เควิน สเปซีย์ (Kevin Spacey) นักแสดงวัย 63 ปี ขึ้นให้การโต้แย้งต่อศาลเซาท์วาร์กคราวน์ในกรุงลอนดอน เมื่อวันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม ต่อ 12 ข้อกล่าวหา ในคดีล่วงละเมิดทางเพศต่อชาย 4 คน ในอังกฤษ ระหว่างปี 2001 – 2013 เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่สเปซีย์ใช้ชีวิตส่วนใหญ่และทำงานในอังกฤษ รวมถึงเหตุผลที่ว่า เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการศิลป์ประจำโรงละคร Old Vic ในกรุงลอนดอนมาตั้งแต่ปี 2003 ด้วย
ผู้เสียหายทั้ง 4 ราย กล่าวว่าสเปซีย์ลวนลามพวกเขาอย่างอุกอาจ และหนึ่งในนั้นอ้างว่า ขณะที่เขาหมดสติอยู่ในแฟลตของเขา สเปซีย์ก็ทำออรัลเซ็กส์ให้เขา ซึ่งสเปซีย์ก็แย้งข้อกล่าวหานี้ว่า “เป็นข้อมูลที่ผิดอย่างสิ้นเชิงและชวนให้อารณ์เสีย”
ในระหว่างที่ตอบโต้กับอัยการ คริสติน แอกนิว (Christine Agnew) ในห้องพิจารณาคดีนั้น สเปซีย์แสดงอาการหัวร้อนอย่างเห็นได้ชัด สเปซีย์ยังปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าเขา ‘ชอบตะปบที่เป้าผู้ชาย’ ที่เขาสนใจเป็นประจำจนกลายเป็นเหมือน ‘ เครื่องหมายการค้า’ ของเขาไปแล้ว สเปซีย์โต้แย้งกับอัยการด้วยอารมณ์และถ้อยคำที่รุนแรง จนผู้พิพากษาต้องออกมาปรามทั้งสองฝ่าย
จากนั้นอัยการก็ถามสเปซีย์ถึงกรณีที่ชายผู้เสียหายอ้างว่า สเปซีย์ตะปบเขาเข้าที่เป้ากางเกงอย่างกับ “งูเห่า” เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงกลางทศวรรษที่ 2000’s สเปซีย์ก็โต้กลับทันทีว่าข้อมูลที่ผู้เสียหายอ้างมานั้น
“ล้วนเป็นเรื่องที่กุขึ้นเองตั้งแต่ต้นจนจบ” ซึ่งตรงจุดนี้ สเปซีย์กล่าวด้วยคำสบถของอังกฤษว่า “absolute bollocks!” ซึ่งแปลได้ว่า “ตอแหลทั้งเพ” ซึ่งสเปซีย์เอ่ยออกมาท่ามกลางห้องพิจารณาคดีที่แน่นขนัดไปด้วยผู้คน
ทันใดนั้น อัยการแอกนิวก็ย้อนกลับด้วยคำพูดของสเปซีย์เองว่า “ใช่เลย เพราะตรงนั้นล่ะที่คุณตะปบเขาไว้” (อีกความหมายหนึ่งของ Bullock คือลูกอัณฑะ)
“ยังงั้นเลยเหรอ ?” สเปซีย์ถามกลับในขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมองผู้พิพากษา มาร์ก วอลล์ ด้วยสีหน้าแบบไม่เชื่อในสิ่งที่อัยการเอ่ย
“แล้วเขากล่าวหาผมในข้อหาว่าจับลูกอัณฑะเขารึเปล่าล่ะ ?”
ในจังหวะนี้ มีใครคนหนึ่งพูดออกมาว่า “ใช่สิ” แต่ผู้พิพากษาวอลล์ก็กำชับให้สเปซีย์ตอบคำถามต่ออัยการ
ซึ่งสเปซีย์ก็ตอบทันทีว่า “ผมไม่ได้ทำ”
เควิน สเปซีย์ ยังคงยืนกรานในคำให้การปฏิเสธของเขา ว่าเขาไม่เคยล่วงละเมิดทางเพศใด ๆ ต่อผู้กล่าวหา 3 รายจากใน 4 ราย ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2001 – 2013 ข้อกล่าวหาดังกล่าวนั้นยกระดับจาก ‘การสัมผัสที่ผู้ถูกกระทำไม่พึงประสงค์’ ไปสู่ ‘การลูบไล้อย่างรุนแรง’ อย่างกรณีที่ชายคนหนึ่งถูกออรัลเซ็กส์ในขณะที่หมดสติ
สเปซีย์โต้แย้งข้อกล่าวหาจากผู้เสียหายรายหนึ่งว่า “เป็นความเพ้อฝันล้วน ๆ ” ส่วนผู้เสียหายอีกสองรายนั้น สเปซีย์บอกว่าเป็นการกระทำที่มีความยินยอมร่วมกันทั้งสองฝ่ายซึ่งในภายหลังเขารู้สึกเสียใจต่อการกระทำนั้น ส่วนข้อกล่าวหาของผู้เสียหายรายที่ 4 นั้น สเปซีย์อ้างว่าน่าจะเป็น การแตะเนื้อต้องตัวแบบสะเปะสะปะ เพราะว่าในคืนนั้นเขาดื่มหนัก แต่เขายังคงปฏิเสธในเรื่องการจับไปที่เป้าของผู้เสียหาย
ตลอดการโต้ตอบถ้อยคำระหว่างกันนั้น สเปซีย์ไม่ค่อยมองหน้าอัยการแอกนิว แต่สเปซีย์มักจะมองไปทางคณะลูกขุน โดยที่เขาไม่สวมแว่นตา ส่วนอัยการแอกนิวก็มั่นใจว่าสเปซีย์มีความผิดในทุก ๆ ข้อกล่าวหา เธอยืนยันว่าผู้เสียหายที่เป็นพยานนั้นพูดความจริง แต่สเปซีย์ก็โต้แย้งว่าผู้เสียหายนั้นโกหก
อัยการแอกนิวยังกล่าวว่าพฤติกรรมของสเปซีย์นั้น ไม่ใช่เพียงแค่ ‘การแทะโลม’ ธรรมดาทั่วไป แต่นี่คือ ‘การข่มเหงทางเพศครั้งใหญ่’
“นั่นมันก็เป็นคำที่คุณตั้งขึ้นเอง” สเปซีย์ตอบโต้
แอกนิวย้อนเล่าถึงเหตุการณ์ในโรงภาพยนตร์อีกครั้ง ว่าในวันนั้นสเปซีย์นั่งถัดกับผู้เสียหายในโรงภาพยนตร์เพื่อชมการซ้อมการแสดงเพื่องานการกุศล แต่ภายหลังจากนั้นเมื่อทั้งคู่เข้าไปที่หลังเวที สเปซีย์ก็ลงมือ ‘ทำมัน’ ด้วยการตะปบเข้าไปที่อวัยวะเพศของผู้เสียหาย ซึ่งเขาบรรยายว่ามือของสเปซีย์นั้นเหมือนกับงูเห่าฉก
“ตอนนี้คุณกำลังแต่งเรื่องต่าง ๆ ขึ้นมาอยู่นะ” สเปซีย์กล่าวตอบโต้
อัยการแอกนิวก็เลยย้อนถามสเปซีย์ว่า ผู้เสียหายจะโกหกไปเพื่ออะไรกัน
สเปซีย์ก็ตอบทันทีว่า “เงิน เงิน แล้วก็เงิน”
สเปซีย์อ้างว่าการที่เขาเป็นคนดังนั้น เรื่องที่เขาจะมีเซ็กส์กับใครได้ตลอดเวลานั้นธรรมดามาก แต่ขณะเดียวกันเขากลับรู้สึก ‘เหงา’ เสียมากกว่า เพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะไว้ใจผู้คนได้
อัยการแอกนิวก็เลยสบโอกาสสวนถามไปทันทีว่า “อย่างนั้นคุณก็เลยเข้าหาผู้คนเพื่อบรรเทาความรู้สึเหงาอย่างนั้นหรือ ? “
“นี่แหละครับ ชีวิต ใช่ ใช่ครับผมทำเช่นนั้น”
สเปซีย์กล่าวต่อไปว่า เขาอาจจะมีพฤตกรรมสำส่อนในบ้างครั้ง แต่ “มันก็ไม่ได้ทำให้ผมเป็นคนเลว” หากเขาจะจีบใครสักคน ถ้าเขาเอื้อมมือไปลูบต้นขาของอีกฝ่าย นั่นคงเป็นการรุกคืบแรกที่ไม่เหมาะสมเป็นแน่
แม้ว่าเขาจะอ่านปฏิกิริยาตอบโต้จากเป้าหมายที่เขาพบในผับผิดพลาดไป แต่เขาขอค้านข้อกล่าวหาที่ว่าเขา “จับไปที่เป้ากางเกง” ของอีกฝ่าย
“ผมขอพูดตามที่ผมคาดคะเนนะครับ ว่ามันไม่ใช่การตะปบ ไม่ใช่การลูบคลำ แต่มันคือการสัมผัสที่นุ่มนวล”
“งั้นฉันว่า ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้นะคุณสเปซีย์ นี่มันคือพฤติกรรมปกติของคุณ” อัยการแอกนิวตอบโต้กลับ
ผู้เสียหายของสเปซีย์ทุกรายพร้อมใจกันออกมาร้องเรียน หลังจากกระแส #MeToo ได้รับแรงผลักดันในสหรัฐฯ เมื่อปี 2017
อัยการแอกนิวกล่าวต่อว่า สเปซีย์ได้ฉกฉวยประโยชน์จากพลังอำนาจของเขาในฐานะ “บุคคลสำคัญแห่งโรงละครลอนดอน” และเขามั่นใจว่าเหยื่อของเขาไม่กล้าที่จะให้การเอาผิดเขา
แต่สเปซีย์ก็โต้แย้งข้อกล่าวหานี้ว่า เขาใช้ตำแหน่งเขาเพื่อฟื้นฟูโรงละคร โอลด์ วิก ต่างหาก ในฐานะที่เขาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์มานานนับสิบปี เขาต้องการให้โรงละครกลับคืนสู่ความรุ่งเรืองดังเดิม
“ผมไม่ได้ถึงขั้นมีไม้กายสิทธิ์แบบที่จะโบกใส่หน้าใครที่ต้องการ แล้วคนนั้นจะมานอนกับผมได้หรอกนะ” สเปซีย์กล่าว
จากนั้นอัยการแอกนิวจึงเจาะจงซักถามสเปซีย์ถึงข้อหาที่ร้ายแรงที่สุดที่เขาเผชิญอยู่ในขณะนี้ กับข้อกล่าวหาที่ว่าเขาทำออรัลเซ็กส์ให้กับนักแสดงหน้าใหม่ที่เผลอหลับไปบนโซฟา แอกนิวย้อนถามสเปซีย์ในกรณีที่ สเปซีย์อ้างว่าการทำออรัลเซ็กส์ครั้งนั้นเป็นการกระทำที่สมยอมทั้งสองฝ่ายและเป็นไปด้วยความโรแมนติก ถ้าเป็นดังเช่นที่กล่าวอ้างแล้ว ด้วยเหตุใดสเปซีย์ถึงต้องรีบออกจากอะพาร์ตเมนต์แล้วโทรกลับไปหานักแสดงหนุ่มด้วยกความกังวล จะอ้างว่าเป็นการโทรผิดหรือโทรศัพท์โทรออกเองขณะใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงอย่างนั้นหรือ
สเปซีย์แย้งอัยการแอกนิวกลับว่า “นั่นมันทฤษฎีของคุณเอง”
“แต่นี่มันเป็นคดีที่อัยการฟ้องร้องนะคะ” อัยการแอกนิวตอบ
“แต่มันเป็นคดีที่อ่อนปวกเปียกไง” สเปซีย์สวนกลับ
จบไปอย่างเข้มข้นครับ รอติดตามข้อสรุปคดีนี้กันต่อไป