คนไทยได้รู้จักกับอันตรายของการสำรวจถ้ำจากเหตุการณ์ “13 หมูป่า” เมื่อปี 2018 ว่าภายในถ้ำนั้น เต็มไปด้วยซอกหลืบมากมายที่คดเคี้ยว แม้เส้นทางบางช่วงมนุษย์จะสามารถคืบคลานผ่านไปได้ แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ อย่างในภารกิจช่วยชีวิต 13 หมูป่านั้นเราก็ต้องสูญเสียจ่าแซมไปด้วยเหตุสุดวิสัยเช่นเดียวกันนี้

แต่ในต่างประเทศ การสำรวจถ้ำนั้นไม่ว่าจะเป็นถ้ำที่แห้งหรือถ้ำที่ต้องดำน้ำสำรวจ ต่างก็เป็นกิจกรรมสุดท้าทายสำหรับผู้ที่หลงใหลในกิจกรรมนี้ ยิ่งถ้ำไหนได้ชื่อว่าอันตราย หรือมีเส้นทางที่ยากเย็นแสนเข็ญก็ยิ่งเป็นเป้าหมายสุดท้าทายของเหล่านักสำรวจถ้ำ อย่างเช่นถ้ำนัตตี้พัตตี้ (Nutty Putty) ในเมองซอลต์เลก รัฐยูทาห์ นั้นก็เป็นถ้ำยอดนิยมของเหล่านักสำรวจถ้ำ เพราะได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในถ้ำที่อันตรายที่สุด และชื่อ Nutty Putty นั่นก็มีที่มาจากผนังด้านในถ้ำที่มีผิวอ่อนนุ่มเหมือนกับสีที่ใช้โป๊ผนัง

ทางเข้าถ้ำนัตตี้พัตตี้

ในวันนี้ ไม่มีนักสำรวจถ้ำคนใดสามารถเข้าไปในถ้ำนัตตี้พัตตี้ได้อีกต่อไป เพราะทางรัฐได้ทำการปิดตายทางเข้าถ้ำด้วยคอนกรีตมาตั้งแต่ปี 2009 แล้ว หลังจากเกิดเหตุโศกสลด กับการเสียชีวิตของ จอห์น เอ็ดเวิร์ด โจนส์ (John Edward Jones) นักสำรวจถ้ำ และเป็นการตายที่เชื่อกันว่า โจนส์จะต้องเผชิญกับความอึดอัดทรมานอย่างสุดแสนก่อนที่จะหมดลมหายใจ เนื่องจากร่างของเขาอยู่ในท่าห้อยหัวลงเพราะติดอยู่ในอุโมงค์แคบเป็นเวลา 28 ชั่วโมง

จอห์น เอ็ดเวิร์ด โจนส์ ผู้พิสมัยการสำรวจถ้ำมาตั้งแต่เด็ก

จอห์น เอ็ดเวิร์ด โจนส์ เป็นนักศึกษาแพทย์ วัย 26 ปี เขาเป็นผู้ที่หลงใหลในกิจกรรมสำรวจถ้ำมาตั้งแต่เยาว์วัย ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2009 เขาและจอช น้องชายของเขา รวมไปถึงเพื่อน ๆ อีก 11 คนได้ชวนกันลงไปในถ้ำนัตตี้พัตตี้ จอห์นพบกับเหตุวิกฤตเมื่อเขามุดอุโมงค์ผ่านเส้นทางไปยังจุดที่รู้จักกันในชื่อ “Birth Canal” ซึ่งเป็นช่องทางที่แคบมาก นักสำรวจจะต้องคลานกระดืบเข้าไปทีละนิด ทีละนิด ตลอดระยะทาง 120 เมตรนับจากทางเข้าถ้ำ ซึ่งจอห์นเลือกที่จะสำรวจเส้นทางนี้ก็เพราะเขาจำได้ว่าเคยผ่านเส้นทางนี้มาแล้วเมื่อตอนยังเด็ก

จนมาถึงจุดที่เป็นทางหักศอกรูปตัว L แล้วยังเป็นช่วงที่แคบที่สุด กว้างคูณยาวที่ 25 x 46 ซม. เท่านั้น ทำให้ร่างของจอห์นติดคาอยู่ที่จุดนั้นในลักษณะห้อยหัวลง แน่นอนว่าเขาไม่มีทางที่จะถอยหลังกลับได้ จอห์นจึงพยายามหายใจออกให้มากที่สุด เพื่อให้ลำตัวลีบลงแล้วจะได้กระดืบร่างผ่านจุดนั้นไปได้ แต่พอหมดแรงกลั้นหายใจ จำต้องหายใจเข้าอีกครั้ง หน้าอกของเขาก็ขยายตัวออก และทำให้ร่างจอห์นติดแหง็กคาอยู่จุดนั้น

จอชตามมาพบพี่ชายเป็นคนแรก จอชคว้าขาของจอห์นไว้แล้วพยายามดึงตัวพี่ชายขึ้นมา แต่ไม่สำเร็จ ยิ่งพยายามดึง ร่างจอห์นก็ยิ่งไถลลึกลงไปอีก จอห์นล็อกตัวเองคาอุโมงค์ในท่าที่แขนของเขาสอดอยู่ใต้อก เมื่อหมดสิ้นหนทางจะช่วยพี่ชาย จอชรีบออกจากถ้ำไปแจ้งเหตุฉุกเฉินขอความช่วยเหลือจากหน่วยกู้ภัย

จอห์น เอ็ดเวิร์ด โจนส์ และภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์

หน่วยกู้ภัยจากสำนักงานนายอำเภอยูทาห์เคาน์ตี้รีบรุดมายังที่เกิดเหตุทันที แล้วหน่วยกู้ภัยก็พบว่า “จอห์นอยู่ในตำแหน่งที่เลวร้ายที่สุดของเส้นทางในถ้ำนี้”
“มันเป็นช่วงที่แคบมาก และน่าอึดอัดมาก ยากมากที่หน่วยกู้ภัยจะลงไปยังจุดนั้นได้ มันเป็นจุดที่คับแคบจริง ๆ แต่เราก็พยายามกันจนไปใกล้ตัวเขาได้ บางช่วงเราก็จับมือเขาได้”
ชอว์น ราวนด์ดี หนึ่งในหน่วยกู้ภัยเล่าเหตุการณ์

ขาของจอห์นขณะติดอยู่ในช่องแคบรูปตัว L

ในที่สุด หน่วยกู้ภัยก็เลือกใช้ระบบรอกเชือก แล้วสามารถดึงร่างของจอห์นให้ขยับถอยออกมาได้ แต่ถึงตอนนั้น จอห์นก็อยู่ในท่าห้อยหัวมา 8 ชั่วโมงแล้ว ทางหน่วยกู้ภัยก็สามารถส่งน้ำและอาหารไปให้เขาได้ จอห์นยังสามารถพูดกับภรรยาของเขาผ่านวิทยุตำรวจได้ด้วย

ในขณะที่ทุกคนกำลังเริ่มที่จะโล่งใจ แต่แล้วก็เกิดเหตุพลิกผันให้ทุกคนใจสลาย

ระบบรอกขัดข้องกะทันหันแล้วส่งร่างจอห์นกลับไปยังตำแหน่งเดิม ปฏิบัติการช่วยเหลือถอยหลังกลับมาเริ่มนับ 1 ใหม่อีกครั้ง
“ถึงตอนนี้ร่างกายเขาไม่ค่อยไหวแล้ว เพราะเขาเจอแรงกดทับบนหน้าอกและแผ่นหลังหนักมาก แต่ร่างกายเขาก็มีความยืดหยุ่นอย่างเหลือเชื่อเลยนะ และมีกำลังใจดีมากสำหรับคนที่เผชิญสถานการณ์แบบนี้นะ”
จ่าสิบเอกสเปนเซอร์ แคนนอน กล่าวกับผู้สื่อข่าว

เจ้าหน้าที่กู้ภัยใช้เครื่องสกัดหินเพื่อช่วยชีวิตจอห์น

หน่วยกู้ภัยลองใช้วิธีอื่น คราวนี้ใช้เครื่องสกัดหินมากะเทาะหินรอบ ๆ ตัวจอห์นออก แต่เมื่อปฏิบัติการช่วยเหลือดำเนินไปเป็นเวลา 24 ชั่วโมงแล้ว ร่างกายของจอห์นที่เผชิญแรงกดทับและความเครียดมายาวนาน และพยายามกระเสือกกระสนที่จะหายใจอยู่หลายชั่วโมง และแล้วร่างของจอห์นก็ไร้ปฏิกิริยาตอบสนองในช่วงใกล้เที่ยงคืน

อินโฟกราฟิกแสดงวิธีการช่วยเหลือจอห์น

ปฏิบัติการช่วยเหลือเป็นอันยุติลง ทางรัฐตัดสินใจปิดทางเข้าถ้ำด้วยคอนกรีตในขณะที่ร่างจอห์นยังคงถูกทิ้งคาไว้ในถ้ำตลอดไป

แม้ว่าจะปิดด้วยสาเหตุที่มีนักสำรวจถ้ำเสียชีวิตภายในถ้ำ แต่ก็มีนักสำรวจหลายรายแสดงความไม่พอใจที่ทางรัฐยูทาห์ปิดถ้ำ มีนักสำรวจบางรายดื้อดึงถึงขนาดพังทางเข้าแล้วแอบเข้าไปในถ้ำ

ทางหน่วยงานจึงตัดสินใจขั้นเด็ดขาด ทำการปิดตายถ้ำด้วยการเทคอนกรีตและระเบิดทางเข้า ซึ่งทางหน่วยงานก็ชี้แจงชัดเจนว่า ปิดตายถ้ำด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัย และการที่ใช้เครื่องมือหนักสกัดหินในระหว่างช่วยชีวิตจอห์นก็อาจจะมีผลกระทบให้เกิดความไม่ปลอดภัยตามมาได้

ป้ายอนุสรณ์สถานแด่จอห์น ใกล้ทางเข้าถ้ำนัตตี้พัตตี้

แต่เหล่านักสำรวจถ้ำท้องถิ่นหลายรายก็ยังไม่เห็นชอบด้วยกับการปิดตายถ้ำ พวกเขาอ้างว่าทางหน่วยงานควรปรึกษากับเหล่านักสำรวจถ้ำก่อนที่จะดำเนินการปิดตาย
“แค่เพราะเกิดเหตุสลดใจ นั่นไม่ได้หมายความคุณจะต้องปิดถ้ำนะ”
แดเนียล คิมเบอร์ คาเวอร์ นักสำรวจถ้ำท้องถิ่นกล่าว

“ตอนที่ฉันได้ยินเขาปิดถ้ำโดยไม่รับฟังความเห็นของพวกเรา ฉันคิดว่ามันเป็นการกระทำที่ไร้สาระมาก ผมคิดว่าพวกเราควรมีสิทธิ์มีเสียงที่จะพูดอะไรได้บ้าง ผมเข้าใจอยู่หรอกว่ามันเป็นกิจกรรมที่เสี่ยงอันตราย แต่มันก็เป็นกิจกรรมที่พวกเรารัก”
ไคล์ พาร์กเกอร์ อีกหนึ่งนักสำรวจถ้ำเผยความรู้สึก

แม้จะมีเสียงเรียกร้องจากเหล่านักสำรวจถ้ำ แต่อย่างไรก็ตาม ถ้ำนัตตี้พัตตี้ก็ถูกปิดตายโดยถาวรไปแล้ว และมันได้กลายเป็นอนุสรณ์สถานแด่ จอห์น เอ็ดเวิร์ด โจนส์ ผู้โชคร้าย

ที่มา : dailyrecord ladbible wikipedia