Star Wars Movies Order: How to Watch Them Chronologically - IGN

Star Wars เป็นมากกว่าแค่แฟรนไชส์ภาพยนตร์ธรรมดา มันเป็นลัทธิความคลั่งไคล้ ที่ผสานโลกไซไฟ แอ็กชัน และการผจญภัย จนกลายเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรม สิ่งนี้ทำให้ Star Wars  มีแฟนคลับมากมายมาหลายชั่วอายุคน แต่เชื่อเถอะว่าแฟน Star Wars น่ะเอาใจยากเป็นที่สุด เพราะพวกเรามักแบ่งฝักฝ่าย มาถกเถียงกันเองเรื่องคุณภาพของแฟรนไชส์อยู่ร่ำไป 

ไม่ว่าแฟนคลับ Star Wars จะด่ากันบ่อยแค่ไหน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกันก็คือ พวกเราทุกคนรักล้วนรัก เดฟ ฟิโลนี (Dave Filoni) กันทั้งสิ้น เขาคนนี้เป็นใคร สำคัญกับประวัติศาสตร์ของ Star Wars วันนี้แบไต๋จะพาไปรู้จักเขากัน 

เด็กเนิร์ดประวัติศาสตร์

เดฟ ฟิโลนี

เดฟ ฟิโลนี เกิดที่เลบานอน เพนซิลเวเนีย เมื่อปี 1974 โดยในวัยเด็กของฟิโลนี นั้นเป็นเด็กเนิร์ดที่มีความสนใจในสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากปู่ของเขาเป็นได้ทำงานด้านเครื่องบิน (ภายหลังความสนใจนี้ ได้ส่งต่อมาถึงผลงานของเขาในแอนิเมชัน Star Wars Resistance)

หลังจากจบจาก Edinboro University of Pennsylvania แล้ว ฟิโลนีก็ได้เข้าทำงานในอุตสาหกรรมแอนิเมชัน เขาทำงานเป็นผู้ช่วยผู้กำกับในซีรีส์แอนิเมชันสำหรับผู้ใหญ่อย่าง King of Hill และแอนิเมชันเด็กเบา ๆ อย่าง Kim Possible โดยหลังจากนั้นช่วงปี 2000 ฟิโลนีก็ย้ายเข้าไปทำงานให้กับ Nickelodeon จนมีผลงานที่โดดเด่นอย่าง Avatar: The Last Airbender ออกมา 

Watch Avatar: The Last Airbender | Netflix
Avatar: The Last Airbender

Avatar: The Last Airbender ได้รับคำวิจารณ์ในแง่ดี และมันก็ไปเข้าตาของจอร์จ ลูคัส (George Lucas) ที่รู้สึกประทับใจความสามารถในการเล่าเรื่องของฟิโลนี นั่นทำให้ลูคัสต่อสายเชิญ เดฟ ฟิโลนี มาเป็นทีมงานทันที

วันแรกกับลูคัส

ในปี 2005 นั้น ฟิโลนีได้เข้าไปทำงานในแผนกแอนิเมชันของสตูดิโอของ Star Wars เพราะ จอร์จ ลูคัส อยากสร้างเรื่องราวที่เป็นรอยต่อระหว่างหนัง Attack of the Clones กับ Revenge of the Sith ซึ่งลูคัสก็วางแผนที่จะทำให้สิ่งนี้ออกมา ในรูปแบบแอนิเมชันซีรีส์ที่มีจุดเชื่อมโยงกับไตรภาค Prequels 

ด้วยการทำงานอย่างใกล้ชิดของฟิโลนีกับลูคัส มันจึงออกมาเป็นซีรีส์ Star Wars: The Clone Wars ในปี 2008 ซึ่งลูคัสประทับใจตอนแรกของซีรีส์ The Clone Wars มาก ถึงขนาดสั่งให้ทีมงานตัดต่อ เพิ่มฉากใหม่เพื่อทำ The Clone Wars ตอนแรกเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันขนาดยาวโดยเฉพาะ เพราะเขาอยากแนะนำ The Clone Wars ให้โลกได้รู้จักกับปฐมบทซีรีส์ที่จะกลายเป็นตำนานอันยิ่งใหญ่

ความสำเร็จจาก The Clone Wars

ในช่วงแรก The Clone Wars ของฟิโลนีได้รับคำวิจารณ์ที่แย่เอามากๆ เพราะเนื้อหาของซีรีส์ค่อนข้างไร้แก่นสาร แถมโทนเรื่องยังแกว่งไปมา บางตอนก็เด็กจ๋ามีความขบขันสไตล์ดิสนีย์ บางตอนกลับดราม่ารุนแรงสไตล์ผู้ใหญ่ ซึ่งฟิโลนีก็ได้นำสิ่งนี้มาปรับปรุงด้วยพร้อมนำการผจญภัย สิ่งพิศวง และความสนุกสนาน กลับมาใส่ในแฟรนไชส์อีกครั้ง

นั่นทำให้ซีรีส์ The Clone Wars ในซีซันหลัง ๆ เริ่มเข้ามือฟิโลนี จนกลายเป็นซีรีส์ไซไฟที่ชาญฉลาดและซับซ้อนมากขึ้น ดึงดูดใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ นอกจากนั้นในช่วงเวลานี้เอง ฟิโลนีก็เริ่มรู้ว่าตัวเอกอยากทำอะไร เขาเข้าใจโลกของตัวละครมากขึ้น มีการเพิ่มมุมมองใหม่ ๆ ให้กับตัวละครที่มีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโอบีวัน, อนาคิน นอกจากนั้น ฟิโลนียังสร้างตัวละครมากมาย ที่จะเป็นกำลังสำคัญของซีรีส์ในอนาคต อาทิ อโซกา, กัปตันเร็กซ์, โบ-คาทาน เป็นต้น

The Clone Wars ได้เติมเต็มช่องว่าง ที่ถูกพูดถึงแต่ไม่เคยมีใครสำรวจมาก่อน ซีรีส์นี้พัฒนาไปสู่สิ่งที่ดียิ่งขึ้นในแต่ละซีซัน เจาะลึกความสัมพันธ์ของตัวละครต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นรอยร้าวของระหว่างอนาคินและเพดเม่ หรือกระทั่งความสัมพันธ์ของอนาคินกับโอบีวันที่จะทำให้ซีน “ข้าเกลียดท่าน” นั้นอิมแพ็กต์มากขึ้น

เรียกได้ว่าฟิโลนี ทำให้ The Clone Wars ประสบความสำเร็จอย่างมาก ผู้คนต่างยกย่องแอนิเมชันเรื่องนี้ในที่สุด ตัวละครใหม่ ๆ ที่เพิ่มขึ้นมาก็เป็นที่ชื่นชอบของแฟน ๆ แต่พอซีรีส์ดำเนินมาถึงซีซันที่ 5 ก็ดันถูกยกเลิก ซึ่งสร้างความเศร้าโศกให้กับแฟน ๆ Star Wars เป็นอย่างมาก (ก่อนที่ภายหลังจะได้กลับมาสานต่อเรื่องราวใน  Disney+)

ใต้ชายคาดิสนีย์

พอ The Clone Wars โดนตัดจบแล้ว ในปี 2014 หลังจากที่ดิสนีย์ซื้อ Lucasfilm ไป ฟิโลนีก็ย้ายไปทำอีกโปรเจกต์ ซึ่งเขาก็ได้สร้างแอนิเมชันที่เป็นยุคใหม่ของ Star Wars อย่าง Star Wars Rebels ขึ้นมา โดยเป็นเรื่องราวในยุคก่อตั้งจักรวรรดิ

เช่นเดียวกับ The Clone Wars ช่วงแรกซีรีส์ Rebels ได้รับคำวิจารณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก เพราะแฟน ๆ ต่างรู้สึกว่าเนื้อหานั้นเบาเกินไป แต่หารู้ไม่ว่ามันคือการวางยาของฟิโลนี ซึ่งเขาก็ทำให้ซีซันหลัง ๆ นั้นอิมแพ็กต์ขึ้นมาก แถมยังใช้โอกาสนำตัวละครที่แฟน ๆ มากมายรักกลับมา ทั้ง ดาร์ธเวเดอร์, กลุ่มแมนดาลอเรียน, อโซก้า จนกระทั่งการปิดจบเรื่องราวระหว่างดาร์ธมอล และโอบิวัน ที่หลายคนให้เป็นหนึ่งในฉากที่ตราตรึงใจมากที่สุด

การกอบกู้อย่างยิ่งใหญ่

อย่างที่เรารู้กัน ภาพยนตร์ Star Wars ไตรภาคของดิสนีย์ได้รับเสียงตอบรับที่ไม่ดีเท่าไหร่ นั่นทำให้โปรเจกต์หนังที่วางไว้มากมาย กลายสภาพเป็นซีรีส์ใน Disney+ แทน ซึ่งช่วงนั้น จอน แฟฟโร (Jon Favreau) ผู้กำกับมากประสบการณ์ของ MCU (ผู้กำกับ Ironman) ได้ติดต่อไปหา ฟิโลนีด้วยแนวคิดอันทะเยอทะยานสำหรับซีรีส์คนแสดงที่มีเนื้อเกี่ยวข้องกับ นักล่าค่าหัว The Mandalorian 

ซึ่งการมาของ The Mandalorian ได้ปลุกความสนใจของแฟน Star Wars ให้กลับมาอีกครั้ง นอกจากนั้นฟิโลนียังใช้เวลาสร้างเรื่องราวและตัวละครใหม่ใน The Mandalorian อาทิ ดินและโกรกู จนกลายเป็นที่รักของมากมาย

เมื่อ The Mandalorian ประสบความสำเร็จ ฟิโลนีจึงได้เริ่มทำสิ่งที่เขาถนัด ด้วยการนำตัวละครที่เขาสร้างมาสู่จักรวาลคนแสดง เอา โบบา เฟทท์ กลับมา นำอโซก้าข้ามมาเปิดตัวในเวอร์ชันคนแสดง นอกจากนั้นยังนำตัวละครที่คนรักจาก Rebel กลับมามากมาย นั่นทำให้เห็นเลยว่า ฟิโลนีไม่เพียงแต่จะเข้าใจจักรวาลของ Star Wars เท่านั้น แต่ยังชุบชีวิต Star Wars กลับมาใหม่อีกครั้งด้วย 

สิ่งที่ทำให้งานของฟิโลนีโดดเด่น คือการให้เกียรติอดีต พร้อมกับปูทางไปสู่อนาคตด้วยกัน เขาเข้าใจดีว่า Star Wars เป็นเทพนิยายที่กินเวลาหลายชั่วอายุคน และฟิโลนีได้ค้นพบวิธีที่จะรักษาความรักจากไตรภาคดั้งเดิม ด้วยเนื้อที่น่าตื่นตาสำหรับผู้ชม

เดฟ ฟิโลนี ได้พิสูจน์แล้วว่า เขาคือผู้กอบกู้ Star Wars อย่างแท้จริง วิสัยทัศน์ของชายคนนี้ได้เติมเต็มชีวิตให้กับแฟรนไชส์ และยังแบกรับจินตนาการของ จอร์จ ลูคัส เอาไว้ ไม่ว่าเราจะรัก Star Wars หรือไม่ แต่ไม่มีใครสามารถกำหนดอนาคตของแฟรนไชส์นี้ได้ดีกว่า เดฟ ฟิโลนี อีกแล้วล่ะ

ที่มา: wealthofgeeks, screenrant, movieweb, collider

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส