วีคสุดท้ายของความฟิน ก่อนจะอินกับสงคราม ชุดาภา จันทเขตต์ ผู้จัดละครและผู้กำกับละครเรื่อง ‘หมอหลวง’ ที่กำลังฮิตติดชาร์ตอยู่ตอนนี้ได้แย้มเอาไว้ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วว่า วีคนี้จะเป็นวีคความสุขสุดท้าย ก่อนเข้าโค้งสุดท้ายของละครที่บ้านเมืองจะไม่สงบ ด้วยเรื่องราวต่าง ๆ ยาวไปจนจบ นั่นก็คือเรื่องราวของสงครามนั่นเอง อ้าว เอาแล้วไง หมอหลวงนี่ไม่คิดจะแผ่วเลยใช่มะ มันจะมีสงครามตอนไหน อะไรยังไง แล้วตอนจบจะออกมาในรูปแบบไหนกันล่ะ น้ำตาแตกหรือฟินกันตาเยิ้ม น่าติดตามอีกแล้วสิคะ
สงครามที่ว่าจะมีหน้าตาแบบไหนกัน
จากตัวอย่างตอนต่อไปเราจะเห็นเลยว่าบ้านเมืองในสมัยนั้นกำลังจะเข้าสู่ไฟสงคราม เมื่อหมอทองคำได้รับแจ้งข่าวว่า “กำลังจะเกิดศึกอานาม” สองพ่อลูกหมอทองคำและหมอทองแท้ ต้องเข้าร่วมในกองทัพเพื่อไปคอยดูแลรักษาผู้บาดเจ็บ และทองอ้นก็ขันอาสาไปเป็นหมอในสงครามครั้งนี้ แล้วไอ้ศึกอานามนี่มันมีหน้าตาแบบไหนกันนะ จะสร้างความเดือดร้อนให้บ้านเมืองแค่ไหนกัน
ถ้าผู้เขียนฟังไม่ผิดเพราะหมอทองคำก็พูดไม่ค่อยชัดซะด้วยสิ แต่ถ้าเส้นเรื่องของหมอหลวง จะดำเนินอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 3 ศึกใหญ่ที่สามารถเรียกว่าเป็นสงครามในสมัยนั้นได้ ก็เห็นจะมีแต่ ‘อานามสยามยุทธ’ สงครามระหว่างอาณาจักรไดนามที่ปกครองโดยจักรพรรดิเถี่ยว จิ แห่งราชวงศ์เหงียน ราชวงศ์สุดท้ายของเวียดนามที่ปกครองเวียดนามมา 143 ปี กับ ราชอาณาจักรสยามในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3)
แล้วเขารบกันด้วยเรื่องอะไรน่ะเหรอ ก็ต้องย้อนหลังไปตั้งแต่การปราบกบฏเจ้าอนุวงศ์ กบฏเลวันโคย ซึ่งมันก็จะเป็นเรื่องราวอีรุงตุงนังต่อเนื่องจนกลายมาเป็นอานามสยามยุทธ สงครามที่แย่งชิงความเป็นใหญ่เหนือดินแดนกัมพูชา ซึ่งพี่ญวนแกได้พยายามเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในเขมรซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของสยาม แถมน้องเขมรก็ร่ำ ๆ ว่าจะไปซบเขาแน่ะ สองดินแดนก็เลยต้องรบกันสักตั้งให้มันรู้ดำรู้แดง ว่าเอ็งควรซบใครวะไอ้ทิด เพราะในตอนนั้นทั้งสยามและญวนต่างเรืองอำนาจกันทั้งคู่ เรียกว่าเป็นมหาอำนาจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กันเลยแหละ
ทั้งสองประเทศไม่มีใครยอมใคร อานามสยามยุทธหรือที่เขาเรียกกันว่าสยามรบกับแกว จึงกลายเป็นสงครามยืดเยื้อที่รบพุ่งกันยาวนานถึง 14 ปี คือตั้งแต่ปี พ.ศ. 2376 – 2390 แบบไม่รู้แพ้รู้ชนะ เรียกว่ารบกันจนเหนื่อยไม่ต้องมีลูกมีผัวกันเลยค่ะ เจ็บตายไปก็มาก บ้านเมืองเละตุ้มเป๊ะ แต่ไม่ใช่บ้านเมืองเราและไม่ใช่บ้านเมืองเวียดนามนะ นู่นค่ะ ไอ้ที่เละคือเขมรจ้ะ
จนท้ายที่สุดสองฝ้ายก็ต้องทำสัญญาสงบศึก พอเถอะวะเอ็งกับข้า โดยฝ่ายสยามได้สิทธิในการปกครองเขมร ตั้งแต่การสถาปนากษัตริย์ ระเบียบปฏิบัติในราชสำนักเขมรและประชาชน ส่วนพี่ญวนก็ได้เครื่องบรรณาการทุก ๆ 3 ปีจากเขมรไป แฮปปี้เอนดิ้งทั้งสองฝ่าย ม้วนเสื่อกลับบ้านใครบ้านมันได้ ส่วนประเทศที่เขาแย่งกันก็เละเทะกันไปจ้ะ ตามระเบียบ
ซึ่งถ้าหากหมอหลวงเอาสงครามช่วงนี้มาเล่น ก็สามารถสร้างละครได้อีกเรื่องหนึ่งเลยละค่ะ อย่างที่ข้าบดินทร์ก็เป็นละครที่มีฉากหลังเป็นอานามสยามยุทธมาแล้วถ้า โซนิค บูม คิดจะทำละครอิงประวัติศาสตร์ขึ้นมาสักเรื่อง โดยหยิบเอาสงครามช่วงอานามสยามยุทธมาเล่นละก็ ไม่อยากคิดเลยว่าจะน่าติดตามขนาดไหน คาดหวังเลยค่ะว่าถ้าทำออกมา รายละเอียดที่นำเสนอคงน่าสนใจไม่น้อย ดูจากการบ้านที่ทำมาดีในหมอหลวงแล้ว อยากดูเลยละค่ะ
มามโนตอนจบกันเล่น ๆ ดูไหมล่ะ
เอาเข้าจริงหมอหลวงที่แสดงตนว่าเป็นละครดราม่า-คอมเมดี้ ก็ชักจะไม่คอมเมดี้แล้วสิคะ เพราะในช่วงท้าย ๆ ได้แสดงตัวโจ่งแจ้งออกมาเลยว่า หมอหลวงคือละครดราม่าแฝงสาระที่เข้มข้นน่าติดตาม และอัปเกรดความละเมียดมากขึ้นกว่าหมอยาท่าโฉลงเสียอีกแน่ะ เรายังคงเห็นการอธิบายถึงตัวยาตัวนั้นตัวนี้ แต่มากไปกว่านั้นเรากลับได้เห็นการรักษาโรคและโรคที่เกิดในสมัยโบราณอีกมากมาย
ทั้งไข้หวัด มองคร่อ ที่ก็เปรียบได้กับโควิดในปัจจุบัน การพูดถึงยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ให้คนดูได้เข้าใจ การกำเนิดโรงเรียนแพทย์แห่งแรกของไทยที่วัดโพธิ์ ไปจนถึงการผ่าตัดครั้งแรกของเมืองไทยโดยหมอบรัดเลย์ เรียกว่าทีมเขียนบทเก็บรายละเอียดต่าง ๆ มาผสมผสานกับเรื่องราวเบาสมองได้เป็นอย่างดี ทำให้กลายเป็นละครที่ย่อยง่ายและเข้าถึงผู้ชมได้ทุกเพศทุกวัย และจากตัวอย่างของตอนที่ 18 ที่กำลังจะถึงนี้ ผู้เขียนติดใจคำทำนายของซินแสกระดองเต่าที่บอกว่า สงครามครั้งนี้จะทำให้บ้านหลังนี้มีคนจากไปถึงสองคน แถมพ่อทองอ้นก็ยังขันอาสาไปในสงครามครั้งนี้อีกด้วยแน่ะ
จากตัวอย่างสั้น ๆ เพียงเท่านี้ผู้เขียนจึงเกิดการมโนเอาเองว่า โซนิค บูม อาจเล่นกับใจคนดูก็เป็นได้ เพราะยี่ห้อนี้เขามักจะส่งความสุขมาก่อนความเศร้าให้เราเป็นประจำ เพราะ 17 ตอนที่ผ่านมายังไม่สามารถเดาตอนจบของละครเรื่องนี้ได้เลย ว่าจะจบลงที่ตรงไหน ไอ้ครั้นจะให้แม่บัวติดอยู่ในภาพนี้ตลอดไปก็ง่ายเกิน หรือจะให้แม่บัวถูกลมพายุหอบกลับไปยังโลกยุคปัจจุบันก็ง่ายอีก แถมยังจะทำให้พ่อทองอ้นต้องเสียน้ำตาอยู่คนเดียวเป็นแน่
อย่ากระนั้นเลย ให้มันหายไปพร้อม ๆ กันที่ภพนี้แล้วไปโผล่ที่ภพโน้นด้วยกันให้รู้แล้วรู้รอด ด้วยการให้ทองอ้นและแม่บัวเสียชีวิตในช่วงนั้น ซึ่งเป็นช่วงที่ไฟสงครามกำลังลุกโชนและไข้ทรพิษกำลังระบาดหนัก แล้วเกี่ยวก้อยกันไปอยู่ในภพใหม่ จะด้วยการตายจากหรือหายแว้บไปเลยก็ไม่อาจรู้ได้ และจบตอนสุดท้ายที่ทองอ้นต้องมาใช้ชีวิตในโลกปัจจุบัน เป็นการจบแบบปลายเปิดที่สามารถทำภาคต่อได้ แบบมีคนยินดีรอดูด้วยนะเอ้า
ใดใดก็ตามนี่คือการคาดเดาเอาเล่น ๆ ของผู้เขียนเท่านั้นนะคะ ซึ่งเชื่อว่าโซนิค บูม จะทำตอนจบให้เราได้น่าดูกว่าที่ผู้เขียนมโนไปเองแน่ ๆ นี่คาดหวังเอาไว้เลยนะ พูดจริง
ความดีงามของหมอหลวง ที่น่าปรบมือให้
ถ้าเราจะบอกว่า จากทองเอกหมอยาท่าโฉลงมาจนถึงหมอหลวง ถือเป็นละครที่เป็นซอฟต์พาวเวอร์ให้กับวงการแพทย์แผนไทย จนทั้งคนไทยเราเองหรือแม้แต่คนช่างชาติ ต่างหันมาสนใจตำรับยาแพทย์แผนไทยกันคึกคักก็คงจะไม่กล่าวเกินไปนัก แล้วยิ่งมาในปีนี้หมอหลวงก็พิสูจน์ตัวตนหนักข้อขึ้นไปอีกด้วยการเป็นละครน้ำดีที่มีคนดูจนเรตติ้งพุ่งกระฉูด แรงดีไม่มีตกในทุกตอนที่ออกอากาศ ซึ่งเป็นสัญญาณที่บอกออกมาดัง ๆ ว่า ละครไทยถ้าทำออกมาได้กลมกล่อมน่าดูชมขนาดนี้ อย่างไรซะคนไทยก็ไม่ทิ้งละครไทยไปไหนอย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าจะมีละครเกาหลี ละครจีนที่บุกตลาดบ้านเราจนดึงคะแนนจากคนในประเทศไปซะเยอะ แม้แต่ตัวผู้เขียนเองที่ถึงแม้จะรักละครไทยแค่ไหน แต่ก็แวะไปนั่งแช่อยู่ในโลกหฤหรรษ์ของแดนกิมจิกับถิ่นมังกรอยู่บ่อย ๆ แถมแช่นานจนไม่อยากจะออกซะด้วยสิ ก็เขาทำดีทำเลิศ บทฉลาดไม่ประมาทคนดูจริง ๆ นี่นา แถมเวลาหันมามองบทละครบ้านเราที่ยังคงสาละวนอยู่กับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ และการรีเมกซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนปิดโอกาสให้บทละครใหม่ ๆ ที่ควรจะเกิดไม่ได้เกิดไปซะมาก ก็ทำให้ละครไทยไม่อาจจะไปไหนได้ไกล ทั้ง ๆ ที่เรามีดีไม่น้อยหน้าไปกว่าใครเลยจริง ๆ
อย่างที่เราก็ได้เห็นมาแล้วกับละครไทยน้ำดีมากมาย ที่กวาดเรตติ้ง คว้ารางวัล พร้อมกับรับเสียงชื่นชมมาก็มากอย่าง บุพเพสันนิวาส กรงกรรม กาหลมหรทึก พิภพหิมพานต์ และอีกหลายต่อหลายเรื่องจนมาถึง หมอหลวง จะขาดอยู่ก็เพียงแต่ว่า น้ำดีทั้งหลายเหล่านี้ต่างก็ไหลมาเป็นช่วง ๆ ขาดความต่อเนื่อง จนแฟนละครไทยหนีไปพักใจในต่างแดนอยู่บ่อย ๆ ก็หวังว่า หมอหลวง จะสามารถส่งสัญญาณให้ละครไทยเรื่องอื่น ๆ เคี้ยวและเคี่ยวบทที่มีอยู่ในมือให้ละเอียด จนละเมียดได้แบบนี้ รับรองว่าละครไทยไปได้ไกลกว่าที่คิดแน่นอนค่ะ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส