The Hollywood Reporter ได้รายงานว่า เจมส์ วาน (James Wan) ผู้กำกับ ‘Aquaman and the Lost Kingdom’ ได้เปิดเผยถึงการเปลี่ยนผ่านจากแฟรนไชส์ DCEU (DC Extended Universe) ที่ แซ็ก สไนเดอร์ (Zack Snyder) วางแผนไว้ ไปสู่แฟรนไชส์ DCU (DC Universe) ที่ เจมส์ กันน์ (James Gunn) เป็นผู้นำร่วม
วานได้ยืนยันว่า มีเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางอย่างใน ‘Aquaman and the Lost Kingdom’ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการเปิดตัวแฟรนไชส์ DCU ในอนาคต และรองรับการ “รีเซตเล็ก ๆ” ที่จะเริ่มเกิดขึ้นใน ‘The Flash’ ที่มีกำหนดฉายในวันที่ 15 มิถุนายน 2023 นี้ แต่มิได้กระทบเส้นเรื่องหลักของภาพยนตร์แต่อย่างใด
“ผมต้องถ่ายทำเพิ่มเติมลงไป แฟรนไชส์ DCU ถูกเปลี่ยนมาหลายเวอร์ชัน และสิ่งที่เป็นความท้าทายอย่างยิ่งคือต้องปะติดปะต่อเรื่องราวต่าง ๆ เข้ากันให้ได้ แต่โชคดีที่จักรวาล ‘Aquaman’ นั้น อยู่ในโลกที่ห่างไกลจากเรื่องอื่น เราสร้างอาณาจักรใต้น้ำที่ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับตัวละครอื่น ๆ ในแฟรนไชส์ได้ ดังนั้นผมจึงสามารถเล่าเรื่องของตนเองได้โดยไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ในขณะเดียวกันผมก็ต้องตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปด้วย”
‘Aquaman and the Lost Kingdom’ ยังคงได้ เจสัน โมโมอา (Jason Momoa) กลับมารับบทซูเปอร์ฮีโรผู้ครอบครองอาณาจักรใต้มหาสมุทรเช่นเดิม หลังจากที่ได้ปรากฏตัวครั้งแรกร่วมกับ Superman (รับบทโดย เฮนรี แควิลล์), Wonder Woman (รับบทโดย กัล กาด็อต) และ Batman (รับบทโดย เบน แอฟเฟล็ก) ใน ‘Justice League’ (2017) ตามด้วยผลงานฉายเดี่ยวใน ‘Aquaman’ (2018) ที่ประสบความสำเร็จด้านรายได้อย่างสูง
ในตอนนี้ อนาคตของ ‘Aquaman’ กับแฟรนไชส์ DCU ในอนาคต ดูเหมือนจะยังได้รับความสนใจจากผู้บริหารอยู่ เช่นเดียวกับ ‘The Flash’ ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนั้นถูกวางให้เป็นบทเริ่มต้นของการเปลี่ยนถ่ายไปสู่จักรวาล DCU ที่จะเปิดหัวด้วย ‘Superman: Legacy’ ของกันน์ ซึ่งมีกำหนดฉายในวันที่ 11 กรกฎาคม 2025
‘Aquaman and the Lost Kingdom’ มีกำหนดฉายในวันที่ 21 ธันวาคม 2023
ที่มา : ScreenRant
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส