แม้ว่าจะประสบปัญหาด้านคำวิจารณ์และรายได้ในสหรัฐฯ ที่ไม่สูงเท่าไรนัก แต่ล่าสุดเว็บไซต์ Collider ได้รายานว่า ‘Fast X’ ทำรายได้ทั่วโลกไปถึง 603.7 ล้านเหรียญ แล้วในขณะนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้ทั่วโลกปี 2023 สูงสุดลำดับที่ 3 ในขณะนี้ รองจาก ‘The Super Mario Bros. Movie’ และ ‘Guardians of the Galaxy Vol.3’ ที่ทำไป 1,300 ล้านเหรียญ และ 780.1 ล้านเหรียญ ตามลำดับ
‘Fast X’ นั้น ทำรายได้ในสหรัฐฯ ไปเพียง 128.5 ล้านเหรียญ ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 9 ของแฟรนไชส์ ‘Fast and Furious’ รองจาก ‘The Fast and the Furious’ ภาคแรกเมื่อปี 2001 ที่ทำไว้ 144.5 ล้านเหรียญ ในขณะที่ ‘Furious 7’ (2015) นั้นทำรายได้สูงสุดอยู่ที่ 353 ล้านเหรียญ
ในขณะที่รายได้รวมทั่วโลกนั้นค่อนข้างน่าประทับใจ ทำให้ ‘Fast X’ ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 6 ของแฟรนไชส์ รองจาก ‘Fast Five’ (2011) ที่ทำไว้ 630 ล้านเหรียญ ในขณะที่ ‘Furious 7’ ทำรายได้ทั่วโลกสูงสุดของแฟรนไชส์ อยู่ที่ 1,512 ล้านเหรียญ
อย่างไรก็ดี ‘Fast X’ นั้น ใช้ทุนสร้างสูงสุดในแฟรนไชส์ถึง 340 ล้านเหรียญ รองลงมาคือ ‘The Fate of the Furious’ ที่ใช้ทุนสร้าง 250 ล้านเหรียญ
เดิมทีนั้น ‘Fast X’ ถูกวางตัวให้เป็นปฐมบทของภาคสุดท้ายของแฟรนไชส์ที่จะบใน ‘Fast 11’ ในปี 2025 แต่เมื่อไม่นานมานี้ วิน ดีเซล (Vin Diesel) ผู้อำนวยการสร้างและนักแสดงนำของแฟรนไชส์นี้ ได้เปิดเผย Universal ได้ขอให้แบ่งบทสรุปของแฟรนไชส์ออกเป็น 3 ภาค
นั่นทำให้ชะตากรรมของตัวละครในแฟรนไชส์นี้จะถึงสุดสิ้นสุด ‘Fast 12’ ซึ่งจะได้ ดเวย์น จอห์นสัน (Dwayne Johnson) กลับมาร่วมทีม โดยทั้งดีเซลและจอห์นสันกล่าวว่าได้ทิ้งเรื่องผิดใจทิ้งไปหมดแล้ว และพร้อมจะเดินหน้าเพื่อแฟรนไชส์และแฟน ๆ ที่พวกเขารักเต็มที่
ที่มา : ScreenRant
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส