ในขณะที่หนังแอนิเมชัน ‘The Super Mario Bros. Movie’ ที่ออกฉายมาตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ยังคงทำรายได้อย่างงดงาม ซึ่ง ณ ตอนนี้ก็มีลุ้นที่จะแตะเส้น 1,000 ล้านเหรียญได้อย่างไม่น่าจะยากเย็น และยังขึ้นแท่นหนังดัดแปลงจากเกมจากเกมที่ทำรายได้ Box Office สูงที่สุดในโลกไปแล้วด้วย
แน่นอนว่าด้วยกระแสของตัวหนังที่กำลังฮิตอย่างท่วมท้นในเวลานี้ ก็ทำให้หลายคนคิดถึงหนังที่สร้างจากเกม Super Mario Bros. จากยุค 90’s อย่าง ‘Super Mario Bros.’ ที่ออกฉายในปี 1993 ซึ่งเป็นหนังที่ Disney ได้ลิขสิทธิ์จาก Nintendo โดยตรง และจัดจำหน่ายโดย Buena Vista Pictures (หรือ Walt Disney Studios Motion Pictures ในปัจจุบัน)
ซึ่งในหนังเรื่องนี้ จอห์น เลอกิซาโม (John Leguizamo) นักแสดงวัย 62 ปีที่มักคุ้นเขาจากการรับบทสมทบในหนังยุคนี้ เคยรับบทหนังเรื่องนี้ในบทลุยจิ (Luigi) คู่หูผจญภัยของมาริโอนั่นเอง ซึ่งล่าสุดเขาได้เล่าเบื้องหลังการถ่ายทำหนังหลายเรื่องของเขากับทาง GQ รวมทั้งเบื้องหลังหนังสร้างจากเกมเรื่องแรกของฮอลลีวูดเรื่องนี้ด้วย
อย่างที่ทราบกัน หนังเรื่องนี้กำกับโดย แอนนาเบล แจนเคล (Annabel Jankel) และ ร็อกกี มอร์ตัน (Rocky Morton) ซึ่งตอนแรกไม่ได้มีหน้าตาออกมาอย่างที่เห็น แต่ความตั้งใจดั้งเดิมตังแต่โปรดิวเซอร์ จนถึงผู้กำกับก็คือ การดัดแปลงบทจากวิดีโอเกมที่เหมาะกับครอบครัวให้มีความเป็นผู้ใหญ่ มีเนื้อหาที่ซีเรียสและดาร์กกว่าเกมต้นฉบับ ทั้งโปรดักชันมืดหม่น ความรุนแรง และมีเนื้อหาทางเพศ แต่ด้วยความที่มันเป็นหนังของ Disney ที่ไม่โปรดการสร้างหนังเรตรุนแรงสำหรับผู้ใหญ่อยู่แล้ว ก็เลยทำให้ต้องมีการซ่อมและปรับแก้ฉากสุ่มเสี่ยงกันยกใหญ่
“(ผู้กำกับ) มีวิสัยทัศน์ที่โคตรจะมืดหม่นเลยครับ ซึ่ง Disney ไม่โอเคกับเรื่องนี้ ฉะนั้นการมีอะไรที่มันดูงง ๆ ในหนังมันเลยเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ยกตัวอย่างฉากปาร์ตึ้ก็ได้ คนพวกนั้นคือนักเต้นระบำเปลื้องผ้าจาก นอร์ธ แคโรไลนา ที่ผู้กำกับต้องการให้พวกเธออยู่ในหนังด้วยเสื้อผ้าที่เปิดเผยที่สุด ซึ่ง Disney ไม่แฮปปี้พวกเขาเลยต้องเอาออก ทั้งตัดทิ้ง หรือทำ CGI ลบออกด้วยเทคโนโลยีห่วย ๆ ที่พวกเขามีในสมัยนั้น”
ถ้ายังจำกันได้ ‘Super Mario Bros.’ (1993) ถือเป็นหนัง Live Action หรือหนังคนแสดงขนาดยาวเรื่องแรกที่สร้างจากวิดีโอเกม โดยมีคู่สามีภรรยาผู้กำกับโฆษณาชาวอังกฤษ แอนนาเบล แจนเคล และ ร็อกกี มอร์ตัน มาทำหน้าที่กำกับ ตามทิศทางของโปรดิวเซอร์ที่ได้สิทธิ์มาจาก Nintendo ในการนำเสนอเรื่องราวของ Mario ที่มีความจริงจังและดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเดิม โดยได้ บ็อบ ฮอสกินส์ (Bob Hoskins) รับบทเป็นมาริโอ (Mario) และเลอกิซาโม รับบทเป็นลุยจิ
แต่อย่างที่ทราบกันดีว่า กว่าจะถ่ายทำหนังเรื่องนี้จบ ก็เรียกได้ว่าแทบจะกระอักเลือดกันตั้งแต่ขั้นตอนเขียนบทหนัง เพราะตัวบทมีการแก้ไขไปมาอยู่ตลอด Disney ก็อยากคุมเรตติ้งหนังจากหนังผู้ใหญ่ให้เหลือเรตติ้งแค่ PG ผู้บริหาร Nintendo ฝั่งญี่ปุ่นก็อยากเสริมเติมแต่งหนังด้วย ระหว่างทางก็มีการเปลี่ยนคนเขียนหนังบ่อยมาก แต่ละคนเขียนทีก็เปลี่ยนแนวทางไปที
จนเมื่อจะถ่ายทำก็มีการแก้บทหน้างานอีก แก้หนักจนกระทั่งนักแสดงที่ได้บทหลังจากทำสัญญายังช็อกว่าบทที่ตัวเองได้กับบทที่ใช้ถ่ายทำดันไม่เหมือนกัน จนทำให้นักแสดงหลายคนเริ่มท้อและอยากจะเทหนัง จนถึงตอนถ่ายก็มีการแก้บทอีก นักแสดงก็แทบจะใช้วิธีด้นสดเอาหน้างานไปเลย เพราะแก้จนจำแทบไม่ได้แล้ว ในบางฉากที่ยังสร้างฉากไม่เสร็จ ด้วยความเร่งกับเวลา ก็เลยต้องถ่ายไปทั้ง ๆ ที่ฉากสร้างไม่เสร็จไปแบบนั้นเลย
เวรกรรมไปตกอยู่ที่ 2 นักแสดงนำอย่างฮอสกินส์ และเลอกิซาโม ที่กล้ำกลืนฝืนทนในการแสดงอย่างหนัก เรียกได้ว่าเป็นฝันร้าย ถึงขนาดที่ทั้งคู่เอาสุราเข้ามาดื่มในกองถ่ายก่อนถ่ายทำเพื่อย้อมใจ แถมตอนระหว่างถ่ายทำก็ยังดื่มอีก พอหลังฉาย ทั้งคู่รวมทั้งผู้กำกับก็ยอมรับถ้วนหน้าว่า การทำงานในหนังเรื่องนี้ถือเป็นตราบาปมาจนถึงตอนนี้ ซึ่งแจนเคลได้ให้สัมภาษณ์กับ Variety ถึงการกำกับหนังในตอนนั้นว่า หนังของพวกเขามีความแปลกประหลาดที่ไม่เข้าพวกกับฮอลลีวูดในเวลานั้น “เราไม่เคยพยายามจะสร้างเกมต้นฉบับขึ้นมาใหม่เลยค่ะ ไม่งั้นเราคงทำหนังแอนิเมชันไปแล้ว”
และหลังฉาย ตัวหนังก็โดนสับเละจากแฟนเกมและเด็ก ๆ ที่ไปดู เพราะนอกจากจะไม่ตรงปกจากเกมอย่างแรง เพราะตัวหนังโดยรวม ทั้งบท การแสดง และโปรดักชันที่ทำออกมาได้เกรดบีสุด ๆ จนทำรายได้ Box office ขาดทุนย่อยยับด้วยตัวเลขเพียง 38.9 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 42–48 ล้านเหรียญ กลายเป็นหนังที่ถูกพูดถึงว่าเป็นหนึ่งในหนังดัดแปลงจากเกมที่ห่วยที่สุดตลอดกาล แถมยังเป็นแผลใจของ Nintendo ที่ไม่ได้มอบลิขสิทธิ์เกมให้สตูดิโอไหนอีกเลย ส่วนตัวหนังก็เปลี่ยนสถานะกลายเป็นหนังคัลต์เกรดบีที่ยังได้รับความนิยมในหมู่ผู้ชมกลุ่มเล็ก ๆ และผู้ชมรุ่นใหม่ที่อยากลองหามาดูในเวลาต่อมา
แถมหลังจาก ‘The Super Mario Bros. Movie’ เข้าฉาย ก็มีส่วนทำให้ผู้คน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ อยากหาเวอร์ชัน 1993 นี้มาดูมากขึ้นตามไปด้วย เป็นผลทำให้ยอดจำหน่ายหนังเวอร์ชันนี้กลับมาขายดีติดอันดับ Best Seller บนเว็บไซต์ Amazon แถมยังทำยอดขายแซงหน้ายอด Pre-Order แผ่น Blu-Ray ล่วงหน้าของตัวแอนิเมชัน ‘The Super Mario Bros. Movie’ ไปอีกต่างหาก
ซึ่งแม้ว่าตอนถ่ายทำ เลอกิซาโมจะไม่ประทับใจกับหนังเรื่องนี้เท่าไหร่ แต่ตอนท้ายเขาก็ได้กล่าวถึงหนังเรื่องนี้ว่า “ผมรักผู้กำกับเหล่านั้นนะครับ พวกเขาให้โอกาสกับผม พวกเขาเสี่ยงที่จะให้หนุ่มละตินมารับบทนำเป็นน้องชายของ บ็อบ ฮอสกิน ซึ่งมันแปลกใหม่มาก ไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นสิ่งที่ผมนับถือพวกเขาในเรื่องนี้”
“หนังเรื่องนี้มันไม่ได้รับการตอบรับอย่างที่เราหวังไว้ เราทุกคนคาดหวังกับมันมาก แต่ว่ามันเป็นหนังจากเกมเรื่องแรกน่ะครับ มันคงไม่มีใครเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งนั้นหรอก ก็โอเค แต่หลังจากนั้นปรากฏว่า เด็กรุ่นใหม่ที่ดูผ่าน DVD หรือ VHS ต่างก็ชอบมัน หลายคนเข้ามาหาผมและบอกว่าพวกเขาชอบหนังมาก ดังนั้นถ้ามองผ่านสายตาพวกเขา ผมว่าผมก็ชอบหนังเรื่องนี้นะ”
ที่มา: GQ, Variety, Entertainment Weekly, IGN
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส