สุดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ มีภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ชนกัน 2 เรื่องคือ ‘Oppenheimer’ และ ‘Barbie’ เป็นหนังที่ต่างแนวกันสุดขั้ว จนสื่อตั้งชื่อเล่นให้ปรากฎการณ์นี้ว่า ‘Barbenheimer’ สำหรับคนที่ไม่รู้ที่มาทีไป ก็อาจจะเข้าใจว่า นี่มันก็เรื่องปกตินี่นะ สำหรับช่วงเวลาซัมเมอร์ของฮอลลีวูด ที่ต่างค่ายต่างก็ปล่อยหนังฟอร์มใหญ่มาชนกัน แต่ความเป็นจริงแล้วมันมีเรื่องราวเบื้องหลังที่ซับซ้อนกว่านั้น เพราะนี่คือการแลกหมัดกันระหว่าง คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) ผู้กำกับ ‘Oppenheimer’ และ วอร์เนอร์ บราเธอส์ (Warner Bros.) สตูดิโอผู้สร้าง ‘Barbie’

กล่าวได้ว่า แทบจะตลอดทั้งอาชีพผู้กำกับภาพยนตร์ของโนแลนนั้น เขาผลิตผลงานภายใต้ชายคาวอร์เนอร์มาโดยตลอด นับตั้งแต่ ‘Insomnia’ ปี 2002 เรื่อยมาจนถึง ไตรภาค ‘Dark Knight’ รวมไปถึง ‘Inception’ และ ‘Dunkirk’ ก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะราบรื่นดี คริสโตเฟอร์ โนแลน เปรียบได้กับเป็นลูกรักของวอร์เนอร์ เพราะหนังของโนแลนนั้นทำรายได้ให้กับวอร์เนอร์มาแล้วถึง 4,9xx ล้านเหรียญ
ชนวนแตกหักระหว่าง คริสโตเฟอร์ โนแลน กับ วอร์เนอร์ บราเธอส์

แต่จุดที่แตกหักระหว่างโนแลนกับวอร์เนอร์เริ่มขึ้นไม่นานนักหลังจากที่วอร์เนอร์เปิดตัว ‘Tenet’ ในเดือนกันยายน 2020 ซึ่งยังอยู่ในช่วงที่โควิด-19 แพร่ระบาด ทำให้รายได้จากยอดขายตั๋วไม่ถึงจุดคุ้มทุน ในสหรัฐฯ เก็บไปได้แค่ 58 ล้านเหรียญ ส่วนตลาดต่างประเทศ 301 ล้านเหรียญ ในขณะที่หนังใช้ทุนสร้างสูงถึง 205 ล้านเหรียญ วอร์เนอร์จึงตัดสินใจหาทุนคืนด้วยการปล่อยสตรีมมิง ‘Tenet’ วอร์เนอร์ประกาศอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม 2020 ว่าจะสตรีมมิง ‘Tenet’ ทาง HBO MAX ในเดือนพฤษภาคม 2021 ก็นับเป็นเวลา 8 เดือนแล้วหลังจากที่หนังออกฉายทางโรงภาพยนตร์ แต่ข่าวนี้ก็ทำให้โนแลนไม่พอใจอย่างมาก ในฐานะที่เขาเป็นผู้กำกับคนหนึ่งที่ยึดมั่นถือมั่นว่าภาพยนตร์ของเขาจะต้องฉายบนจอใหญ่เท่านั้น โนแลนวิพากษ์วิจารณ์วอร์เนอร์ในเรื่องนี้ด้วยถ้อยคำเผ็ดร้อนระหว่างให้สัมภาษณ์กับ The Hollywood Reporter ในเดือนธันวาคม 2020
“บรรดาผู้สร้างภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์หลายคนรวมไปถึงนักแสดงคนสำคัญต่างก็เข้านอนกันไปในคืนก่อน ก่อนนอนต่างก็คิดว่าพวกเขาได้ทำงานให้กับสตูดิโอภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่เมื่อตื่นมากลับพบว่าพวกเขาได้ทำงานให้กับบริษัทสตรีมมิงที่แย่ที่สุด”
จากนั้นต่างฝ่ายต่างก็เงียบหายกันไป จนเหมือนว่าคลื่นลมจะดูปกติแล้ว แต่ที่ไหนได้ ในเดือนกันยายน 2021 คริสโตเฟอร์ โนแลน ก็ประกาศว่าหนังเรื่องต่อไปของเขาจะเกี่ยวกับ เจ. โรเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์ บุรุษผู้สร้างระเบิดปรมาณู และเขาจะสร้างให้กับสตูดิโอยูนิเวอร์แซล
จากนั้นทางยูนิเวอร์แซลก็ประกาศกำหนดวันฉายของ ‘Oppenheimer’ ว่าเป็นวันที่ 21 กรกฎาคม 2023 ซึ่งวันที่ประกาศออกมานี้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก เพราะเป็นรูปแบบประจำของโนแลนอยู่แล้ว ที่หนังของเขาที่ผ่านมาก็เข้าฉายในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมมาโดยตลอด นับตั้งแต่ ‘The Dark Knight’ ในปี 2008 จะมียกเว้นก็แค่ ‘Interstellar’ ที่เข้าฉายในเดือนพฤศจิกายน ส่วน ‘Tenet’ นั้นก็วางกำหนดเดิมไว้เป็นกรกฎาคม แต่เลื่อนหลบโควิดมาเป็นกันยายน
วอร์เนอร์ บราเธอส์ ประกาศเปิดศึกท้าชน

แต่แล้วเค้าลางสงครามบ็อกซ์ออฟฟิศก็ส่อเค้าขึ้น เมื่อทางวอร์เนอร์ประกาศกำหนดวันฉายของ ‘Barbie’ โปรเจกต์ที่วอร์เนอร์เตรียมการสร้างมาอย่างยาวนาน เป็นวันที่ 21 กรกฎาคม เช่นเดียวกับ ‘Oppenheimer’ สามารถมองรูปการณ์นี้ได้ ทั้งเป็นเรื่องบังเอิญ หรือไม่ก็เป็นความจงใจของทางวอร์เนอร์เลยล่ะ ที่ต้องการแก้แค้นเอาคืนโนแลน อดีตลูกรักที่หันหลังให้กับค่ายเดิมอย่างไม่ใยดี
แหล่งข่าวบอกว่าโนแลนหัวเสียมาก เมื่อรู้ว่าวอร์เนอร์ปล่อย ‘Barbie’ มาฉายชนกับ ‘Oppenheimer’ของเขา พอสงครามบ็อกซ์ออฟฟิศดูเหมือนจะก่อเค้า นักข่าวหลายสำนักต่างก็พยายามที่จะสอบถามไปยังโนแลน ว่ามีความคิดเห็นอย่างไร
“คุณได้ดูหนัง ‘Barbie’ หรือยัง ?” นักข่าวถามโนแลนในวันแถลงข่าวหนัง ‘Oppenheimer’
“ยัง” โนแลนตอบห้วน ๆ แฝงความนัยว่าเขาไม่สนใจ
นักข่าวถามต่อว่า ปรากฎการณ์ ‘Barbenheimer’ นั้นมีเหตุมาจากความบาดหมางของเขากับวอร์เนอร์ใช่หรือไม่
“ตอนนี้ คุณต้องรู้ดีอยู่แล้วล่ะว่าผมจะไม่ตอบคำถามนี้” โนแลนตอบพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ “ผมขอตอบแบบนี้แล้วกันครับว่า สำหรับคนที่ชอบดูหนังในโรงภาพยนตร์ เราต่างรอคอยคืนวันแบบนี้ที่ตลาดหนังอัดแน่นไปด้วยหนังหลากหลายเรื่อง นั่นคือสิ่งที่ธุรกิจโรงภาพยนตร์ต้องการ และวันนี้โรงหนังก็เป็นแบบนั้นแล้ว พวกเราที่ชอบดูหนังต่างก็ตื่นเต้นกับบรรยากาศแบบนี้”
แหล่งข่าวเล่าว่า โนแลนไม่พอใจอย่างมากที่วอร์เนอร์กำหนดวันฉาย ‘Barbie’ มาชนกับ ‘Oppenheimer’ ทั้ง ๆ ที่วงการภาพยนตร์ต่างก็รู้กันดีว่า กลางเดือนกรกฎาคมนี้คือวันปล่อยหนังเรื่องใหม่ของเขา จนมีศัพท์เรียกกันว่า “Nolan’s weekend” มานานหลายปี สงครามนี้ร้อนไปถึงเหล่าผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ต่างก็ช่วยกันเจรจาโน้มน้าวให้วอร์เนอร์เลื่อนวันฉาย ‘Barbie’ ออกไป แต่ทางวอร์เนอร์ก็ยืนกรานกำหนดเดิม

ผู้เชี่ยวชาญต่างเชื่อกันว่าปรากฏการณ์ ‘Barbenheimer’นั้นเป็นความจงใจจากทางวอร์เนอร์ เพราะโดยปกติแล้ว สตูดิโอในฮอลลีวูดต่างก็หลีกเลี่ยงที่จะปล่อยหนังเบอร์ใหญ่มาชนกัน เพราะการเปิดตัวชนกันแบบนี้มีแต่เสียกับเสีย รายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศก็ต้องแบ่งสรรปันส่วนกันออกไป ได้น้อยลงด้วยกันทั้งคู่ แต่เกมนี้ก็เห็นได้ชัดว่า วอร์เนอร์มีความมั่นใจใน ‘Barbie’ ของเขา ว่าเป็นม้าศึกที่พร้อมสำหรับการท้าทายครั้งนี้ และเปิดเกมด้วยการโปรโมตอย่างหนักล่วงหน้าเป็นเวลาหลายเดือน เริ่มตั้งแต่ภาพของ มาร์โกต์ ร็อบบี (Margot Robbie) ในภาพลักษณ์ “บาร์บี้” และ ไรอัน กอสลิง (Ryan Gosling) ในภาพลักษณ์ของ “เคน” ทั้งคู่มาในชุดโรลเลอร์เบลดที่แมตช์กัน พอปล่อยโปสเตอร์แนะนำบรรดาตัวละครออกมา เหล่าตัวละครก็กลายเป็นมีมบนโลกออนไลน์ทันที เรื่องราวของ “วันสีชมพู” ในกองถ่าย และข่าวอื่น ๆ จากหนัง ‘Barbie’ ก็ได้รับความสนใจอย่างดีถึงขนาดที่ว่า สีทาบ้านสีชมพู ขาดตลาดกันเลยทีเดียว

ส่วนยูนิเวอร์แซล ก็ไม่ได้ออกมาสู้ศึกด้วยการโปรโมต ‘Oppenheimer’แต่อย่างใด เห็นเพียงแค่การปล่อยตัวอย่างหนังบนยูทูบที่เผยตัว คิลเลียน เมอร์ฟี (Cillian Murphy) ในบทนำ และมีเซอร์ไพรส์นิดหน่อย ด้วยการเผยว่า ฟลอเรนซ์ พิว (Florence Pugh) ก็เป็นหนึ่งในทีมนักแสดงนำด้วย ยูนิเวอร์แซลไม่มีกิจกรรมโปรโมตใด ๆ จนกระทั่งสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีการจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวหนังในกรุงนิวยอร์ก แต่ดูเหมือนจะสายเกินไปแล้ว เพราะหลายสื่อประเมินล่วงหน้ากันแล้วว่า สุดสัปดาห์แรกนี้ ‘Barbie’ น่าจะเปิดตัวในสหรัฐฯ ได้สูงถึง 80 ล้านเหรียญ ส่วน ‘Oppenheimer’ จะทำรายได้เพียง 40 ล้านเหรียญ
ถึงจะท้าชนแต่ก็ยังง้อให้กลับมา

ถึงแม้ว่ากลยุทธ์นี้จะเป็นการที่วอร์เนอร์ต้องการแก้แค้น หรือจะสั่งสอนโนแลน ก็ตามแต่ ถึงอย่างนั้นวอร์เนอร์ก็ยังต้องการง้อให้โนแลนกลับมา แต่ถ้าโนแลนตัดสินใจกลับมาก็ไม่ต้องตกอกตกใจกัน เพราะมันก็มีเค้าลางมาแบบนั้นแล้ว
ย้อนไปเมื่อเดือนมิถุนายน Variety รายงานว่า ไมเคิล เดอ ลูกา (Michael De Luca) และ แพม แอ็บดี (Pam Abdy) ประธานคนใหม่ของวอร์เนอร์ พวกเขาแสดงความจริงใจถึงขั้นส่งเช็คมูลค่าตัวเลข 7 หลักให้กับโนแลน เป็นรายได้ค่าลิขสิทธิ์จาก ‘Tenet’ เสมือนสื่อสันถวไมตรี และที่สำคัญ คริสโตเฟอร์ โนแลน และ เอ็มมา โธมัส (Emma Thomas) ภรรยาและผู้อำนวยการสร้างร่วมของเขา ต่างก็ยังมีสำนักงานอยู่ภายในสตูดิโอวอร์เนอร์
แหล่งข่าวรายหนึ่งให้ข้อมูลว่า เป็นไปได้ที่โนแลนจะกลับไปวอร์เนอร์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับ ‘Barbenheimer’ แต่เป็นเพราะความเคารพกันเป็นส่วนตัวที่โนแลนมีต่อ เดอ ลูกา และ แอ็บดี
แต่มีหรือที่ยูนิเวอร์แซล จะปล่อยโนแลนกลับไปง่าย ๆ เป็นที่น่าติดตามว่า ดอนนา แลงลีย์ (Donna Langley) ประธานยูนิเวอร์แซลจะใช้กลยุทธ์อะไรมารั้งโนแลนให้อยู่กับยูนิเวอร์แซลต่อไป หรือสุดท้ายเราได้เห็นหนังเรื่องต่อไปของโนแลนพะยี่ห้อวอร์เนอร์ บราเธอส์ ก็ไม่เห็นมีอะไรต้องตื่นตกใจ อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ในฮอลลีวูด ที่ผ่านมาเรายังเคยเห็น ดเวย์น จอห์นสัน ที่ออกมาด่า วิน ดีเซล ปาว ๆ ผ่านสื่อ แต่สุดท้ายก็กลับไปจูบปากกันได้อยู่เลย
ที่มา : insider