Insidious: The Red Door ออกฉายในสหรัฐฯ และอีกหลายประเทศเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา และสัปดาห์ต่อมาก็ต้องเจอกับยักษ์ใหญ่อย่าง ‘Mission: Impossible — Dead Reckoning Part One’แต่ก็เหมือนจะไม่เป็นปัญหาสำหรับหนังสยองขวัญฟอร์มเล็กเรื่องนี้ เพราะนับถึงขณะนี้ หนังกวาดรายได้ทั่วโลกไปผ่านพ้น 200 ล้านเหรียญไปเรียบร้อยแล้ว
การที่ ‘Insidious: The Red Door’สามารถฟาดฟันกับคู่แข่งเบอร์ใหญ่ ๆ ทั้ง ‘Indiana Jones and the Dial of Destiny’, ‘Spider-Man: Across the Spider-Verse’ และ ‘Elemental’ แล้วยังครองอันดับ 1 ได้ท่ามกลางสมรภูมิหนังซัมเมอร์ที่ร้อนระอุเช่นนี้ แถมยังได้จำนวนโรงฉายที่น้อยกว่าอีกด้วย และกำลังจะขึ้นแท่นหนังสยองขวัญที่ทำรายได้สูงที่สุดของปี 2023 ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว
อ้างอิงจากเว็บไซต์ The Numbers ‘Insidious: The Red Door’ ทำรายได้ในสหรัฐฯ เพิ่มไปอีก 13 ล้านเหรียญจากการเข้าฉายในสัปดาห์ที่ 2 นั่นเท่ากับรายได้ลดฮวบลงมาถึง 61% เป็นตัวเลขที่ตกลงค่อนข้างแรง แต่ถึงอย่างนั้นหนังก็ยังเรียกผู้ชมให้ออกมาซื้อตั๋วได้ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา และทำรายได้รวมในสหรัฐฯ ไปแล้วถึง 61 ล้านเหรียญ บวกกับรายได้นอกสหรัฐฯ อีก 156 ล้านเหรียญ นั่นทำให้รายได้รวมอยู่ที่ 217 ล้านเหรียญ หลังจากผ่านมาแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้น และเป็นกวาดรายได้ในช่วงที่หนัง Mission: Impossible กำลังเร่งกวาดรายได้ทั่วโลกอยู่ด้วย
‘Insidious: The Red Door’เป็นหนังภาคที่ 5 ของแฟรนไชส์ Insidious เป็นภาคแรกที่ แพทริก วิลสัน (Patrick Wilson) นักแสดงที่รับบทนำในแฟรนไชส์ Conjuring ด้วย ซึ่งวิลสันน่าจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับหนังสยองขวัญมาเพียงพอแล้ว ภาคนี้จึงขอประเดิมงานกำกับเป็นครั้งแรก และนับเป็นการออกสตาร์ทที่สวยงาม หนังใช้ทุนสร้างไป 16 ล้านเหรียญ แม้ว่าจะสูงกว่าภาคก่อน ๆ แต่ถ้ามองถึงรายได้รวมที่หนังรับไป ตัวเลขทุนสร้างเท่านี้จึงนับว่าน้อยนิดมาก
สัปดาห์นี้ ‘Insidious: The Red Door’จะต้องเจอกับคู่แข่งหน้าใหม่อย่าง “Barbie” และ “Oppenheimer”ซึ่งมีทั้งความสดใหม่และต้องแบ่งรอบและโรงฉายไปด้วย แต่ถึงอย่างนั้นหนังภาคนี้ก็ครองแชมป์ภาคที่ทำรายได้สูงที่สุดในแฟรนไชส์ไปแล้ว แซงหน้า ‘Insidious: The Last Key’ ภาคก่อนหน้าที่ทำตัวเลขไว้ที่ 172 ล้านเหรียญ และเป็นอีกเรื่องที่ทำให้ โซนี่ พิคเจอร์ ยิ้มหน้าบ้านสำหรับซัมเมอร์ปีนี้ เพราะ ‘Spider-Man: Across the Spider-Verse’ ที่ออกฉายไปเมื่อมิถุนายนก็เพิ่งกวาดรายได้ทั่วโลกไป 665 ล้านเหรียญ
การประสบความสำเร็จอย่างงดงามของ ‘Insidious: The Red Door’เป็นการตอกย้ำสถานะของหนังสยองขวัญ ที่ประสบความสำเร็จในบ็อกซ์ออฟฟิศตลอดมา นับตั้งแต่โรงหนังเริ่มฟื้นตัวมาตั้งแต่ปี 2022 หรือปีที่แล้วนี่
- ก็มีการประเดิมด้วย ‘Barbarian’ ที่ทำรายได้ไป 45 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างแค่ 5 ล้านเหรียญ,
- ‘Violent Night’ ทำรายได้ไป 76 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 20 ล้านเหรียญ
- ‘Scream’ ทำรายได้ไป 137 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 24 ล้านเหรียญ
- ‘The Black Phone’ ทำรายได้ไป 161 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 18 ล้านเหรียญ
- ‘Smile’ ทำรายได้ไป 217 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 17 ล้านเหรียญ
- ส่วนปีนี้ก็มี ‘M3GAN’ ทำรายได้ไป 179 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 12 ล้านเหรียญ
- ‘Evil Dead Rise’ ทำรายได้ไป 146 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 17 ล้านเหรียญ
- ‘Scream VI’ ทำรายได้ไป 169 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 35 ล้านเหรียญ
ด้วยผลลัพธ์เหล่านี้ ยิ่งมั่นใจได้ว่า เรา ๆ จะได้ดูหนังสยองขวัญกันอีกมาก และ Insidious ก็ไม่น่าจะหยุดอยู่เพียงแค่นี้ คาดว่า โซนี่ พิคเจอร์ คงกำลังคิดหาทางสร้างภาคแยกออกมาสร้างรายได้กันไปอีกยาว ๆ
ที่มา : slashfilm boxofficemojo