จากอดีตถึงปัจจุบัน พ่อครัวหรือเชฟทำอาหาร ก็เป็นอีกอาชีพที่ถูกนำมาเล่าเป็นหนังในหลายรสชาติ ทั้งเรื่องราวของการตามความฝัน การไต่ระดับสู่ยอดสูงสุด เรื่องราวในวิชาชีพอาหารที่เดือดไฟลุกยิ่งกว่าเตาแก๊ส หรือแม้แต่เรื่องรักเล็ก ๆ ที่หวานยิ่งกว่าขนมหวานล้างปาก บทความนี้ขอเชิญชวนชิม 10 สุดยอดหนังดีเกี่ยวกับอาหารและวงการเชฟ ที่ไม่ใช่แค่น่ากิน แต่อาจจะปลุกความเป็นเชฟให้ลุกโชนในใจ จนอาจจะทำให้คุณรู้สึกอยากจับตะหลิวจับกระทะแบบไม่รู้ตัว
‘Big Night’ (1996)
เรื่องราวของพรีโม (Tony Shalhoub) และ ซีคอนโด (Stanley Tucci) สองพี่น้องพ่อครัวชาวอิตาลี ที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาเปิดร้านอาหารอิตาลีที่มีชื่อว่า พาราไดซ์ (Paradise) ที่ยึดมั่นในสูตรและรสชาติดั้งเดิมตามแบบฉบับของอาหารอิตาเลียน บ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขาเอาไว้ แต่ลูกค้ากลับไม่ชอบอาหารรสชาติดั้งเดิมที่พวกเขาทำ จนทำให้สถานะทางการเงินของร้านเริ่มร่อยหรอเกือบสิ้นเนื้อประดาตัว ในขณะที่พี่ชายอย่างพรีโม ยืนกรานที่จะทำอาหารสูตรเดิมโดยไม่เปลี่ยนแปลง คนน้องอย่างซีคอนโด ก็ต้องหาทางดิ้นรนเจรจาประนอมหนี้ เพื่อหาหนทางให้ร้านรอดพ้นจากการถูกธนาคารยึด
ผลงานร่วมกำกับร่วมแสดงของ แคมป์เบล สก็อต (Campbell Scott) และ สแตนลีย์ ทุซซี (Stanley Tucci) ที่ควบตำแหน่งทั้งแสดงนำ กำกับ และเขียนบทร่วมเป็นครั้งแรก หลังออกฉายตัวหนังก็กลายเป็นอีกหนึ่งหนังอาชีพเชฟฟอร์มเล็กขวัญใจนักวิจารณ์ ด้วยการถ่ายทอดเรื่องราว มุมมอง และการต่อสู้แสวงโชคของผู้อพยพชาวอิตาเลียนในแผ่นดินอเมริกา ถ่ายทอดด้วยเรื่องราวสนุกสนาน อบอุ่น แต่ไม่เอาใจตลาด เน้นรสชาติจริงที่ปรุงแต่งแต่เพียงน้อย แต่เรียบง่ายและเข้มข้น จนสามารถคว้าคะแนนจากเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ไปถึง 97%
Average Tomatoes Meter: 97%
IMDb Rating: 7.3/10
รับชมได้ทาง Apple TV
‘Mostly Martha’ (2001)
หนังรอมคอมพ่อแง่แม่งอนในบรรยากาศครัวสัญชาติเยอรมนี เรื่องราวของ มาร์ธา ไคลน์ (Martina Gedeck) เชฟร้านอาหารกูร์เมต์ที่มีชื่อว่า ลิโด ที่ตั้งอยู่ ณ เมืองฮัมบูร์ก ผู้นิยมความสมบูรณ์แบบ มาร์ธายอมอุทิศทั้งชีวิตให้กับการทำอาหารอย่างเต็มที่ สะท้อนผ่านนิสัยเข้มงวด ชอบการวางแผน และรักในความสมบูรณ์แบบ จนมีปัญหาด้านการปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ นอกครัว แต่เธอต้องพบกับเหตุการณ์ช็อก เมื่อน้องสาวของเธอประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เหลือแต่เพียงลูกสาวอย่าง ลินา (Maxime Foerste) เอาไว้ให้ดูแลต่อ และในครัวก็มีสมาชิกใหม่อย่าง มาริโอ (Sergio Castellitto) เชฟมากฝีมือจอมขี้เล่นมาเป็นหนึ่งในสมาชิก แต่เคตเองต้องการควบคุมครัวแบบเบ็ดเสร็จ จึงเกิดเป็นชนวนบาดหมางที่ทำให้เธอไม่พอใจ ก่อนจะค่อย ๆ ผสาน 2 รสชาติชีวิตเข้าด้วยกันได้ในที่สุด
ตัวหนังกำกับและเขียนบทโดยผู้กำกับหญิง แซนดรา เน็ตเทิลเบ็ก (Sandra Nettelbeck) ที่หยิบเอาเกร็ดบรรยากาศและความขัดแย้งในอาชีพเชฟมาเล่าได้อย่างเข้าถึง และความรู้สึกขัดแย้งของเชฟสาวอีโก้จัดที่ต้องมารับหน้าที่ดูแลเด็ก จนกลายเป็นหนังฟอร์มเล็กที่ได้รักคำชมจากนักวิจารณ์ ทำคะแนนบนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes สูงถึง 92% จนมีการนำมารีเมกเป็นหนังฮอลลีวูดแนวรอมคอมในชื่อ ‘No Reservations’ ที่ฉายในปี 2007 ที่ได้นักแสดงชื่อดังอย่าง แคตเธอรีน ซีตาโจนส์ (Catherine Zeta-Jones) และ แอรอน เอ็กฮาร์ต (Aaron Eckhart) มาร่วมแสดงนำ
Average Tomatoes Meter: 92%
IMDb Rating: 7.2/10
‘Ratatouille’ (2007)
แอนิเมชันฟีลกู้ดน้ำดีที่ดูได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เรื่องราวของ เรมี (Patton Oswalt) หนูสัญชาติฝรั่งเศสผู้มีพรสวรรค์ในการดมกลิ่นและรับรสเหนือกว่าหนูทั่วไป ทำให้เขาหวังอยากจะเป็นสุดยอดเชฟนักปรุงอาหาร จนวันหนึ่ง เรมีก็สามารถลอบเข้ามาในภัตตาคารสุดหรูอันดับ 1 ของฝรั่งเศสที่มี ออกัส กัสโต (Brad Garrett) เชฟชื่อดังระดับโลกเป็นเจ้าของ แต่ด้วยความที่เปิดเผยตัวไม่ได้ เรมีจึงร่วมมือกับ ลิงกวินี (Lou Romano) พ่อครัวไร้พรสวรรค์ ที่สามารถรังสรรค์เมนูอาหารชั้นเลิศออกมามากมาย แต่เรมีก็ต้องหลบหนีจากการกำจัดหนู ที่ถูกมองว่าเป็นพาหะนำความสกปรกมาสู่ครัวแบบหัวซุกหัวซุน พร้อมกับการเพ่งเล็งจาก แอนทอน อีโก นักวิจารณ์อาหารตัวพ่อที่พร้อมจับผิดและเผยแพร่ทุกอย่างให้ร้านเสื่อมเสีย
แอนิเมชันของ Disney และ Pixar ผลงานการกำกับและเขียนบทโดย แบรด เบิร์ด (Brad Bird) จากแฟรนไชส์ ‘The Incredibles’ ที่แม้จะเป็นการ์ตูนใส ๆ ไร้พิษภัยที่ดำเนินเรื่องแนวผจญภัยได้อย่างสนุกสนาน แต่กลับเต็มไปด้วยรายละเอียดเกี่ยวกับอาชีพเชฟ งานครัว และเมนูอาหารฝรั่งเศสที่สมจริง การหยิบเอาหนู ตัวแทนความสกปรกที่คนรังเกียจให้มีพรสวรรค์ด้านอาหารฝรั่งเศสชั้นสูง ผสมกับเรื่องราวการตามหาความฝัน จนกลายเป็นแอนิเมชันที่ดูสนุก ได้แรงบันดาลใจ คว้ารางวัลสาขาภาพยนตร์แอนิมเมชันยอดเยี่ยมจากทั้งเวทีออสการ์ และลูกโลกทองคำ
Average Tomatoes Meter: 96%
IMDb Rating: 8.1/10
รับชมได้ทาง Disney+ Hotstar
‘Julie & Julia’ (2009)
หนังฟีลกู้ดเติมแรงใจไฟฝัน เล่าเรื่องตัดสลับสองช่วงเวลาของ 2 ตัวละคร ทั้ง จูเลีย ไชลด์ (Meryl Streep) ภริยาทูตผู้มีฐานะมั่งคั่ง เธอได้ติดตามสามีที่ไปทำงานทูตในฝรั่งเศสในช่วงปี 1949 และเธอได้เข้าเรียนในโรงเรียนสอนทำอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ จนสามารถเขียนตำราอาหารของเธอเอง และกลายเป็นนักทำอาหารชื่อดัง และในช่วงปี 2002 เรื่องราวของ จูลี พาวล์ (Amy Adams) พนักงานคอลเซ็นเตอร์สาววัย 30 ปีที่คอยรับฟังปัญหาจากเหยื่อเหตุการณ์ 9/11 จนเกิดรู้สึกหมดไฟ เธอจึงค้นหาเป้าหมายใหม่ในชีวิต จากการทำอาหารที่ชื่นชอบ ด้วยการเขียนบล็อก บันทึกการทำอาหาร 524 เมนู ที่บรรจุอยู่ในตำรา ‘Mastering the Art of French Cooking’ ของ จูเลีย ไชลด์
ผลงานกำกับของ นอรา เอฟรอน (Nora Ephron) ผู้กำกับหญิงสายรอมคอมผู้ล่วงลับ ที่มีผลงานดัง ๆ ทั้ง ‘Sleepless in Seattle’ (1993) , ‘You’ve Got Mail’ (1998) และ ‘Bewitched’ (2005) ร่วมแสดงโดย 2 นักแสดงหญิง 2 วัยมากฝีมือ เมอรีล สตรีป (Meryl Streep) และ เอมี อดัมส์ (Amy Adams) ที่ได้แรงบันดาลใจเรื่องราวจากเรื่องจริงจากนักทำอาหาร 2 ยุค ทั้ง จูเลีย ไชลด์ (Julia Child) ผู้เขียนตำราสอนทำอาหารฝรั่งเศสเป็นภาษาอังกฤษคนแรก และ จูลี พาวล์ (Julie Powell) อินฟลูเอนเซอร์ด้านอาหาร ที่สอดแทรกเรื่องราวชีวิตและการตามความฝันของคนสองยุคได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะ เมอรีล สตรีป ที่ได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์ และคว้ารางวัลเดียวกันนี้จากเวทีลูกโลกทองคำ
Average Tomatoes Meter: 78%
IMDb Rating: 7.0/10
รับชมได้ทาง Netflix, Apple TV
‘The Hundred-Foot Journey’ (2014)
หนังอาหารฟิวชันสองรสชาติ เล่าเรื่องของครอบครัวนักทำอาหารชาวอินเดียของ ฮัสซัน คาดัม (Manish Dayal) ที่พาครอบครัวย้ายอพยพจากมุมไบ ไปอยู่ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก่อนจะย้ายไปอยู่ที่เมืองซานต์ อานโตนิน ประเทศฝรั่งเศส ที่เขาดันมาเปิดร้านอาหารอินเดีย อยู่ห่างจากร้านอาหารฝรั่งเศสระดับมิชลินสตาร์ 2 ดวง ที่มีคุณนายมัลลอรี (Helen Mirren) เป็นเจ้าของ แถมตั้งอยู่ห่างจากร้านอาหารอินเดียแค่เพียง 100 ฟุต แถมฮัสซันยังตกหลุมรักมาร์เกอรีต (Charlotte Le Bon) ผู้ช่วยเชฟร้านอาหารฝรั่งเศสของมัลลอรีอีก เรื่องรักวุ่น ๆ ผสมผสานสองวัฒนธรรมจึงเกิดขึ้น
ตัวหนังดัดแปลงจากนิยายชื่อเดียวกันที่เขียนโดย ริชาร์ด ซี. มอเรส (Richard C. Morais) ซึ่งเป็นหนังสือโปรดของพิธีกรระดับโลก โอปราห์ วินฟรีย์ (Oprah Winfrey) โดยมีพ่อมดฮอลลีวูด สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) มาร่วมกันทำหน้าที่โปรดิวเซอร์ด้วย โดยได้ ลาสซี ฮัลสตอร์ม (Lasse Hallström) ผู้กำกับชาวสวีเดน รับหน้าที่กำกับ และเขียนบทโดย สตีเวน ไนท์ (Steven Knight) ผู้สร้างซีรีส์ดัง ‘Peaky Blinders’ (2013–2022) ที่ผสมผสานกลิ่นอายวัฒนธรรมผ่านสื่อกลางอย่างอาหาร เล่าเรื่องราวของคนที่รักในอาหารได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะนักแสดงรุ่นใหญ่ เฮเลน เมียร์เรน (Helen Mirren) ที่โดดเด่นจนได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ภาพยนตร์ประเภทตลกหรือเพลง จากเวทีลูกโลกทองคำ
Average Tomatoes Meter: 68%
IMDb Rating: 7.3/10
‘Chef’ (2014)
หนังตลกดราม่าผจญภัยฟีลกู้ดฟอร์มเล็ก เรื่องราวของ คาร์ล แคสเปอร์ (Jon Favreau) เชฟภัตตาคารชื่อดังของลอสแองเจลิสฝีมือเยี่ยม ที่ต้องตกที่นั่งลำบาก เพราะเขาดันมีความเห็นไม่ตรงกันกับเจ้าของร้านจอมบงการ และซ้ำร้าย ดันไปมีเรื่องกับนักวิจารณ์อาหารคนดัง จนทำให้เขาต้องถูกไล่ออกจากร้านกลางคัน เขาจึงตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการเปิด ร้านอาหาร Food Truck ตระเวนขายแซนด์วิซสไตล์คิวบาไปทั่วทั้งสหรัฐอเมริกา พร้อมกับลูกชายตัวน้อย และอดีตผู้ช่วยเชฟที่ติดสอยห้อยตามมาด้วย จนทำให้ ร้านอาหาร Food Truck ของเขากลายเป็นที่รู้จักในเวลาต่อมา
นี่คือผลงานกำกับ โปรดิวเซอร์ เขียนบทร่วม และแสดงนำ ของ จอน ฟาฟโร (Jon Favreau) โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับ และนักแสดง เจ้าของบท แฮปปี้ โฮแกน จากแฟรนไชส์หนังซูเปอร์ฮีโร ‘Iron Man’ ผู้ชอบทำอาหารเป็นงานอดิเรก ที่คราวนี้หันมาทำหนังเล็กทุนต่ำ แต่ก็ยังได้นักแสดงแม่เหล็กมาร่วมคับคั่ง ทั้ง จอห์น เลอกิซาโม (John Leguizamo) สการ์เล็ต โจแฮนสัน (Scarlett Johansson) ดัสติน ฮอฟแมน (Dustin Hoffman) และ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (Robert Downey Jr.) เป็นหนัง Road Movie ที่มีครบทั้งการปลุกแรงบันดาลใจ ตามความใฝ่ฝัน ค้นหาความสุขที่แท้จริง และความรักระหว่างพ่อกับลูก ที่อิ่มใจแต่ชวนหิวแซนด์วิซไม่น้อย จนมีการแตก Spin-Off ในรูปแบบสารคดีซีรีส์ ‘The Chef Show’ ที่ฉายทาง Netflix และยังมีการรีเมกเป็นหนังบอลลีวูดในปี 2017 อีกด้วย
Average Tomatoes Meter: 87%
IMDb Rating: 7.3/10
รับชมได้ทาง Apple TV
‘Burnt’ (2015)
หนังดราม่าสายงานเชฟ เรื่องราวของ อดัม โจนส์ (Bradley Cooper) เชฟร้านอาหารฝรั่งเศสสุดหรูกลางกรุงปารีส เจ้าของมิชลินสตาร์ 2 ดวงที่กำลังประสบความสำเร็จจนถึงขั้นสูงสุด เขามุ่งมั่นกับการคว้าดาวมิชลินดวงที่ 3 แต่กลับต้องพบมรสุม เมื่อเขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และเป็นหนี้เป็นสิน ทำให้อาชีพของเขาต้องพังทลาย โจนส์จึงต้องเนรเทศตัวเองจากฝรั่งเศส กลับบ้านที่เมืองนิวออร์ลีน รัฐหลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา และทำโทษตัวเองด้วยการแกะหอยนางรมนับล้านตัว ก่อนจะวางแผนเดินทางไปลอนดอนเพื่อเริ่มต้นอาชีพด้วยการเปิดร้านใหม่ เพื่อตามความฝันคว้าดาวมิชลินดวงที่ 3 มาให้ได้
ตัวหนังกำกับโดย จอห์น เวลส์ (John Wells) โชว์รันเนอร์ของทีวีซีรีส์ ‘ER’ (1994–2009) และเขียนบทโดย สตีเวน ไนท์ (Steven Knight) นำแสดงโดย แบรดลีย์ คูเปอร์ (Bradley Cooper) รวมทั้งนักแสดงชื่อดังทั้ง เซียนนา มิลเลอร์ (Sienna Miller) อลิเซีย วิกันเดอร์ (Alicia Vikander) และ อูมา เธอร์แมน (Uma Thurman) ที่สามารถถ่ายทอดบรรยากาศการทำงานของเชฟภายในครัว กระบวนการทำอาหารและบริการลูกค้าในทุกขั้นตอน รวมทั้งความไว้วางใจ การทำงานเป็นทีม ของการทำงานเชฟได้อย่างสมจริงและน่าสนใจ รวมทั้งการพิสูจน์ตัวเอง และการทิ้งอดีตไว้ข้างหลังได้อย่างเข้มข้น เป็นแรงบันดาลใจของคนที่อยากเป็นเชฟได้เป็นอย่างเข้าถึงแก่นแท้
Average Tomatoes Meter: 28%
IMDb Rating: 6.6/10
‘Boiling Point’ (2021)
หนังดราม่าอาชีพเชฟสุดเดือด กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นภายใน Jones & Sons ร้านอาหารหรูกลางกรุงลอนดอนของ แอนดี โจนส์ (Stephen Graham) หัวหน้าเชฟมากพรสวรรค์ ที่ต้องคอยควบคุมการทำงานของเชฟลูกมือ ในคืนที่พลุกพล่านที่สุดของปี และภายใต้สถานการณ์กดดัน เมื่อดาวมาตรฐานด้านสุขภาพและความปลอดภัยของร้านถูกลดระดับลง จากการบริหารที่ไม่เพียงพอและสุขอนามัยที่ต่ำกว่าเกณฑ์ ทำให้แอนดี้ต้องรับมือกับความวุ่นวายและกดดันในการจัดการร้านที่แสนจะวุ่นวาย และรับมือกับลูกค้า นักวิจารณ์ รวมทั้งรับมือกับเรื่องส่วนตัวที่ถาโถมและพร้อมจะทำลายอาชีพของเขาให้ล่มจม
ผลงานหนังเชฟสายเดือดจากประเทศอังกฤษ ที่มีวิธีการเล่าไม่เหมือนใครด้วยการถ่ายทำแบบ Long Take รวดเดียว ให้เห็นบรรยากาศทั้งหน้าร้าน หลังร้าน และทุกขั้นตอนของเชฟทุกคนที่อยู่ภายในครัว พร้อมทั้งบิลด์บรรยากาศกดดันตึงเครียดระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง การทำงานร่วมกันเป็นทีม เทคนิคการบริหารงานและบริหารคน แรงกดดัน และความเป็นผู้นำภายในร้านอาหารที่เชฟร้านอาหารต้องเจอแบบรวดเดียวจบ แม้จะมีแค่ดาราอังกฤษชื่อดังอย่าง สตีเฟน แกรมห์ (Stephen Graham) จากหนัง’The Irishman’ (2019) และ ‘Rocketman’ (2019) มาร่วมแสดง แต่นักแสดงทุกคนต่างก็สวมบทบาทของตัวเองได้สมจริง จนทำคะแนนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ไปถึง 99%
Average Tomatoes Meter: 99%
IMDb Rating: 7.5/10
‘The Menu’ (2022)
หนังจิกกัดเสียดสีวงการอาหารหรูหรา ผสมพล็อตทริลเลอร์ชวนลุ้น เรื่องราวของไทเลอร์ (Nicholas Hoult) และมาร์โกต์ (Anya Taylor-Joy) หนุ่มสาวที่ได้เป็นหนึ่งในแขกที่ได้รับเชิญไปร่วมรับประทานใน ฮอว์ธอร์น ร้านอาหารบนเกาะลึกลับที่มีเชฟเลื่องชื่ออย่าง เชฟจูเลียน สโลวิก (Ralph Fiennes) เป็นผู้คิดค้นคอร์สเมนูอาหารอันลือลั่น แต่เมื่ออาหารแต่ละจานผ่านไป แขกที่มารับประทานอาหาร กลับต้องพบกับเหตุการณ์สุดสะพรึงที่ค่อย ๆ โจมตีจิตใจของพวกเขา รวมทั้งต้องเผชิญกับความลับดำมืดสุดสยอง ที่แอบซ่อนภายใต้คอร์สอาหารสุดหรู และความโหดที่ไร้ทางหนี
ผลงานการกำกับของผู้กำกับชาวอังกฤษ มาร์ก มายลอด (Mark Mylod) จากซีรีส์ ‘Succession’ (2018–2023) ที่จิกกัดเสียดสีวงการอาหารหรูหรา และวัฒนธรรมการกินอาหารแบบไฟน์ไดนิ่ง ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องราวของอาหาร ที่มาของวัตถุดิบ และความหรูหรา มากกว่าจะพุ่งตรงไปที่รสชาติและประสบการณ์ที่แท้จริงในการรับประทานอาหาร ผ่านบรรยากาศหนังทริลเลอร์ที่ตีคู่ทั้งบรรยากาศระทึกขวัญที่ไต่ระดับความโหดทีละน้อย และการจิกกัดคนในวงการอาหารได้อย่างเจ็บแสบ และการแสดงสุดเข้มข้น จนทำให้ทั้ง เรล์ฟ ไฟนส์ (Ralph Fiennes) และ อันยา เทเลอร์ จอย (Anya Taylor-Joy) ได้เข้าชิงสาขานักแสดงนำชาย และสาขานักแสดงนำหญิง ภาพยนตร์ประเภทตลกหรือเพลง จากเวทีลูกโลกทองคำ
Average Tomatoes Meter: 88%
IMDb Rating: 7.2/10
รับชมได้ทาง Disney+ Hotstar
‘Hunger’ (2023)
หนังเกี่ยวกับวงการเชฟสัญชาติไทยที่หาดูได้ไม่บ่อยนัก กับเรื่องราวของ ออย (ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง) ผู้สืบทอดกิจการร้านราดหน้าของต่อจากพ่อ แต่แล้วเธอก็ได้พบกับ โตน (กรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา) เชฟหนุ่มที่เห็นความสามารถของออยในการทำอาหาร ทำให้เธอตกลงปลงใจเข้าสู่วงการเชฟ ด้วยการเข้าร่วมทีม Hunger ทีมเชฟอันดับ 1 ของประเทศที่นำทีมโดยเชฟพอล (นพชัย ชัยนาม) แต่ความสวยงามเจิดจรัสที่อยู่ตรงหน้า กลับมีด้านมืดที่ซ่อนอยู่ อาหารไฟน์ไดนิ่งที่รังสรรค์เมนูสุดพรีเมียม เมนูอาหารที่หลายคนปรารถนาอยากลิ้มลองสักครั้งหนึ่งในชีวิต กลับมีเบื้องหลังที่ดิ่งลึกไปถึงก้นบึ้งของใจมนุษย์อย่างที่คาดไม่ถึง
หนังไทย Original ของ Netflix เรื่องล่าสุด กับการทำงานร่วมกันของ โดม สิทธิศิริ มงคลศิริ ผู้กำกับจาก ‘แสงกระสือ’ (2562) และเขียนบทโดยผู้กำกับฝีมือ คงเดช จาตุรันต์รัศมี ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของอาหารที่สื่อสารกับคนหิวอำนาจ หิวชัยชนะ หิวแสง ที่ตอกหน้าและเย้ยหยันผู้คนที่หิวกระหายความเลิศหรู และความเป็นวีไอพี ที่ใช้อาหารเป็นเครื่องประดับติดปลายลิ้น แม้จะมีเสียงวิจารณ์จากวงการเชฟถึงความไม่สมจริงบางประการในวงการเชฟ แต่ตัวหนังก็เรียกได้ว่าเต็มไปด้วยงานองค์ประกอบศิลป์ที่สวยงาม รวมทั้งการแสดงของ ออกแบบ ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง และปีเตอร์ นพชัย ชัยนาม ที่เรียกได้ว่าไม่ผิดหวัง เล่นเอาหลายคนหิวผัดงอแงกันไปทั่วประเทศกันเลยทีเดียว
Average Tomatoes Meter: 83%
IMDb Rating: 6.7/10
รับชมได้ทาง Netflix
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส