Deadline ได้รายงานว่า ‘Insidious: The Red Door’ ภาพยนตร์สยองขวัญล่าสุดในแฟรนไชส์ ‘Insidious’ ที่ เจมส์ วาน (James Wan) เป็นผู้อำนวยการสร้างและกำกับภาคแรก ๆ เอาไว้นั้น เปิดตัวสุดสัปดาห์แรกขึ้นอันดับที่ 1 ของบ็อกซ์ออฟฟิศสหรัฐฯ (7 – 9 กรกฎาคม 2023) ด้วยรายได้ 32.65 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างเพียง 16 ล้านเหรียญ
นี่เป็นรายได้เปิดตัวสูงสุดลำดับที่ 2 ของแฟรนไชส์ รองจาก ‘Insidious: Chapter 2’ (2013) ที่ทำรายได้เปิดตัวไว้สูงถึง 40.2 ล้านเหรียญ และทำให้ภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ฟอร์มยักษ์อย่าง ‘Indiana Jones and the Dial of Destiny’ ตกมาอยู่อันดับที่ 2 ด้วยรายได้ 26.5 ล้านเหรียญ
สำหรับรายได้รวมทั่วโลกของ ‘Insidious: The Red Door’ นั้น อยู่ที่ 64.05 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างเพียง 16 ล้านเหรียญ ส่วน ‘Indiana Jones and the Dial of Destiny’ นั้น ทำรายได้รวมทั่วโลกจากการฉาย 2 สัปดาห์ ไป 247.9 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างราว 250 – 300 ล้านเหรียญ
ปี 2023 นี้ ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปีทองสำหรับภาพยนตร์สยองขวัญ โดยนอกจาก ‘Insidious: The Red Door’ จากค่าย Sony แล้วนั้น สตูดิโอใหญ่หลายรายก็ประสบความสำเร็จกับภาพยนตร์สยองขวัญ ยกตัวอย่างเช่น ‘Evil Dead Rise’ ของ Warner Bros. และ ‘M3GAN’ กับ ‘The Black Phone’ ของ Universal เป็นต้น
ทั้งนี้มีรายงานว่า หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ ‘Insidious: The Red Door’ ประสบความสำเร็จด้านรายได้นั้น มาจากกลยุทธ์ของ ทอม รอธแมน (Tom Rothman) ประธานและซีอีโอของ Sony Motion Group ที่เลือกกำหนดการฉายได้อย่างชาญฉลาด โดยกำหนดให้ภาพยนตร์เข้าฉายหลัง ‘Indiana Jones and the Dial of Destiny’ และก่อนที่ ‘Mission: Impossible – Dead Reckoning Part One’ ของ ทอม ครูซ (Tom Cruise) จะเข้าฉายเพียง 1 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงรอยต่อที่ผู้ชมต้องการภาพยนตร์ที่ฟอร์มกลาง ๆ ที่จะสร้างความบันเทิงอย่างพอเหมาะ ก่อนที่จะรับชมภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ต่อไป
ที่มา : Deadline
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส