ในภาพยนตร์ ‘John Wick: Chapter 4’ ที่กำลังฉายอยู่ ณ เวลานี้ นอกจากฉากบู๊สนั่นที่เรียกได้ว่าจัดเต็มตลอดเกือบ 3 ชั่วโมง และฉากแอ็กชันจำนวน 14 ฉากที่จัดให้ผู้ชมแบบสาแก่ใจแล้ว เหล่าบรรดานักแสดงก็ถือว่าฝากผลงานไว้ในหนังที่เรียกว่าเป็นกึ่ง ๆ บทสรุปของตัวหนังได้อย่างน่าสนใจ ทั้ง คีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves), ลอว์เรนซ์ ฟิซเบิร์น (Laurence Fishburne) เอียน แม็กเชน (Ian McShane) และ แลนซ์ เรดดิก (Lance Reddick) ผู้ล่วงลับแล้ว
การแสดงของนักแสดงหน้าใหม่ โดยเฉพาะทีมจากเอเชีย ทั้ง ฮิโรยูกิ ซานาดะ (Hiroyuki Sanada) โดยเฉพาะ ดอนนี เยน (Donnie Yen) แอ็กชันสตาร์ชาวจีน ที่มาปรากฏในแฟรนไชส์นี้เป็นครั้งแรก กับการรับบทเป็น เคน (Caine) จอมสังหารตาบอดยอดฝีมือ อดีตเพื่อนเก่าของ จอห์น วิค ที่รับงานจากสภาสูง (High Table) ให้มาสังหาร จอห์น วิค ให้ได้ ซึ่งคนที่ได้ชมไปแล้วต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า คาแรกเตอร์ที่เยนแสดงใน ‘John Wick 4’ นี้เป็นอะไรที่เท่เหลือหลายชะมัดเลย และที่สำคัญคือ กว่าจะได้เป็นคาแรกเตอร์ เคน สุดเท่ขนาดนี้ เบื้องหลังนั้นเกิดขึ้นจากการเสนอแนะของเขาเองด้วย
เยนได้เปิดเผยเรื่องนี้ในบทสัมภาษณ์ล่าสุดกับนิตยสาร GQ ว่า ตามบทภาพยนตร์ดั้งเดิม ตัวละครเคนที่เขาแสดงนั้น จะไม่ได้เป็นอย่างที่ได้เห็นกันในหนัง แต่คาแรกเตอร์นักฆ่าตาบอดของเขาจะมีความเป็นจีน และมีความเป็นเอเชียมากกว่า หรือถ้าใช้คำแบบตรง ๆ ก็คือ คาแรกเตอร์ของเคนจะดูมีความ Stereotype หรือเหมารวมให้ดูมีความเป็นเอเชียกว่านั้น
เหมือนอย่างที่หนังฮอลลีวูดในอดีตมักจะชอบผลิตซ้ำกันมาในยุคสมัยหนึ่ง ยกตัวอย่างก็เช่นว่า ในฮอลลีวูด คาแรกเตอร์ชาวเอเชียมักจะปรากฏในบทบาทซ้ำ ๆ ไม่กี่อย่าง เช่น นักปราชญ์ผู้รอบรู้, วายร้ายที่ดูไม่มีมิติ หรือไม่ก็ผู้นำจอมเข้มงวด และต้องมาพร้อมกับเสื้อคอจีนเสมอ ๆ เป็นต้น
ซึ่งนักแสดงเลือดเอเชียอย่างเยนนี่แหละ ที่เป็นผู้แนะนำให้เปลี่ยนคาแรกเตอร์ที่มีความเป็นเอเชียแก่ผู้กำกับอย่าง แชด สตาเฮลสกี (Chad Stahelski) จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงให้คาแรกเตอร์ของเขามีความเป็นสากลมากขึ้นอย่างที่เห็นในหนัง
“ในบทแต่เดิม คาแรกเตอร์ที่ผมแสดงจะต้องเล่นเป็นคนจีนที่มีชื่อว่า ชาง (Shang) หรือ ฉาง (Chang) ผมก็แบบ… จะมีชื่อธรรมดา ๆ กับเขาบ้างไม่ได้หรือไง ? ทำไมมันช่างดูธรรมดาแบบนี้ แล้วเสื้อผ้านั่นก็อีก โอ้…เสื้อคอจีน (เหมือนอาจารย์ยิปมัน) อีกแล้วเหรอ… ทำไมทุกอย่างมันดูธรรมดาแบบนี้ นี่มันหนัง จอห์น วิค เชียวนะ ทุกคนควรจะดูเท่และทันสมัยสิ แล้วทำไมผมจะดูหล่อบ้างไม่ได้ล่ะ ? “
เมื่อเยนได้แนะนำเกี่ยวกับคาแรกเตอร์เกี่ยวกับชาวเอเชีย สตาเฮลสกีในฐานะผู้กำกับ ก็ยินดีที่จะปรับเปลี่ยนคาแรกเตอร์ของบทบาทนี้โดยด่วน ตั้งแต่การเปลี่ยนชื่อเป็น เคน ที่ดูมีความเป็นกลาง ๆ ไม่เจาะจงว่าเป็นชนชาติใด (มีความเป็นตะวันตกผสมตะวันออก) ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากการผสมผสานระหว่างตัวละคร ซาโตะอิจิ (Zatoichi) ซามูไรตาบอดร่อนเร่พเนจร รวมทั้งคาแรกเตอร์อาจง ที่แสดงโดย โจวเหวินฟะ (Chow Yun-fat) ในหนัง ‘The Killer’ (1989) หรือ ‘โหดตัดโหด’
และเยนยังเป็นคนแนะนำด้วยว่า ตัวละครนี้จะต้องใส่สูท ซึ่งเป็นการคารวะราชากังฟูผู้ล่วงลับ บรูซ ลี (Bruce Lee) โดยได้แรงบันดาลใจจากลี ที่วาดลีลากังฟูภายใต้ชุดสูทสีดำ ในระหว่างออดิชันทีวีซีรีส์ ‘The Green Hornet’ (1966–1967)
“ผมมีประสบการณ์ที่ดีมากในการทำงานในหนัง ‘John Wick’ นะครับ โดยรวมแล้ว มันทำให้ผมรู้สึกสนุกกับแสดงหนังเรื่องนี้มาก ๆ เลยครับ”
ในอดีต เยนเคยพยายามที่จะพิสูจน์ตัวเองในฮอลลีวูด เขาได้เริ่มต้นงานฮอลลีวูดครั้งแรก ๆ ด้วยการเป็นหนึ่งในทีมงานเบื้องหลังของผู้กำกับคิวบู๊ หยวนหวู่ปิง (Yuen Wo ping) ก่อนจะได้รับบทบาทเล็ก ๆ ใน ‘Blade II’ (2002) และประสบความสำเร็จสูงสุดกับการรับบทเป็นปรมาจารย์ยิปมัน ในหนัง ‘Ip Man’ (2008) แต่เขาก็ตระหนักว่า เขาเองตื่นเต้นกับฮอลลีวูดน้อยลงมาก และอยู่ในจุดที่เขาจะเลือกหนังที่เขาสามารถตัดสินใจเลือกรับงานแสดงที่ไม่ยัดเยียดการเหมารวมวัฒนธรรมเอเชีย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เยนพยายามเสนอแนะให้ปรับเปลี่ยนคาแรกเตอร์เพื่อลดการทำซ้ำภาพการเหมารวมวัฒนธรรมเอเชีย เพราะในบทบาท ชีรุต อิมเว (Chirrut Îmwe) นักรบตาบอดที่เขาแสดงใน ‘Rogue One: A Star Wars Story’ (2016) หนัง Spin-Off เรื่องแรกของจักรวาล Star Wars ที่แต่เดิมนั้นจะดูมีความซีเรียสกว่าที่เห็นในหนัง “สิ่งหนึ่งที่ผมแนะนำไปก็คือ บทนี้มันมีความเหมารวมอยู่นะ ซึ่งแต่เดิมบทนี้จะไม่ยิ้มแย้มเลย” ทำให้มีการปรับบทใหม่ เพื่อให้นักรบตาบอดผู้นี้ดูมีความเป็นกันเองขึ้น และสามารถปล่อยมุกตลกในระหว่างแสดงได้ด้วย
เขาเคยปฏิเสธร่วมแสดงในแฟรนไชส์หนังรวมดาวบู๊ค้างฟ้า ‘The Expendables’ ซึ่งสาเหตุหลักก็เพราะว่าเขาเห็นบทบาทของ หลี่เหลียนเจี๋ย หรือ เจ็ต ลี (Jet Li) ที่ร่วมแสดงในบทบาทที่มีชื่อว่า หยินหยาง (Yin Yang) รวมทั้งยังเคยปฏิเสธร่วมจักรวาล DC หลังจากที่เขาปฏิเสธรับบทในหนัง ‘Aquaman’ เนื่องจากการที่เขาต้องการเอาเวลาไปใช้กับครอบครัว “ถ้าผมไม่ได้รับอนุญาตให้ควบคุมความคิดสร้างสรรค์ นั่นมันก็ไม่ได้คุ้มกับเวลาที่ผมยอมเสียไปเลย”
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส