งานรีเมค The Magnificent Seven (1960) หนังคาวบอยคลาสสิค ที่ต้นฉบับก็รีเมคมาจาก Seven Samurai (1954) ของปรมาจารย์อากิระ คูโรซาว่าอีกที ผมไม่ได้ดู The Magnificent Seven ต้นฉบับ แต่ประทับใจกับ Seven Samurai มากดูไปหลายรอบ และได้ดู Seven Warriors (1989) หนังรีเมคเวอร์ชั่นฮ่องกง ที่ได้ซูเปอร์สตาร์ยุคนั้นมาแท็กทีมกันทั้ง เจิ้ง เส้าชิว ที่เพิ่งดังจาก ชอลิ้วเฮียง , เหลียง เฉาเหว่ย และจางเซียะโหย่ว ก็นับเป็นอีกเวอร์ชั่นที่ทำได้สนุก มาถึงเวอร์ชั่นนี้ก็ได้ อังตวน ฟุควา ผู้กำกับสายแอ็คชั่นระดับต้น ๆ ของฮอลลีวู้ดในยุคนี้ และเป็นการกลับมาร่วมงานกันของผู้กำกับอังตวน ฟุควา, เดนเซล วอชิงตัน และอีธาน ฮอว์ค จากครั้งแรกใน Training Day (2001) ที่ส่งให้ เดนเซล วอชิงตัน คว้าออสการ์นำชายไปได้ มารอบนี้ได้คริส แพรตต์ ดาราขาขึ้นอีกคนมารับบทนำด้วย และน่าจะด้วยหมดงบหรือว่าคิวงานไม่ลงตัวก็เลยมีดาราขายชื่อเพียงเท่านี้ จากเดิมที่ได้ทาบทาม ทอม ครุยส์ , เจสัน โมมัว , เควิน คอสต์เนอร์ และ แมตต์ เดมอน ไว้ในขั้นตอนเตรียมการสร้าง
ทุกเวอร์ชั่นที่ผ่านมายังคงพล็อตหลักไว้คร่าว ๆ ว่า เมืองเล็ก ๆ ห่างไกลความเจริญในยุคหลังสงครามกลางเมือง เป็นช่วงที่บ้านเมืองไร้ขื่อแป เหล่าโจรเลยฮึกเหิมตั้งแก๊งปล้นสะดม ชาวบ้านทุกข์ร้อนอย่างหนักเลยต้องเรี่ยไรเศษเงินและทรัพย์สินที่เหลืออยู่น้อยนิดลงขันกัน แล้วส่งตัวแทนออกไปตามหาผู้กล้าให้รับหน้าที่อัศวินม้าขาวมาช่วยเหลือชาวบ้าน เวอร์ชั่นนี้ปรับเรื่องราวนิดให้เหตุเกิดในเมืองเล็ก ๆ ชื่อ โรส ครี้ก โดนนายทุนชื่อ บาร์โธโลมิว โบ๊ก ยกพวกมาขับไล่ชาวบ้าน เพราะต้องการพื้นที่หมู่บ้านนี้ในการทำเหมืองทอง เอ็มม่า หม้ายสาวที่โกรธแค้นเพราะสามีโดน โบ๊ก ยิงตายเลยเจียดทรัพย์สินที่เหลืออยู่ออกตามหาผู้กล้า และบังเอิญเจอ ซอล ชิซัม น่าล่าค่าหัวฝีมือฉกาจ เลยว่าจ้างให้ซอล มาปราบ โบ๊ก ระหว่างทางกลับมาโรส ครี้ก ซอลจึงแวะชักชวนเพื่อนเก่าและบรรดาคาวบอยฝีมือดีให้มาร่วมทีม
หนังต้นฉบับนั้นแบ่งเป็น 4 องก์หลัก ๆ องก์แรกเกริ่นนำ ความลำบากยากแค้นของหมู่บ้านที่โดนโจรข่มเหง ให้เห็นความน่ากลัวของฝ่ายโจร องก์ 2 รวบรวมผู้กล้า ตามหาโน้มน้าวใจ องก์ 3 วางแผนรับมือ วางกับดัก สอนวิชาต่อสู้ให้ชาวบ้าน และองก์ 4 คือไคลแมกซ์ของเรื่องประชันศึก ใน Seven Samurai นั้นลากยาวกันถึง 3 ชั่วโมงครึ่ง ปูความกันลึกซึ้งให้เห็นความโหดร้ายของโจร ความยากลำบากในการรวบรวมผู้กล้าทั้ง 7 กว่าจะโน้มน้าวให้แต่ละคนมาร่วมงานได้ และแนะนำตัวแต่ละคนว่าเก่งอย่างไร แต่ใน The Magnificent Seven เล่าเรื่องราวใน 3 องก์แรกแบบรวบรัด ไม่ต้องโน้มน้าวกันนานคุยกันไม่กี่คำก็เข้าร่วมทีมแล้ว ทำให้ไม่ค่อยได้รู้ที่มาและความสามารถของแต่ละคนว่าเก่งอย่างไร เน้นแค่ตัวหลัก ๆ เท่านั้น และเป็นเวอร์ชั่นที่ทั้ง 7 ค่อนข้างหลากหลายเชื้อชาติมาก ซอล เป็นคาวบอยผิวดำ , บ๊อบบี้ ร็อคส์ เป็นชาวจีน ,วาสเควซ เป็นเม็กซิกัน และ เรด ฮาร์เวสต์ เป็นอินเดียนแดงเผ่าโคมานเช่ แต่ขนาดว่าเล่าเรื่องราวแบบรวบรัดแล้วนะ หนังยังลากยาวถึง 2 ชั่วโมง 13 นาที ก็ตามสไตล์ผู้กำกับอังตวน ฟุควา น่ะแหละ เขาไม่ใช่สายรางวัล แต่เป็นสายตลาดที่ค่อนข้างมีคุณภาพ ทำหนังแอ็คชั่นได้ดุเดือดสะใจคนดู ก็เลยเน้นฉากรบท้ายเรื่องยาวเกือบชั่วโมง ให้ดูกันจุใจไปเลย และเป็นฉากยิงต่อสู้ที่ทำได้สนุกจริง ฝ่ายดี ฝ่ายร้าย ต่างงัดไม้เด็ด อาวุธลับออกมาซัดใส่กัน ผลัดกันได้เปรียบเสียเปรียบ บทเปิดโอกาสให้แต่ละคนได้มีฉากโชว์ของตัวเอง แถมความตื่นเต้นด้วยการให้เสียตัวละครสำคัญไปบ้างระหว่างรบ สร้างความลุ้นเอาใจช่วยเมื่อฝ่ายดีต้องเสียกำลังสำคัญไป แต่ก็ไม่ถึงกับบิลท์อารมณ์ให้ดราม่านัก
เดนเซล วอชิงตัน ในวัย 62 ยังดูดีอยู่มาก เท่สะโอดสะอง เป็นพระเอกได้อีกหลายปี , ปีเตอร์ ซาร์สการ์ด จากพระเอกตอนเข้าวงการใหม่ ๆ หลัง ๆ พลิกมารับทร้ายบ่อยขึ้น เรื่องนี้เขาเป็น โบ๊ก ตัวร้ายของเรื่อง ร้ายกันแบบมิติเดียวเลยไม่ต้องมีเหตุมีผล สลับตำแหน่งกับ วินเซนต์ ดีโอโนฟริโอ ตัวร้ายเบอร์ต้น ๆ ของฮอลลีวู้ด พอแก่ตัวอ้วนขึ้นก็พลิกมารับบทคนดีบ่อยขึ้น ,บุง ยุนลี ดาราเกาหลีที่ได้ดีในฮอลลีวู้ด มีงานต่อเนื่องยาว ๆ ก็ได้บทเด่น เป็นยอดฝีมือคนสำคัญของทีมเลย เฮลีย์ เบนเนต ที่อยู่ดี ๆ ก็มีหนังเธอฉายชนกัน 2 เรื่องเลย The Girl On The Train เพิ่งเข้าโรงสัปดาห์ก่อนเอง เรื่องนี้นับว่าเธอได้บทนางเอกเต็มตัวในหนังทุนใหญ่เลยล่ะ
ในสมาชิก 7 สิงห์ที่น่าฮาสุดคือ มาร์ติน เซนสเมียร์ เขาเป็นอินเดียนแดงตัวจริง ที่มาแคสต์บท แล้วดันเข้าตาผู้กำกับอังตวน เพราะเขาไว้ผมยาวถึงเข่า อังตวน ชอบมากเอาไอ้นี่แหละ ส่วนมาร์ติน ก็ไม่รู้ว่าตัวเองถูกเลือกก็เพราะผมยาว ก่อนวันเข้ากล้องมาร์ติน ก็เลยไปตัดผมสั้นเสียเสร็จสรรพ เล่นเอาอังตวน กุมกบาล ก็เลยเขียนให้ เรด ฮาร์เวสต์ เป็นเผ่าโมฮอว์ค ผมสั้นแทน ที่สำคัญอีกอย่าง งานดนตรีประกอบเรื่องนี้เป็นผลงานสุดท้ายของ เจมส์ ฮอร์เนอร์ เขาได้ไปเยี่ยมกองถ่ายก่อนเสียชีวิตเพียง 1 เดือน ฮอร์เนอร์ ทำดนตรีประกอบด้วยตัวเองไว้ได้ 7 เพลง ที่เหลือเป็นผลงานจากทีมของเขา
จัดได้ว่า The Magnificent Seven เป็นหนังคาวบอยแอ็คชั่น เสพง่าย คนดีก็ดีสุด ๆ คนร้ายก็ร้ายสุด ๆ หนังสนุกมาก คอหนังแอ็คชั่นไม่ควรพลาด น้อยเรื่องมากที่จะได้เจอฉากแอ็คชั่นยิงกันยาว ๆ เกือบชั่วโมงแล้วทำสนุกได้แบบนี้ เชียร์ครับ หนังฉายที่เมกาไปตั้งแต่ 2 สัปดาห์ก่อน กำไรสบายตัวไปแล้ว ทุน 90 ล้าน ทำรายได้ทั่วโลกไปแล้ว 133 ล้าน เหตุหนึ่งเพราะอังตวนเลือกทำให้ The Magnificent Seven ออกมาเป็นหนังแอ็คชั่นแบบสะอาด ยิงกันกระจายแต่ทั้งเรื่องกลับแทบไม่เห็นเลือดเลย ไม่มีฉากโป๊ คำหยาบน้อย และเสียงวิจารณ์ก็ค่อนไปทางบวก ก็เลยพารายได้หนังไปได้เร็ว ถ้าดูแล้วชอบก็ลองไปหาเวอร์ชั่นเก่า ๆ มาดูกันนะ