เมื่อพูดถึงอนิเมะกีฬาเราคงนึกถึงการต่อสู้อันเร่าร้อน ดุเดือด การแข่งขันที่ต้องชิงไหวชิงพริบ สร้างความสนุกและตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ดู แต่จะมีการ์ตูนกีฬาสักกี่เรื่องที่ทำให้ประทับใจจนอยู่ในความทรงจำได้บ้างนะ? BUZZ รวบรวม 10 อนิเมะกีฬาในความทรงจำ ที่ดูเมื่อไรก็อยากลุกไปออกกำลังมาฝากแล้ว
มีเรื่องอะไรบ้าง
- กัปตันซึบาสะ (Captain Tsubasa)
- เจ้าชายลูกสักหลาด (Prince of Tennis)
- ก้าวแรกสู่สังเวียน (Hajime no Ippo)
- ไอ้หนูไต้ฝุ่นมะกันบอล (Eyeshield 21)
- สแลมดังก์ (Slam Dunk)
- โอตาคุน่องเหล็ก (Yowamushi Pedal)
- ขังดวลแข้ง (Blue Lock)
- ไฮคิว!! คู่ตบฟ้าประทาน (Haikyuu!!)
- คุโรโกะ นายจืดพลิกสังเวียนบาส (Kuroko no Basket)
- Ace of Diamond
กัปตันซึบาสะ (Captain Tsubasa)
หากจะพูดถึงการ์ตูนกีฬาที่เป็นไอคอนและโด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก รวมถึงสร้างแรงบันดาลใจในการเล่นกีฬาฟุตบอลให้กับใครมากมาย กัปตันซึบาสะ – Captain Tsubasa ต้องเป็นการ์ตูนเรื่องแรกที่หลายคนนึกถึงแน่นอน
เรื่องย่อ: โอโซระ ซึบาสะ คือเด็กชายผู้มีความผูกพันกับฟุตบอลมาตั้งแต่เด็กและมีเป้าหมายจะเป็นนักฟุตบอลอันดับ 1 ของโลก เมื่อเติบโตถึงวัยเข้าโรงเรียนประถมนันคัตซึ เขาได้พบกับเพื่อนและคู่แข่งบนเส้นทางการเล่นฟุตบอลมากมายที่นี่ ไม่ว่าจะเป็น มิซากิ ทาโร่ คู่หูจอมจินตนาการผู้พลิกแพลงการเล่นได้หลากหลาย พี่น้องทาจิบานะที่มีจุดเด่นคือท่าไม้ตายแบบประสาน และยังได้เจอกับ โรแบร์โต ฮอนโง อดีตนักฟุตบอลทีมชาติบราซิล ผู้จุดประกายให้ซึบาสะฝันอยากไปบราซิลด้วย กลายเป็นจุดเริ่มต้นเส้นทางแห่งความฝัน การฝึกฝน และการแข่งขันอันเร่าร้อนของการเดินทางเพื่อเป็นนักฟุตบอลอันดับ 1 ของโลก!
กัปตันซึบาสะเป็นผลงานของ อาจารย์โยอิจิ ทากาฮาชิ (Yoichi Takahashi) ตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นจัมป์เมื่อปี 1981 และได้รับการตีพิมพ์ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน (ภาคล่าสุดคือภาค Rising Sun เล่าเรื่องราวศึกฟุตบอลโอลิมปิก และเพิ่งประกาศเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของภาคนี้เมื่อประมาณต้นปีที่ผ่านมา) ถูกนำมาดัดแปลงเป็นอนิเมะเมื่อปี 1983 และได้รับการรีเมกใหม่ในปี 2018 เป็นเวอร์ชันที่ลายเส้นทันสมัยขึ้น ภาพสวยคม สดใส แต่ยังคงความสนุกแบบคลาสสิกเอาไว้เหมือนเดิม
การ์ตูนเรื่องนี้จัดเป็นหนึ่งในการ์ตูนกีฬาที่คลาสสิกที่สุด เป็นสัญลักษณ์ของการ์ตูนแนวฟุตบอลที่โดดเด่นทั้งคาแรกเตอร์ตัวละคร การใช้ท่าไม้ตายต่าง ๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจนประทับอยู่ในความทรงจำวัยเด็กของหลาย ๆ คน นอกจากนี้ยังบอกเล่าเรื่องราวของมิตรภาพ ความฝัน ความมีวินัย และการเดินทางของเด็กชายคนหนึ่งจากเส้นทางฟุตบอลระดับโรงเรียน ไปสู่ระดับประเทศและระดับโลก ที่สำคัญอนิเมะ แนะนำเรื่องนี้ยังมีส่วนผลักดันวงการฟุตบอลในประเทศญี่ปุ่นอย่างมหาศาลเลยด้วย
ช่องทางรับชม: Viu
เจ้าชายลูกสักหลาด (Prince of Tennis)
การ์ตูนเทนนิสที่ทุกวันนี้ต้องนิยามว่าไปให้สุดแล้วหยุดที่ออกทะเล เพราะไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อีกแล้วสำหรับการ์ตูนเรื่องนี้ แต่ถ้าถามเรื่องความสนุกสุดมันส์ในการแข่งขันทุกแมตช์แล้วล่ะก็ ต้องยอมรับว่านี่แหละของจริง
เรื่องย่อ: เอจิเซ็น เรียวมะ เด็กหนุ่มผู้มีฝีมือการเล่นเทนนิสระดับอัจฉริยะ การันตีด้วยแชมป์รุ่นจูเนียร์ประเทศอเมริกา 4 สมัย ได้ย้ายเข้ามาเรียนที่โรงเรียนมัธยมต้นเซชุนหรือเซงาคุซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงด้านกีฬาเทนนิส ก่อนเจ้าตัวจะกลายเป็นนักเรียนปี 1 คนแรกที่ได้เป็นนักกีฬาตัวจริงของชมรมเพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายของการเป็นอันดับ 1 ของประเทศ เส้นทางการต่อสู้แสนดุเดือดบนคอร์ตเทนนิสเริ่มขึ้นแล้ว
Prince of Tennis เป็นผลงานของ อาจารย์โคโนมิ ทาเกชิ (Konomi Takeshi) ตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นจัมป์ตั้งแต่ปี 1999 – 2008 ความยาว 42 เล่มจบ ได้รับความนิยมสูงมากจนถูกนำมาดัดแปลงเป็นละครเพลง ภาพยนตร์ไลฟ์-แอ็กชัน และเกมบนหลาย ๆ แพลตฟอร์ม รวมถึงถูกนำมาทำเป็นอนิเมะเมื่อปี 2001 – 2005 ความยาว 178 ตอนจบ นอกจากนี้ในปี 2022 เรายังได้เห็นการเดินทางสู่การต่อสู้ครั้งใหม่ในภาค The New Prince of Tennis: U-17 World Cup ซึ่งเป็นโปรเจกต์ฉลองครบรอบ 20 ปีของอนิเมะเรื่องนี้ด้วย
Prince of Tennis ถือเป็นอนิเมะแนะนำที่สนุกขึ้นหิ้งอีกเรื่อง ความแตกต่างจากการ์ตูนกีฬาเรื่องอื่นคือตัวเอกอย่างเรียวมะไม่ได้เริ่มจากศูนย์ เขาเก่ง เขาเทพมาตั้งแต่แรกเริ่ม ทุกแมตช์ของเรื่องนี้ทั้งสนุก ลุ้นระทึก ไม่ปล่อยให้เราพักหายใจหายคอ ตัวละครทุกตัวมีสไตล์การเล่นและท่าไม้ตายเด็ดของตัวเอง ส่วนช่วงพักหลังการแข่งก็ทำได้ครบรส ทำให้เห็นมิติของตัวละครจนเราหลงรักและผูกพันไปแบบไม่รู้ตัว นอกจากนี้ช่วงหลังระดับพลังของแต่ละคนก็เริ่มเหนือจินตนาการขึ้นเรื่อย ๆ เป็นความบันเทิงที่ปัจจุบันก็ยังชวนให้แฟน ๆ อยากติดตาม (ว่าต่อไปจะมีพลังเว่อร์วังอลังการแบบไหนมาให้เราได้เห็นกันอีก)
ช่องทางรับชม: True ID และ iQIYI
ก้าวแรกสู่สังเวียน (Hajime no Ippo)
การ์ตูนกีฬามวยสายเรียล สมจริง เน้นพัฒนาการของตัวละคร ก้าวแรกของอิปโปสู่สังเวียนการต่อสู้ที่เปลี่ยนชีวิตของเขา (และคนอ่าน) ไปตลอดกาล
เรื่องย่อ: มาคุโนะอุจิ อิปโป เด็กหนุ่มธรรมดา นิสัยดี และขยันขันแข็งแต่ไม่ค่อยมีเพื่อน เจ้าตัวมักจะถูกเพื่อนร่วมชั้นรังแกอยู่เสมอ จนวันหนึ่งเขาถูก ทากามูระ มาโมรุ ช่วยเอาไว้จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้อิปโปอยากเริ่มชกมวยบ้าง และเมื่อได้ก้าวสู่เส้นทางสายนักมวยแล้วเขาก็ตกหลุมรักมันอย่างถอนตัวไม่ขึ้น และเลือกทุ่มเทให้กับกีฬาที่เขารักอย่างสุดตัว
ก้าวแรกสู่สังเวียนเป็นผลงานของ อาจารย์โมริคาวะ โจจิ (Morikawa Joji) ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารโชเน็นจัมป์ตั้งแต่ปี 1989 จนถึงปัจจุบัน ถือเป็นการ์ตูนเกี่ยวกับกีฬามวยที่ได้รับความนิยมสูงมากจนได้ทำเป็นอนิเมะเมื่อปี 2000 มีความยาว 3 ภาค 127 ตอนไม่รวม OVA
สิ่งที่ทำให้ก้าวแรกสู่สังเวียนเป็นการ์ตูนมวยคลาสสิกคือพัฒนาการของตัวละครอิปโป เราจะได้เห็นเขาตั้งแต่เริ่มฝึกฝนจนเก่งขึ้นเรื่อย ๆ ได้เห็นการพัฒนาท่าไม้ตายเด็ดอย่าง เดมป์ซีย์โรล (ได้แรงบันดาลใจมาจากการเหวี่ยงหมัดของนักมวยในตำนาน แจ็ก เดมป์ซีย์ – Jack Dempsey) และการเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยพลังหมัดจน KO เสมอ นอกจากนี้เมื่อเรื่องราวเริ่มไปไกลขึ้น อาจารย์โมริคาวะยังทำให้เราเห็นตัวละครอื่น ๆ เข้ามามีบทบาท เนื้อเรื่องจึงมีความหลากหลาย ไม่น่าเบื่อ และชวนติดตาม ปัจจุบันฉบับมังงะออกมาถึงเล่ม 137 แล้ว ส่วนอนิเมะมีทั้งหมด 3 ภาค
ช่องทางรับชม: Netflix (ภาค 1 ความยาว 76 ตอน), Bilibili (ภาค 3 ความยาว 25 ตอน)
ไอ้หนูไต้ฝุ่นมะกันบอล (Eyeshield 21)
เส้นฉบับมังงะสวยขึ้นหิ้ง เปลี่ยนกีฬาเข้าใจยากอย่างอเมริกันฟุตบอลให้เข้าถึงและจับต้องง่ายขึ้น ผ่านการเล่าเรื่องที่สดใส มีอารมณ์ขัน และตัวละครที่มีเสน่ห์น่าจดจำ
เรื่องย่อ: โคบายาคาวะ เซนะ นักเรียนปี 1 โรงเรียนมัธยมปลายเดมอนที่อ่อนแอ ไม่สู้คน ทำให้กลายเป็นลูกไล่ของเพื่อนคนอื่นจนทำให้เขาพัฒนาทักษะการวิ่งของตัวเองขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว ฮิรุมะ โยอิจิ ประธานชมรมอเมริกันฟุตบอลจอมเจ้าเล่ห์แถมยังนิสัยร้ายกาจได้รู้ถึงความสามารถนี้โดยบังเอิญ เขาจึงบังคับให้เซนะมาเข้าชมรม ให้ปลอมตัวโดยใส่ชุดเบอร์ 21 และสวมอายชิลด์เวลาลงสนาม จนกลายเป็นตำนานตำแหน่งรันนิงแบ็กของโรงเรียนไปในที่สุด
Eyeshield 21 เป็นผลงานการแต่งเรื่องของ อาจารย์อินางากิ ริอิจิโร (Inagaki Riichiro) วาดโดย อาจารย์มุราตะ ยูซึเกะ (Murata Yusuke) ตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นจัมป์เมื่อปี 2002 ความยาว 37 เล่มจบ นำไปสร้างอนิเมะเมื่อปี 2005 ความยาว 145 ตอน ขึ้นแท่นกลายเป็นการ์ตูนฮิตขายดี ทำยอดขายไปมากกว่า 20 ล้านเล่ม และจุดกระแสความนิยมกีฬาอเมริกันฟุตบอลขึ้นในประเทศญี่ปุ่น
ความโดดเด่นของ Eyeshield 21 คือการออกแบบและสร้างคาแรกเตอร์ตัวละครที่มีเอกลักษณ์ น่าจดจำ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครหลักอย่างเซนะหรือโยอิจิ ไปจนถึงตัวประกอบก็ทำให้เราจดจำพวกเขาได้ดี แม้คุณภาพของเวอร์ชันอนิเมะจะไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับเท่ากับเวอร์ชันมังงะก็ตาม (มีการเรียกร้องให้รีเมกอนิเมะเรื่องนี้อยู่หลายครั้ง) แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คืออีกหนึ่งการ์ตูนกีฬาที่สนุก ครบเครื่องมากที่สุดเรื่องหนึ่ง แถมยังทำให้เราเข้าใจกีฬาไกลตัวอย่างอเมริกันฟุตบอลมากขึ้นด้วย
ช่องทางรับชม: True ID
สแลมดังก์ (Slam Dunk)
การ์ตูนที่ทำให้กีฬาบาสเกตบอลฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมืองทั้งญี่ปุ่นและไทย จุดเริ่มต้นของการเล่นบาสของใครหลาย ๆ คน ถ้ากัปตันซึบาสะคือตำนานของการ์ตูนฟุตบอล สแลมดังก์ก็คือตำนานของการ์ตูนบาสเช่นกัน
เรื่องย่อ: ซากุรางิ ฮานามิจิ นักเลงหนุ่มเลือดร้อนผู้ถูกสาวหักอกมากว่า 50 ครั้ง ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายโชโฮคุด้วยหัวใจห่อเหี่ยว แต่เมื่อเจอ อาคางิ ฮารุโกะ เจ้าตัวก็ตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบเข้าอย่างจังจนไปสมัครเข้าชมรมบาสเกตบอลของโรงเรียนเพื่อหวังให้เธอประทับใจ กลายเป็นจุดเริ่มต้นเส้นทางนักกีฬาและยังทำให้เขาค้นพบว่าตัวเองรักบาสเกตบอลสุดหัวใจ
Slam Dunk เป็นผลงานของ อาจารย์อิโนะอุเอะ ทาเคฮิโกะ (Inoue Takehiko) ตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นจัมป์ตั้งแต่ปี 1990 ความยาว 31 เล่มจบ นำมาสร้างเป็นอนิเมะเมื่อปี 1993 – 1996 ความยาว 101 ตอน เป็นการ์ตูนคลาสสิกที่จุดประกายให้กีฬาบาสเกตบอลฮิตทั้งในประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย ฉบับมังงะทำยอดขายไปได้กว่า 121 ล้านเล่ม กลายเป็นหนึ่งในการ์ตูนที่ขายดีที่สุดตลอดกาลในญี่ปุ่น
ความสนุกที่ทำให้มีแฟนคลับเหนียวแน่นมาจนถึงทุกวันนี้ก็คือเรื่องราวของตัวละคร เราได้เห็นพัฒนาการของซากุรางิและเพื่อนร่วมทีมอย่าง รุคาวะ, มิตสึอิ, มิยางิ, อาคางิ, โคงุเระ, อาจารย์อันไซ รวมถึงตัวละครอื่น ๆ การฝ่าฟันคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งของทีมโชโฮคุ จากการแข่งขันระดับจังหวัดไปจนถึงระดับประเทศในการสู้ศึกอินเตอร์ไฮซึ่งเป็นจุดสูงสุดของกีฬามัธยมปลาย ก่อนจะเข้าสู่บทสรุปอันงดงามและกลายเป็นตำนานมาจนถึงทุกวันนี้
สำหรับเวอร์ชันอนิเมะปี 1993 นั้นจบลงหลังการแข่งขันรอบคัดเลือกเพื่อไปแข่งระดับประเทศ และไม่มีการสร้างภาคต่อเป็นระยะเวลาเกือบ 30 ปี แต่แล้วในที่สุด เราก็ได้เห็นศึกสุดมันส์ระหว่าง โชโฮคุ ปะทะ เทคโนซังโน ซึ่งเป็นศึกสุดท้ายของการ์ตูนเรื่องนี้ในภาคมูฟวี The First Slam Dunk
ช่องทางรับชม: Netflix, True ID, Viu, iQIYI และ WeTV
โอตาคุน่องเหล็ก (Yowamushi Pedal)
“ฮิเมะ ฮิเมะ~” สารภาพมาซะดี ๆ ว่าใครแอบร้องเพลงนี้จนติดปากระหว่างดูอนิเมะเรื่องนี้กันบ้าง?
เรื่องย่อ: โอโนดะ ซากามิจิ นักเรียนมัธยมปลายปีหนึ่งที่ไม่ชอบกีฬาเพราะมองว่าชมรมกีฬานั้นป่าเถื่อน คุยกับใครไม่เก่ง แถมยังเป็นโอตาคุ นั่นทำให้เขารู้สึกอึดอัดเพราะไม่มีเพื่อนให้พูดคุยในสิ่งที่ตัวเองชอบ แม้เจ้าตัวตั้งใจว่าจะเข้าชมรมอนิเมะแต่ก็ต้องผิดหวังเพราะชมรมถูกยุบไปแล้ว ด้วยความที่โอโนดะปั่นจักรยานแม่บ้านไปกลับย่านอากิฮาบาระเป็นประจำตั้งแต่ป.4 เพื่อไปซื้อสินค้าเกี่ยวกับอนิเมะและมังงะที่เขาชอบ ทำให้เขามีทักษะการปั่นจักรยานและความอึดแบบไม่รู้ตัวจนไปสะดุดตา อิมาอิสึมิ จุนสุเกะ ผู้อยู่ระหว่างฝึกฝนการเป็นนักปั่นจักรยานมือโปรเข้า จนอดใจไม่ไหวต้องไปท้าแข่งกับโอโนดะ กลายเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตโอโนดะอย่างที่เจ้าตัวไม่เคยฝันถึง
Yowamushi Pedal เป็นผลงานของ อาจารย์วาตานาเบะ วาตารุ (Watanabe Wataru) ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารโชเน็นแชมป์เปี้ยนของสำนักพิมพ์อากิตะโชเต็งเมื่อปี 2008 ปัจจุบันมีฉบับรวมเล่มตีพิมพ์ออกมาแล้ว 75 เล่ม กลายเป็นการ์ตูนขายดีและยังได้รับรางวัลชนะเลิศมังงะโคดันชะครั้งที่ 39 สาขามังงะแนวโชเน็นยอดเยี่ยมอีกด้วย
ความสนุกน่าติดตามของ Yowamushi Pedal อยู่ที่ตัวละครธรรมดา ๆ ที่ค้นพบความสามารถของตัวเองจากการฝึกหนัก เพราะชัยชนะไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วยหรือพรสวรรค์เท่านั้น แต่ยังเกิดจากความมีวินัย การฝึกฝน และความทุ่มเทให้กับกีฬาที่เรารัก แม้จะเป็นคนอ่อนแอในสายตาของคนอื่น แต่หากทุ่มเทฝึกฝนในสิ่งที่รักก็สามารถทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นมาได้
นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้เราหลงรักและเอาใจช่วยให้โอโนดะและทีมสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง รวมถึงเอาชนะอุปสรรคสุดหินของสนามแข่งต่าง ๆ ไปให้ได้ (ชื่อเรื่อง Yowamushi ล้อมาจากความหมายที่แปลว่าคนขี้ขลาดหรืออ่อนแอ ส่วน Pedal คือแป้นเหยียบของจักรยาน)
ช่องทางรับชม: Netflix (ซีซัน 1 – 4 ส่วนซีซัน 5 ยังไม่มีสตรีมมิงในไทย)
ขังดวลแข้ง (Blue Lock)
การ์ตูนกีฬาเสริมสร้างความเป็นทีมหลบไป เพราะอนิเมะแนวใหม่ Sport-Survival เน้นเอาตัวรอดจนเหลือผู้ชนะคนเดียวมาแล้ว!!
เรื่องย่อ: อิซางิ โยอิจิ เด็กหนุ่มผู้มีความฝันอยากเป็นสไตรเกอร์ทีมชาติญี่ปุ่นเป็นอันต้องล้มเลิกความฝันไปหลังจากพ่ายแพ้การแข่งขันนัดสำคัญ แต่แล้วโอกาสใหม่ก็มาถึงเมื่อสมาพันธ์ฟุตบอลญี่ปุ่นส่งจดหมายเชิญเขาให้เข้าร่วมโครงการ Blue Lock เพื่อคัดเลือกสไตรเกอร์ระดับมัธยมปลาย 300 คนให้เหลือเพียงหนึ่งเดียว ส่วนผู้แพ้ทุกคนจะหมดสิทธิ์ติดทีมชาติญี่ปุ่นตลอดชีวิต เกมการแข่งขันเอาตัวรอดเพื่อทำตามความฝันได้เริ่มขึ้นแล้ว!
Blue Lock เป็นผลงานการแต่งเรื่องของ อาจารย์คาเนชิโระ มุเนะยูกิ (Kaneshiro Muneyuki) วาดภาพโดย อาจารย์โนมุระ โยซึเกะ (Yusuke Nomura) ตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นจัมป์เมื่อปี 2018 ถึงปัจจุบัน ถูกนำมาสร้างเป็นอนิเมะและออกอากาศเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา ความยาว 24 ตอน (ประกาศสร้างซีซัน 2 แล้ว)
เรียกได้ว่าเป็นอนิเมะที่มีความแปลกใหม่ไม่เหมือนการ์ตูนกีฬาเรื่องอื่นจนเป็นกระแสในช่วงแรก ๆ ที่ออกฉายเลยทีเดียว เพราะ Blue Lock ไม่ได้เน้นบรรยากาศของการสร้างทีม แต่มุ่งเน้นการเอาชนะ การเอาตัวรอด เพื่อทำความฝันให้เป็นจริง เพราะถ้าแพ้ขึ้นมาเมื่อไรก็จะปิดตายประตูสู่ความสำเร็จไปชั่วชีวิต ทำให้คนดูอย่างเรา ๆ ลุ้นหายใจหายคอไม่ทันกันตลอดเวลา แม้จะมีการจับคู่หรือร่วมทีมกันบ้างในเรื่อง แต่สุดท้ายเราก็รู้อยู่แล้วว่าผู้ชนะมีได้คนเดียวเท่านั้น (นี่แหละที่ชวนลุ้น!)
นอกจากนี้ความโดดเด่นยังอยู่ที่การสร้างคาแรกเตอร์ที่มีเอกลักษณ์ จดจำง่าย ไม่ว่าจะเป็นอิซางิ โยอิจิที่เริ่มต้นการแข่งขันใน Blue Lock จากอันดับท้าย ๆ บาจิระ เมงุรุ ผู้ใช้สัญชาติญาณในการเล่นฟุตบอล คุนิงามิ เรนสึเกะผู้รักความถูกต้อง และจิงิริ เฮียวมะสไตรเกอร์อัจฉริยะ ใครชอบอนิเมะภาพสวย เนื้อเรื่องเดือด มีเนื้อหาให้ขบคิดชวนติดตามต้องไม่พลาด
ช่องทางรับชม: Netflix, iQIYI และ bilibili
ไฮคิว!! คู่ตบฟ้าประทาน (Haikyuu!!)
การ์ตูนวอลเลย์บอลสร้างแรงบันดาลใจ อนิเมะคุณภาพสูง การแข่งขันสุดเดือด สนุกชวนติดตาม สร้างปรากฏการณ์ฟีเวอร์ทั้งที่ไทยและญี่ปุ่น
เรื่องย่อ: ฮินาตะ โชโย เด็กหนุ่มที่หลงเสน่ห์กีฬาวอลเลย์บอลเพราะไปเห็นฟอร์มการเล่นของผู้เล่นทีมโรงเรียนคาราสึโนะฉายา “สมอลไจแอนท์” เข้า ทำให้เขาซึ่งตัวเล็กเหมือนกันเกิดแรงบันดาลใจในเส้นทางสายนี้ แล้วเจ้าตัวก็ได้ไปเจอคู่ปรับอย่าง คาเงยามะ โทบิโอะ ตำแหน่งมือเซตอัจฉริยะแถมยังอ่านเกมเก่งที่สุดท้ายได้มาเข้าเรียนที่โรงเรียนคาราสึโนะเหมือนกัน ทั้งสองค่อย ๆ ปรับตัวเข้าหากัน กลายเป็นคู่ตบฟ้าประทาน ความหวังใหม่ของทีมโรงเรียนในการคว้าชัยในระดับประเทศ
Haikyuu!! เป็นผลงานของ อาจารย์ฟุรุดาเตะ ฮารุอิจิ (Furudate Haruichi) ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารโชเน็นจัมป์ปี 2012 มี 45 เล่มจบ และสร้างเป็นอนิเมะเมื่อปี 2014 ความยาว 4 ซีซัน 85 ตอนไม่รวม OVA ถือเป็นมังงะที่สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการกีฬาญี่ปุ่นในยุคใหม่ เพราะหลังจากการ์ตูนเรื่องนี้ตีพิมพ์มีสถิตินักกีฬาวอลเลย์บอลชายเพิ่มขึ้นหลายหมื่นคน จากช่วงแรกที่กีฬาประเภทนี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนักในประเทศญี่ปุ่น
ส่วนกระแสในไทยต้องบอกว่ากระแสดีมาก ๆ ตั้งแต่อนิเมะซีซันแรกออกฉายด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวของอนิเมะเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นลายเส้นที่สวยงาม ความสัมพันธ์ของตัวละครที่มีการพัฒนาอย่างสมจริง คาแรกเตอร์ของแต่ละคนถูกปูมาให้มีปม มีปัญหาของตัวเอง เมื่อก้าวข้ามผ่านไปได้ก็กลายเป็นทีมที่เหนียวแน่น ส่วนพาร์ตของการแข่งขันก็สนุก ลุ้นจนนั่งไม่ติด และอยากเอาใจช่วยให้ทีมอีกาของเราได้ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจให้สมกับความพยายาม เป็นอนิเมะกีฬาที่สนุก ครบทุกรสชาติ เต็มไปด้วยเรื่องราวของมิตรภาพและสร้างแรงบันดาลใจให้หลายคนอยากลุกมาทำตามความฝันของตัวเอง
ช่องทางรับชม: POPS, True ID และ iQIYI
คุโรโกะ นายจืดพลิกสังเวียนบาส (Kuroko no Basket)
การ์ตูนบาสแห่งยุคใหม่ เมื่ออนิเมะกีฬาไม่จำเป็นต้องมีแต่ตัวละครที่โดดเด่นเสมอไป เพราะนายจืดคนนี้แหละจะมาพลิกสังเวียนบาส!
เรื่องย่อ: โรงเรียนมัธยมต้นเทย์โคคือโรงเรียนที่มีชื่อเสียงด้านบาสเกตบอล และมีผู้เล่นสุดแกร่ง 5 คนที่เรียกกันว่า “รุ่นปาฏิหาริย์” แต่มีตำนานเล่ากันว่าชมรมบาสของโรงเรียนยังมีผู้เล่นคนที่ 6 ที่แข็งแกร่งจนแม้แต่ผู้เล่นทั้งห้าคนของทีมก็ไม่กล้าดูถูก ผู้เล่นคนนั้นก็คือ คุโรโกะ เท็ตสึยะ ที่ได้มาเรียนต่อในโรงเรียนมัธยมปลายเซย์จิน เขาได้สมัครเข้าชมรมบาสเกตบอลและได้เจอกับ คากามิ ไทกะ ที่มุ่งมั่นจะเป็นแชมป์ของประเทศญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน แต่เส้นทางสู่แชมป์ก็ไม่ง่าย เพราะคุโรโกะต้องเจอกับอดีตเพื่อนร่วมทีมรุ่นปาฏิหาริย์ที่ตอนนี้กระจายไปอยู่โรงเรียนต่าง ๆ ทั่วประเทศ
Kuroko no Basket เป็นผลงานของอาจารย์ฟูจิมากิ ทาดะโตชิ (Fujimaki Tadatoshi) ตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นจัมป์เมื่อปี 2008 มี 30 เล่มจบ และมีภาคต่อ Kuroko no Basket: Extra Game 2 เล่มจบ ส่วนอนิเมะมีทั้งหมด 3 ซีซัน 75 ตอน เป็นการ์ตูนบาสยุคใหม่กระแสแรงที่เน้นขายคาแรกเตอร์และความสามารถของตัวละครที่มีความแฟนตาซีเล็ก ๆ ถือว่าจุดขายแตกต่างกับ Slam Dunk ที่เน้นเทคนิคการเล่นกีฬาแบบสมจริงมากกว่า
อนิเมะ Kuroko no Basket เป็นอีกหนึ่งการ์ตูนกีฬาที่สนุก น่าติดตาม และยังมีครบทุกอารมณ์ตั้งแต่มิตรภาพ การทำตามความฝัน ความอยากเอาชนะ และการพัฒนาตัวเองของตัวละครแต่ละตัว แม้ความสามารถของแต่ละคนจะดูแฟนตาซีไปบ้างแต่ก็เป็นการสร้างสีสันได้ดี ที่สำคัญยังทำให้เราเห็นว่าทุกคนไม่ต้องเก่งหรือทำตัวโดดเด่นเสมอไป เพราะความสามารถของคนเรานั้นแตกต่างกัน
ช่องทางรับชม: Netflix, Prime Video และ iQIYI
Ace of Diamond
หนทางการต่อสู้สู่การเป็นเอซของทีม อนิเมะเบสบอลเดือด ๆ ที่ชวนให้เราลุ้นไปกับการพัฒนาฝีมือของตัวละครจนหยุดดูไม่ได้
เรื่องย่อ: ซาวามูระ เอย์จุน เป็นนักกีฬาเบสบอลผู้เล่นตำแหน่งพิตเชอร์ (ตำแหน่งขว้างลูก) เขามีความฝันเรียบง่ายอย่างการเข้าเรียนโรงเรียนในท้องถิ่นและเล่นเบสบอสที่ตัวเองรักต่อไป แต่เส้นทางชีวิตของเอย์จุนก็เปลี่ยนไปเมื่อมีแมวมองมาเห็นการเล่นของเขาและเสนอทุนการศึกษาให้ เมื่อเขาได้ไปเยี่ยมชมโรงเรียนที่ต้องเข้าเรียนหากเลือกรับทุน มุมมองอนาคตของเอย์จุนก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาก้าวสู่การเดินทางเพื่อพัฒนาตัวเองให้เป็นที่ยอมรับของทีม และยังมีเป้าหมายในการเป็นเอซของทีมให้ได้อีกด้วย
Ace of Diamond หรือ Daiya no Ace เป็นผลงานของอาจารย์เทระจิมะ ยูจิ (Terajima Yuji) ตีพิมพ์ในนิตยสารโชเน็นจัมป์เมื่อปี 2006 มีทั้งหมด 47 เล่มจบ ส่วนภาคสอง Ace of Diamond Act II ทั้งหมด 31 เล่มจบ ซึ่งตอนจบของ Act II นั้นยังไม่สิ้นสุดการแข่งขันระดับประเทศ โดยผู้เขียนได้ออกมาประกาศว่าไม่ได้ถูกตัดจบแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะสุขภาพที่ไม่เอื้ออำนวยทำให้ต้องเขียนตอนจบที่ดีที่สุดออกมาเพื่อปิดฉากการ์ตูนเรื่องนี้อย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนอนิเมะฉายตั้งแต่ปี 2013 – 2019 ความยาว 178 ตอน
ประเทศญี่ปุ่นมีการ์ตูนเกี่ยวกับกีฬาเบสบอลที่สนุกและน่าประทับใจอยู่หลายเรื่อง หนึ่งในนั้นก็คือ Ace of Diamond ซึ่งนับเป็นการ์ตูนเบสบอลของยุคใหม่ โดดเด่นทั้งในเรื่องคุณภาพของงานภาพและพัฒนาการของตัวละครอย่างเอจุน ที่ได้เดินทางไปพบเจอการแข่งขันมากมาย และเขายังต้องพยายามพิสูจน์ความสามารถของตัวเองให้เป็นที่ยอมรับ นอกจากนี้ยังเป็นอนิเมะที่ทำให้เราเห็นความสำคัญของการฝึกฝนและความมีวินัยของนักกีฬาด้วย
ช่องทางรับชม: POPS
อนิเมะกีฬาสนุก ๆ หลายเรื่องนั้นมีความคลาสสิกและมีเสน่ห์ที่โดดเด่นในแบบของตัวเอง แต่จุดร่วมที่ทำให้ผู้ชมอย่างเราประทับใจ ก็คงเป็นเรื่องของการต่อสู้ ความพยายาม ความมุ่งมั่นทำตามความฝัน ที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับชีวิตของเราไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่งนั่นเอง
ที่มา: Akibatan, Wikipedia, syoubaihanzyo, Wiki | Fandom, playersbio, cbr
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส