เอมิลี่ ราทาจโควสกี้ (Emily Ratajkowski) นักแสดงสาววัย 31 ปี ซึ่งเป็นที่รู้จักจาก ‘Gone Girl’ (2014) ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว ‘Los Angeles Times’ ถึงเหตุผลที่เธอยุติบทบาทการเป็นนักแสดงในฮอลลีวูด
เธอได้กล่าวมีสาเหตุมาจากการถูกปฏิบัติในแง่ลบซึ่งส่งผลกระทบต่อจิตใจของเธอจากผู้ชายในฮอลลีวูด และกล่าวอ้างว่าฮอลลีวูดไม่เคยให้คุณค่าต่อเธอในฐานะนักแสดงเลย
“ฉันไม่ได้รู้สึกว่าตัวฉันเองเป็นศิลปินนักแสดงและนี่คือที่ที่เหมาะกับฉัน ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นก้อนเนื้อที่ใคร ๆ ต่างตัดสินฉันแล้วพูดว่า “เธอมีอะไรอย่างอื่นอีกไหมนอกจากหน้าอกของเธอ” นั่นอาจทำให้ตอนนี้ฉันไม่สนใจมุมมองของผู้ชายเท่าไรนัก เพราะพวกเขาโกหกและฉันต้องการสื่อสัตย์ต่อตัวเอง ฮอลลีวูดเป็นโลกที่เลวร้ายและมืดหม่นมาก”
ราทาจโควสกี้มีชื่อเสียงจากการเป็นนางแบบในมิวสิกวิดีโอของศิลปินชื่อดังมากมาย ก่อนที่จะได้รับบทในภาพยนตร์เรื่องแรก นั่นคือ ‘Gone Girl’ เมื่อปี 2014 ของผู้กำกับ เดวิด ฟินเชอร์ (David Fincher) ซึ่งเธอรับบทเป็นนักศึกษาที่มีสัมพันธ์ทางกายกับศาสตราจารย์ของเธอ (รับบทโดย เบน แอฟเฟล็ก)
จากนั้นเธอได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง เช่น ‘We Are Your Friends’ (2015), ‘Cruise’ (2018), ‘I Feel Pretty’ (2018), ‘Welcome Home’ (2018) ร่วมกับ แอรอน พอล (Aaron Paul) และ ‘Lying and Stealing’ (2019) จากนั้นเธอก็ไม่มีผลงานแสดงในภาพยนตร์อื่น ๆ อีกเลย
ผลงานเรื่องสุดท้ายของเธอเป็นภาพยนตร์สำหรับฉายทางโทรทัศน์ที่มีชื่อว่า ‘Bright Future’ ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการทำโพสต์โปรดักชั่น และยังไม่มีการเปิดเผยกำหนดการฉายให้ทราบ
ที่มา : ScreenRant
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส