่าเรื่องราวเป็นเส้นตรงในระยะเวลาเกือบชั่วโมงที่หนังขายฉากระเบิด พล็อตหนังค่อนข้างเบาบางมาก เล่าเรื่องของตัวละครกลุ่มหนึ่งที่ผ่านเหตุการณ์แท่นขุดเจาะน้ำมันระเบิดแล้วรอดชีวิตมาได้ แต่ก็ทำให้เราได้ความรู้ใหม่ว่า Deepwater Horizon ไม่ใช่แท่นแต่เป็นเรือที่รับจ้างบริษัท BP ยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมน้ำมันสัญชาติอังกฤษ มาสำรวจหาน้ำมันและขุดเจาะวางท่อดูดก่อนจะส่งมอบงานให้ BP แล้วก็นำแท่นผลิตน้ำมันมาสวมหน้าที่ต่อ
หนังเริ่มต้นด้วยบรรยากาศครุกรุ่นระหว่าง จิมมี่ ผู้จัดการของ Deepwater Horizon และ ดอน วิดรีน ตัวแทน BP ที่ต่อมากลายเป็นสาเหตุของการระเบิด เหตุเพราะ ดอน สั่งระงับขั้นตอนการตรวจสอบความปลอดภัยเพราะ Deepwater Horizon เลยกำหนดส่งมอบงานมา 43 วันแล้ว ครึ่งแรกของหนังเต็มไปด้วยศัพท์เฉพาะยาก ๆ และข้อมูลเชิงวิชาการที่จำเป็นต้องใช้สมาธิในการอ่านและฟังสูง เพื่อทำความเข้าใจสาเหตุของการระเบิดครั้งนี้ บทหนังเขียนชัด ๆ ว่า BP เป็นบริษัทที่โลภจนเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ หนังเรื่องนี้ออกมา BP ก็จะติดภาพผู้ร้ายไปอีกนาน แต่ก็นับถือสปิริตนะที่ยังยอมให้หนังเรื่องนี้สร้าง และให้ใช้ชื่อและโลโก้จริงในเรื่อง บทเรียนของ Deepwater Horizon ยิ่งทำให้ตอกย้ำความศักดิ์สิทธิ์ของป้ายคำว่า “Safety First” ที่เราเห็นกันจนชินตาตามไซต์งานก่อสร้าง ว่าไม่ใช่แค่ติดไว้ประดับเฉย ๆ แต่เพื่อให้สำนึกถึงอยู่ตลอดเวลา
จนเข้าชั่วโมงหลังก็เข้าสู่ฉากระเบิดที่เล่นกันยาว ๆ ฉากระเบิดทำได้ดีครับ ดูน่ากลัวและรุนแรงจากน้ำมันพุ่งทำร้ายคนงาน จนรุนแรงลุกลามเป็นลูกไฟ น่าเสียดายที่หนังมีโอกาสให้ใส่สถานการณ์ชวนลุ้นหรือฉากดราม่าเข้าไปได้ แต่ก็เปล่า หนังเลือกที่จะเล่าเหตุการณ์บนแท่นแบบหว่าน ตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อย ไม่มีฉากความเป็นความตายแข่งกับเวลาให้ได้ลุ้นตีนจิก หรือการตายของตัวละครสำคัญมาเรียกน้ำตาคนดู ถึงแม้เป็นสูตรสำเร็จของหนังแนว ๆ นี้ แต่ถ้าบทส่งมาดีฉากแบบนี้ก็สร้างความประทับใจให้กับคนดูได้อยู่เสมอ หนังมีสถานการณ์สร้างฮีโร่อยู่หลายครั้งแต่ก็ถูกเล่าแบบผ่าน ๆ คนดูยังจำชื่อฮีโร่ไม่ได้เลยมั้ง ส่วนตัว ไมค์ วิลเลียมส์ พระเอกของเรื่องซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่ารอดก็เลยไม่ได้ใจลุ้นไปกับชะตากรรมของไมค์ วีรกรรมของไมค์ เรียกได้ว่าผู้รอดชีวิตมากกว่าวีรบุรุษนะเพราะไม่ได้เห็นว่าทำอะไรที่ช่วยชีวิตเพื่อนคนงานหมู่มากเลย ชั่วโมงหลังจึงผ่านไปด้วยความรู้สึกตื่นตากับภาพระเบิดตูมตาม น่ากลัวและสมจริงมาก ได้เห็นการทำงานอย่างรวดเร็วของหน่วยช่วยชีวิตต่าง ๆ หนังพยายามใช้ 10 นาทีท้ายในการบิลท์อารมณ์ดราม่าแต่ก็ไม่รู้สึกอะไรนะ จบด้วยภาพตัวจริง ภาพเหตุการณ์จริง ตามสไตล์หนังสร้างจากเรื่องจริง
เป็นหนังสายเอาใจตลาดเต็มตัวที่พาอารมณ์ร่วมไปได้ในจุดที่ไม่สูงนัก ไม่มีฉากเด็ดถึงขั้นประทับใจในฉากระเบิดยาว ๆ นั้น ถามว่าสนุกมั้ย ก็สนุกนะสมกับทุนสร้าง 158 ล้าน เสียค่าตั๋วได้ดูฉากแท่นระเบิดตูมตามยาว ๆ ก็คุ้มค่าเงินและเวลาครับและต้องดูในโรงเท่านั้น