‘jaye’ (เจย์) หรือ เจย์ ฟู (Jaye Foo) อาจเป็นชื่อที่ใหม่สำหรับใครหลายคน แต่จริง ๆ แล้วศิลปินหนุ่มชาวสิงคโปร์คนนี้ได้สร้างสรรค์ผลงานดี ๆ มาสักช่วงหนึ่งแล้ว เขาเคยมีผลงานเพลงมิวสิกวิดีโอติดชาร์ตบน YouTube ในปี 2019 กับซิงเกิลที่มีชื่อว่า “Tomorrow” ที่มียอดวิวหลายล้านครั้งและใช้การนำเสนอในรูปแบบใหม่ที่นอกเหนือจากการปล่อยเพลงอย่างเดียวด้วยการสร้างวิดีโอเกม “Tomorrow” เกมคอมพิวเตอร์ไวรัลของเขาที่เปิดตัวสตรีมในปี 2020 และมีผู้เล่นกว่าล้านคนทั่วโลก
และล่าสุดกับซิงเกิล “kid” jaye ก็ได้พาเราย้อนกลับไปในวัยเด็กอีกครั้ง ในเพลงที่ผสมผสานดนตรีฮิปฮอป อินดี้ และป๊อป ผ่านเสียงร้องที่ผ่อนคลายกับท่วงทำนองที่สดใสจะพาเราย้อนกลับไปสู่ช่วงเวลาที่ไร้กังวลในตอนเด็ก ซึ่งมิวสิกวิดีโอเพลงนี้มีการใช้เทคโนโลยี AI ในการสร้างสรรค์มิวสิกวิดีโอเพื่อให้ได้อารมณ์และความรู้สึกของการเป็นเด็กอีกครั้ง
เอกลักษณ์ของ jaye คือการผสมผสานข้ามสื่อและการใช้เทคโนโลยีเข้ามาผสานกับโลกดนตรีและการสร้างสรรค์ของเขา jaye ได้ลองมาหมดไม่ว่าจะเป็นการปล่อยซิงเกิลคู่ไปกับวิดีโอเกมที่ทั้งเกมและเพลงต่างส่งเสริมซึ่งกันและกัน การสร้างวง ‘Manifest’ วงดนตรี CryptoPunks NFT วงแรกของโลก การสร้างสตูดิโอสำหรับคนดนตรีและผู้มีความคิดสร้างสรรค์ ‘The Palour’ ในประเทศสิงคโปร์บ้านเกิด รวมไปถึงการนำเอาเทคโนโลยี AI มาใช้ในการสร้างสรรค์มิวสิกวิดีโอ แค่นี้ยังไม่หมดศิลปินผู้ล้นไปด้วยความคิดสร้างสรรค์คนนี้ยังมีอะไรดี ๆ ที่จะปล่อยออกมาในอนาคตอีกมากมายนัก เรามาทำความรู้จัก ‘jaye’ คนนี้ให้ดีขึ้นกันดีกว่า
ในซิงเกิลล่าสุดของคุณ “kid” คุณร้องว่า “I wanna feel like a kid again ?” เราอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงอยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
สำหรับในบทเพลงนี้ผมอยากจะสื่อถึงความอยากรู้สึกที่อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง เพราะส่วนใหญ่แล้วการรู้สึกเหมือนเป็นเด็กหมายความว่ามีความรับผิดชอบน้อยลง หรือไม่มีความรับผิดชอบเลย คุณจึงไร้กังวลอย่างมาก แถมคุณยังจะพบกับความเครียดและความกังวลน้อยลงไปอีก ในฐานะผู้ใหญ่ คุณมีความรับผิดชอบมากมาย และใช่มันอาจจะเครียดในบางครั้ง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการได้รู้สึกเหมือนเป็นเด็กอีกครั้งจึงเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เลย
ส่วนแรงบันดาลใจของเพลงนี้มาจากการที่ผมอยากย้ำเตือนผู้ฟังหรือใครก็ตามที่ฟังเพลงว่าพวกเขามีความเป็นเด็กอยู่ในตัว ไม่ว่าเราจะอายุเท่าไหร่ แม้ว่าเราจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แต่เราก็ยังมีความเป็นเด็กอยู่ในหัวใจของเรา และสิ่งสำคัญคือต้องไม่ลืมสิ่งนั้น เพราะมันเป็นสถานที่พิเศษที่อยู่ในตัวของเรา ความเป็นเด็กอยู่ในตัวของคุณ ที่ซึ่งคุณจะพบกับความสุขที่สุด
คุณนิยามแนวดนตรีของคุณว่าอย่างไร
สำหรับเพลงใหม่ของผมมันคือการผสมผสานระหว่างอินดี้ อัลเทอร์เนทีฟ และกลิ่นอายของดนตรีป๊อป ดังนั้นผมจะเรียกมันว่าเป็นอินดี้ป๊อป แต่เพลงก่อน ๆ นี้ของผม ผมได้สำรวจแนวเพลงที่หลากหลาย ตั้งแต่ฮิปฮอป อิเล็กโทรป๊อป ไปจนถึงอาร์แอนด์บี ผมสนุกกับการทดลองและสำรวจสไตล์ต่าง ๆ ผมชอบที่จะได้ลองสิ่งใหม่ ๆ เสมอครับ
อะไรคือคอนเซ็ปต์เบื้องหลังมิวสิกวิดีโอเพลง “kid”
แนวคิดเบื้องหลังมิวสิกวิดีโอนี้คือการแสดงมุมมองและจินตนาการของเด็ก ผมต้องการให้วิดีโอจับสาระสำคัญของวิธีการทำงานของจิตใจเด็ก ซึ่งเต็มไปด้วยจินตนาการอันสดใสและความมหัศจรรย์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ผมจึงตัดสินใจใช้เทคโนโลยี AI ซึ่งเป็นเรื่องที่กำลังมาแรงและใช้เครื่องมือที่ทรงพลังนี้สร้างสรรค์ผลงานที่แปลกใหม่และน่าสนใจ ปัจจุบันเรามีตัวเลือกซอฟต์แวร์มากมายให้เลือกใช้ บางตัวก็ฟรีด้วย ดังนั้นผมเลยอยากทดลองใช้งานมันดูในหลายรูปแบบ และดูว่า AI นั้นทำอะไรได้บ้าง ทีมวิดีโอของผมและผมก็เลยลงเอยด้วยการสร้างมิวสิกวิดีโอที่สร้างโดย AI ซึ่งเราสร้างเอฟเฟ็กต์ภาพและนำไปใช้กับฟุตเทจจริงของผมที่กำลังแสดงเพลงนี้ ผลลัพธ์ที่ได้คือประสบการณ์อันดื่มด่ำซึ่งสะท้อนถึงธรรมชาติอันกว้างไกลของจินตนาการของเด็ก
เพลงที่ได้รับความนิยมของคุณก่อนหน้านี้อย่าง “Tomorrow” นั้นน่าสนใจมากคุณทั้งแต่งเพลงเอง สร้างเกมเอง และแสดงเป็นตัวละครในเกมเองด้วย อะไรทำให้คุณตัดสินใจสร้างงานในรูปแบบนี้ มันสะท้อนมุมมองทางศิลปะของคุณยังไง
เพลงทั้งหมดที่ผมปล่อยออกมาเป็นวิธีการแสดงตัวตนของผมในจุดต่าง ๆ ในชีวิต ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตอนที่ผมปล่อยเพลง “Tomorrow” ที่มาพร้อมกับคอมพิวเตอร์เกม มันมีเนื้อหาเกี่ยวกับความหดหู่ใจ เพราะตอนนั้นผมกำลังเผชิญกับภาวะซึมเศร้าและผมต้องการพูดถึงเรื่องนี้ผ่านเพลงของผม นอกจากนี้ผมมีความรู้สึกประทับใจอย่างมากและได้รับแรงบันดาลใจจากบทบาทโจ๊กเกอร์ (Joker) ของ วาคีน ฟินิกซ์ (Joaquin Phoenix) ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ดังนั้นตัวละครที่ผมเล่นทั้งในมิวสิกวิดีโอและเกมจึงได้รับอิทธิพลอย่างมากจากภาพยนตร์เรื่อง “Joker” ซึ่งเป็นการตีความตัวละครตัวนี้ในแบบของผมเอง โปรเจกต์ทั้งหมดนี้จึงเกิดจากประสบการณ์ส่วนตัวของผมเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าและแรงบันดาลใจที่ผมดึงมาจากภาพยนตร์
ส่วนเหตุผลที่ผมตัดสินใจเชื่อมต่อโปรเจ็กต์นี้กับวิดีโอเกมก็เพราะผมคิดว่ามันจะเป็นวิธีที่สนุกและน่าสนใจในการรวมเพลงของผมเข้าไปในเกม ผมไม่ต้องการให้มันเป็นเพียงแค่เกมธรรมดา ๆ ผมต้องการทำให้มันไม่เหมือนใคร ดังนั้นผมจึงรวมเพลง “Tomorrow” เข้าไปในเกมโดยตรง หากผู้เล่นตั้งใจฟังให้ดี ก็จะสังเกตเห็นว่าเพลงนั้นถูกใช้ในการกระตุ้นและเป็นสัญญาณเตือนเมื่อตัวร้ายในเกมที่ผมเป็นคนแสดงเองกำลังเข้ามาใกล้ ผมพบว่ามันน่าตื่นเต้นที่ได้ใส่เพลงของผมเข้าไปในเกมและคิดว่ามันจะเพิ่มความพิเศษให้กับความเพลิดเพลินนี้
อ้อ ผมเกือบลืมพูดถึงเหตุผลที่แท้จริงที่ผมคิดเกมนี้ขึ้นมา ตอนนั้นเป็นช่วงล็อกดาวน์โควิด เมื่อทุกคนต้องอยู่บ้าน เกมคอมพิวเตอร์กลายเป็นงานอดิเรกยอดนิยม และผมก็เช่นกัน ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับคอมพิวเตอร์ เล่นเกม หรือแม้แต่สตรีมสดบน Twitch ผมชอบเล่นเกมสยองขวัญเป็นพิเศษเพราะไม่มีอะไรให้ทำมากมาย ในช่วงเวลานี้เองที่ผมมีความคิดที่จะสร้างเกมสยองขวัญของตัวเอง หลังจากเล่นเกมสยองขวัญมาประมาณ 20 กว่าเกม ผมรู้สึกเหมือนได้รับประสบการณ์และความรู้มากพอที่จะพัฒนาตัวเอง เป็นโอกาสที่สนุกสนานในการสำรวจสื่อสร้างสรรค์ใหม่ ๆ และทำให้ความคิดของผมเป็นจริง
ในฐานะผู้สร้างวง ‘Manifest’ วง CryptoPunks NFT วงแรกของโลก อะไรทำให้คุณตัดสินใจเชื่อมโลกของศิลปะ ดนตรี และธุรกิจเข้าด้วยกันผ่าน NFT
วงดนตรี ‘Gorillaz’ เป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญสำหรับผมในการสำรวจจุดเชื่อมต่อระหว่างศิลปะ ดนตรี และธุรกิจ พวกเขาเป็นวงดนตรีเสมือนจริง เป็นวงดนตรีการ์ตูนที่นำโลกแอนะล็อกมาสู่อาณาจักรดิจิทัลได้สำเร็จ ผมเลยมีความปรารถนาที่จะทำสิ่งที่คล้ายกันกับวง NFT ในโลกเสมือนของผม เชื่อมช่องว่างระหว่าง Web 2.0 และ Web 3.0 และปฏิวัติโลกของการสร้างสรรค์และความบันเทิง
NFT มีผลกระทบอย่างมากต่อวงการเพลง มันให้เครื่องมือที่ทรงพลังและเป็นประโยชน์ในการเพิ่มความปลอดภัยและตัดคนกลางออก ตัวอย่างเช่น สมมติว่าผมปล่อยเพลงในรูปแบบ NFT กับวง NFT ของผม แฟน ๆ จะมีโอกาสซื้อ NFT และสนับสนุนหรือระดมทุนในโปรเจ็กต์หรือเพลงนั้น ๆ ในการทำเช่นนี้ พวกเขาจะเป็นเจ้าของส่วนหนึ่งของเพลงนั้น การเชื่อมต่อระหว่างศิลปินกับแฟนเพลงโดยตรงนี้ช่วยให้สามารถสนับสนุนและลงทุนในเพลงที่แฟน ๆ ชื่นชอบได้โดยตรง ส่งเสริมสายสัมพันธ์และความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างศิลปินและผู้ฟัง
นอกจากนี้ NFT ยังสร้างวิธีใหม่ในการสร้างรายได้จากเพลง โดยแฟน ๆ สามารถมีส่วนร่วมในความสำเร็จของผลงานของศิลปิน และอาจได้รับประโยชน์จากการชื่นชมคุณค่าเมื่อเวลาผ่านไป มันได้สร้างระบบนิเวศที่กระจายอำนาจและครอบคลุมมากขึ้น เพิ่มศักยภาพให้ศิลปินและทำให้พวกเขาสามารถควบคุมผลงานสร้างสรรค์และกระแสรายได้มากขึ้นด้วย
คุณจินตนาการถึงอนาคตของวงการดนตรีอย่างไร เมื่อพิจารณาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและภูมิทัศน์ทางดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างเพลงที่ผลิตโดย AI, วงดนตรีเสมือนในโลก NFT , ไปจนถึงคอนเสิร์ตที่มีการใช้งานเทคโนโลยี AR
อนาคตของดนตรีนั้นน่าตื่นเต้นอย่างมากเลยครับ มันน่าสนใจในทุก ๆ สิ่งเลยผมอยากจะลองนำมันมาใช้ในการสร้างงานศิลปะของผม อย่างเช่นการทำวงดนตรีในโลกเสมือน การแสดงสดที่ใช้เทคโนโลยี Augmented Reality (AR) และแม้แต่การรวม NFT เข้ากับการทำเพลง ผมมีไอเดียเหล่านี้ลอยอยู่ในหัวผมเต็มไปหมด และผมแค่อยากจะรู้ว่าผมจะเชื่อมต่อจุดเหล่านี้ให้กลายเป็นประสบการณ์ที่เชื่อมต่อกันเป็นประสบการณ์หนึ่งเดียวได้ยังไง
ด้วยเทคโนโลยีเหล่านี้เราจะมีโอกาสสร้างดิจิทัลคอนเทนต์และประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งแฟน ๆ สามารถเป็นเจ้าของมันได้และสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับตัวงานและศิลปินมากขึ้น เพิ่มมูลค่าและความพิเศษให้กับเพลงของเรา นอกจากนี้เทคโนโลยี AI ยังสามารถมีบทบาทสำคัญในกระบวนการผลิต ซึ่งช่วยให้สร้างสรรค์ผลงานเพลงที่เป็นนวัตกรรมและมีความเป็นเอกลักษณ์ได้ด้วย
การขยายของเขตในการทำเพลงเพื่อรองรับการเล่าเรื่องข้ามสื่อเป็นอีกช่องทางที่น่าสนใจในการค้นหาสิ่งใหม่ ๆ ด้วยการผสมผสานรูปแบบสื่อต่าง ๆ เช่น VR, AR และแม้แต่งานแบบ interactive ศิลปินสามารถสร้างประสบการณ์ที่ดื่มด่ำและมีส่วนร่วมมากขึ้นสำหรับผู้เสพงานของเรา สิ่งนี้เปิดโอกาสใหม่ ๆ สำหรับแฟน ๆ ในการเชื่อมต่อกับเพลงของเราในหลายระดับ และมอบการมีส่วนร่วมที่ลึกซึ้งและโต้ตอบกันและกันได้มากขึ้น
การค้นหาวิธีเชื่อมต่อองค์ประกอบทั้งหมดเหล่านี้เข้าด้วยกันอย่างลงตัวถือเป็นความท้าทายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ด้วยการวางแผนอย่างรอบคอบและการดำเนินการที่สร้างสรรค์ เราจะสามารถสร้างประสบการณ์ที่เหนียวแน่นและน่าดึงดูดสำหรับแฟน ๆ ของคุณได้ การสำรวจความเป็นไปได้มากมายจากการผสานสื่อประเภทต่าง ๆ ที่หลากหลายสามารถยกระดับศิลปะและวงการดนตรีได้ครับ
ทำไมคุณถึงสนใจที่จะขยายงานเพลงของคุณไปสู่พรมแดนของการทำงานข้ามสื่อ (Transmedia) คุณเห็นโอกาสและความท้าทายอะไรบ้างในการรวมดนตรีเข้ากับสื่อทางศิลปะอื่น ๆ
ในฐานะนักสร้างสรรค์ ในแต่ละวันผมแค่อยากจะสร้างสรรค์งานอะไรออกมา ไม่ว่ามันจะเป็นดนตรี เป็นงานวิชวล วิดีโอเกม หรืออะไรก็แล้วแต่ สิ่งสำคัญคืออย่าจำกัดตัวเอง หากคุณมีไอเดียอย่าลังเลที่จะลองทำมันดูและนำมันออกสู่โลกกว้าง ด้วยการสำรวจแนวคิดใหม่ ๆ และก้าวข้ามขีดจำกัด เราจะมีโอกาสค้นพบศักยภาพสูงสุดของเราและสร้างสิ่งที่ไม่เหมือนใครอย่างแท้จริง เป็นสิ่งที่สดใหม่และเปี่ยมไปด้วยความหวัง และผลที่ตามมาก็อาจเป็นการที่มันสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นให้กล้าที่จะทดลองทำอะไรให้มากกว่าเดิม และเลิกที่จะกลัวว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับเรา
คุณช่วยเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์ในช่วงเริ่มแรกของคุณเกี่ยวกับดนตรีและความหลงใหลในศิลปะที่ส่งผลต่อการสร้างสรรค์ของคุณในทุกวันนี้ได้ไหม
โอ้ มันเป็นเรื่องที่ยาวมากเลยครับ แต่เพื่อไม่ให้มันน่าเบื่อ ผมจะเล่าสรุป ๆ นะครับว่า ผมเริ่มต้นเป็นดีเจตั้งแต่อายุ 15 ปีและได้รับแรงบันดาลใจจากแนวเพลงต่าง ๆ ที่อยู่ในคอลเล็กชันแผ่นเสียงที่ผมสะสมไว้ เช่น ฮิปฮอป แจ๊ส และฟังก์ และพอผมมีประสบการณ์การเป็น DJ มากขึ้น ๆ ผมก็เลยอยากที่จะสร้างเพลงที่มาจากความคิดสร้างสรรค์และมุมมองของตัวเองบ้าง
จากนั้นผมก็มาเล่นกีตาร์และเป็นส่วนหนึ่งของวงดนตรีต่าง ๆ หลายวงเลยครับ รวมถึงผมเคยทำวงและเล่นดนตรีในญี่ปุ่นกับวงดนตรีแนวฟังก์ร็อก เดินสายทัวร์ตามแถบคันไซ ทำให้ผมได้ขยายขอบเขตทางดนตรีให้กว้างขึ้น และเปิดโอกาสให้ผมได้สำรวจสไตล์และวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่หลากหลาย
จนเมื่อ 5 ปีก่อน ผมกลับมาที่สิงคโปร์ ซึ่งนอกจากจะทำเพลงของตัวเองแล้ว ผมยังทำธุรกิจของตัวเองเพื่อให้บริการผู้อื่นด้วยการเปิดสตูดิโอเพลง ซึ่งไม่เพียงแต่มอบโอกาสให้กับครีเอทีฟและศิลปินรายอื่น ๆ เท่านั้น แต่ยังเป็นช่องทางธุรกิจที่แยกจากการสร้างสรรค์ ซึ่งช่วยขจัดความกดดันบางประการที่เกี่ยวข้องกับการสร้างสรรค์งานเพลง จะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องทำมันเพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้าเท่านั้น การมีอิสระและไม่ถูกผูกมัดด้วยข้อจำกัดทางการค้า ทำให้ผมสามารถมุ่งเน้นไปที่การสร้างสรรค์เพลงที่จริงใจและมีความบริสุทธิ์ได้อย่างแท้จริงครับ
คุณมีอะไรอยากบอกกับแฟน ๆ ชาวไทยบ้าง
ผมชอบอาหารไทยมากเลยครับ โดยเฉพาะอาหารสตรีทฟู้ด มันยอดเยี่ยมมาก ๆ เลยล่ะ และก็ผมขอฝากผลงานเพลงของผมทั้งเพลงใหม่คือ “kid” และเพลงอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ซึ่งคุณสามารถเข้าไปรับชมได้ที่ jayefunk มีทั้งเพลง มิวสิกวิดีโอ วิดีโอเกมของผมและอื่น ๆ อีกมากมายเลยครับ และหวังว่าพวกคุณจะส่งข้อความมาหรือ DM มาหาผมนะครับ ผมอยากรู้ว่าทุกคนรู้สึกอย่างไรกับผลงานของผมบ้าง ส่งมาแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะได้เลยนะครับ ขอบคุณมาก ๆ ครับ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส