เมื่อปีที่แล้ว คริส เฮมส์เวิร์ธ (Chris Hemsworth) เขาจะขอหยุดพักงานแสดงสักพักหนึ่ง หลังตรวจพบว่าเขามีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นอัลไซเมอร์ ถึงตอนนี้ดูเหมือนว่าช่วงพักเบรกของเขาจะสิ้นสุดลงแล้ว และกลับมาประเดิมงานถ่ายทำใน “Extraction 2” สำหรับใครที่เคยดูภาคไปแล้ว ต่างก็รู้กันดีว่านี่คือหนังแอ็กชันสุดอลังการ แถมภาคแรกนั้นยังครองสถิติ หนังครองสถิติเปิดตัวด้วยอดรับชมสูงที่สุดในเดือนเมษายน 2020 แต่ภาคนี้ แซม ฮาร์เกรฟ (Sam Hargrave) ยังคุยอวดไว้อีกว่า “จะมีฉากแอ็กชันอย่างน้อยมากขึ้นเป็น 2 เท่าจากภาคแรก”
ในหนังภาคแรกนั้น จบด้วยฉากที่ ไทเลอร์ เรก (Tyler Rake) ตัวละครของเฮมส์เวิร์ธ โดนยิงแล้วทิ้งร่างตัวเองลงไปในแม่น้ำโดยไม่รู้ชะตากรรม แต่สุดท้ายเราก็ได้รับรู้กันแล้วว่า ทหารรับจ้างผู้โชกโชนรายนี้จะกลับมาวาดลวดลายอีกครั้ง และครั้งนี้เขาคงจะไม่เสียท่าง่าย ๆ อีกแล้ว
นอกเหนือจากที่ผู้กำกับฮาร์เกรฟคุยอวดไว้ว่า จะมีฉากแอ็กชันมากขึ้นเป็นสองเท่าแล้ว ในภาคนี้ยังจะมีฉากที่ทีมผู้สร้างภูมิใจหนักหนาว่าเป็นฉากที่ดีที่สุดในหนัง นั่นคือฉากลองช็อตลากยาว 12 นาทีเต็ม (ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นการถ่ายทำหลายช็อตแต่มาตัดต่อรวมเข้าด้วยกันอย่างแนบเนียน) แต่เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมนี้ เฮมส์เวิร์ธก็ทวีตบอกแฟน ๆ ว่าฉากลองช็อตนี้จะยาวถึง 21 นาที อ้างอิงจากบทสัมภาษณ์ของ Total Film ก่อนหน้านี้ ทั้งทีมงานและนักแสดงต่างก็พูดตรงกันว่า เป็นการถ่ายทำที่รุนแรงดุเดือดมาก เฮมส์เวิร์ธเองก็ยืนยันว่าฉากลองช็อตนั้นไฟลุกท่วมไปทั้งฉากเลย เห็นได้ชัดว่า หลังจากที่เฮมส์เวิร์ธกลับมาจากช่วงพักเบรกแล้วนั้น สภาพร่างกายเขาพร้อมรับศึกอย่างมาก
ใน Extraction 2 นี้ ไทเลอร์ เรก เจอกับภารกิจใหม่สุดหินกว่าเดิม รอบนี้เขาเข้าไปช่วยเหลือครอบครัวของแก๊งอันธพาลชาวจอร์เจียน ถ้าใครได้ดูตัวอย่างแล้ว ก็พอจะเห็นคร่าว ๆ แล้วว่านี่ไม่ใช่งานง่ายของ ไทเลอร์ เรก เลย ภารกิจครั้งนี้เต็มไปด้วยอันตรายเขาต้องรับมือกับคู่ต่อสู้จำนวนมากที่ดาหน้าเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน เรกต้องจัดการกับคู่ต่อสู้ทั้งปืนและกำปั้น ซึ่งนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในฉากลองช็อตยาว 21 นาที ตามที่เฮมส์เวิร์ธบอกไว้ มันไม่ใช่แค่งานถ่ายทำที่ยากแค่นั้น แต่เฮมส์เวิร์ธเอ่ยปากเลยว่า “มันเป็นงานที่ยากที่สุดที่เขาเคยทำมาแล้ว”
แซม ฮาร์เกรฟ บอกว่าฉากโกลาหลในคุกนี้ จะมีหน่วยจู่โจมมากมาย เขาได้แรงบันดาลใจในฉากนี้มาจาก “สารคดีกลุ่มไฮยีนารุมโจมตีสิงโต” ซึ่งเหล่าไฮยีนาจะใช้กลยุทธ์ในการจู่โจม ด้วยการมุ่งโจมตีจากด้านหลังสิงโต และใช้ความได้เปรียบในเรื่องจำนวนหลายตัวของพวกมัน ซึ่งในกรณีนี้เราก็ใช้เฮมส์เวิร์ธแทนตัวสิงโต และฉากนี้ก็เหมือนการพิสูจน์ความทรหดอดทนในตัวเขา
คริส เฮมส์เวิร์ธ ย้อนเล่าประสบการณ์ในการถ่ายทำฉากลองช็อตในคุกนี้ว่า
“ความรู้สึกของผมตอนนั้น ผมจะพาตัวเองไปจนสิ้นสุดเทคนี้ไหวไหม มันเหมือนนักมวยบนสังเวียนชกมวยน่ะครับ เมื่อไหร่ระฆังถึงจะดังสักทีหนอ ? สำหรับผมก็คือ เมื่อไหร่ผู้กำกับจะสั่ง ‘คัต’ สักทีนะ”
แล้วงานของเฮมส์เวิร์ธ จะหนักกว่านักแสดงคนอื่น ๆ ก็ตรงที่ว่า ตัวเขาไม่สามารถใช้สตันท์แมนเข้าฉากแทนได้ เพราะว่าการถ่ายทำฉากลองช็อตแบบนี้ ถ้าใส่สตันท์แมนเข้าไปแทนแล้ว คนดูจะสังเกตเห็นได้ชัดเลย พอต้องเผชิญกับงานถ่ายทำที่หนักหนาสาหัสแบบนี้ เฮมส์เวิร์ธจึงต้องมีนักกายภาพบำบัดส่วนตัวชื่อ The Wizard ไว้คอยดูแลเขาตอนพักเบรก
“พอเขาเห็นผมนั่งแล้วเริ่มเอนตัวลงแล้ว เขาจะเข้ามาคว้าตัวผมไว้ ดึงตัวผมออกไปด้านข้าง จากนั้นเขาก็จะใช้มือบีบนวดไปตามหลังไหล่และส่วนอื่น ๆ จากนั้นก็ส่งผมออกไปถ่ายทำต่อ เมื่อใดที่ผมกลับมาถึงบ้าน ผมจะดิ่งตรงไปยังอ่างน้ำแข็งทันที บางทีก็ไปซาวนา เข้ากายภาพบำบัดบ้าง ทานยาแก้อักเสบสัก 2-3 เม็ด พอพร้อมแล้วก็กลับไปเข้ากองถ่ายต่อ”
เฮมส์เวิร์ธเล่าต่ออีกว่า พอมาถึงวันท้าย ๆ ของการถ่ายทำ เขาก็แทบหมดเรี่ยวแรงแล้ว
“พอมาถึงช่วงท้ายของงานถ่ายทำ ผมนี่สูดอากาศเข้าร่างแบบที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย แล้วทุกคนต่างก็ทิ้งตัวลงคุกเข่ากันหมดแล้ว”
แต่ดูเหมือนว่า เฮมส์เวิร์ธจะไม่ได้รู้สึกเข็ดขยาดกับงานถ่ายทำลองช็อตสุดหินแบบนี้เลย เขายังคิดว่าอยากจะนำลองช็อตยาว ๆ แบบนี้ไปใส่หนังมาร์เวลเรื่องต่อ ๆ ไปด้วย
เตรียมพร้อมชม Extraction 2 พร้อมกันทาง Netflix 16 มิถุนายน 2023 นี้
ที่มา : slashfilm