‘โหด มัน ฮา’ ตำนานเกมโชว์ของญี่ปุ่น เตรียมถูกนำกลับมาปัดฝุ่นสานต่อความฮาอีกครั้ง ในเวอร์ชันปี 2023 ที่พร้อมจะสตรีมบน Prime Video เดือนพฤศจิกายนนี้ แน่นอนถ้าพูดถึงฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยส่งให้ ‘โหด มัน ฮา’ ประสบความสำเร็จอย่างมาก ก็คือเหล่านักแสดงที่มาพร้อมบทบาทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ทาเคชิ คิตาโนะ (Takeshi Kitano) ที่รับบทเป็นโชกุนสุดแสบ หรือ ฮายาโตะ ทานิ (Hayato Tani) กับบทบาทนายพลทานิ รวมถึงนักแสดงสมทบคนอื่น ๆ ที่ช่วยกันเล่นมุกตอบรับกัน จนโชว์เปี่ยมไปด้วยสีสันความสนุก
‘โหด มัน ฮา’เวอร์ชันปี 2023 นอกจากจะได้คิตาโนะและทานิ กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในรอบ 3 ทศวรรษแล้ว ตัวรายการยังได้นักแสดงกลุ่มใหม่ที่เข้ามาช่วยเพิ่มความสนุก ทั้ง ซูบารุ คิมูระ (Subaru Kimura) ที่มารับบทนายพลคนใหม่, โอซามุ ชิตาระ (Osamu Shitara) และยูกิ ฮิมูระ (Yuki Himura) หรือ คู่หูตลกฉายา Bananaman ที่รับบทหัวหน้าข้าราชบริพารแห่งปราสาททาเคชิ คอยคอมเมนต์ยิงมุกใส่เหล่าผู้กล้า
ทีมงาน beartai BUZZ ได้เดินทางไปที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อนั่งพูดคุยกับตัวแทนทีมนักแสดง 4 คน นำทีมโดย 2 นายพลทั้งเก่าใหม่อย่าง ทานิและคิมูระ รวมถึง ชิตาระและฮิมูระ 2 ตัวโจ๊กใหม่ของรายการ
ความทรงจำแรกที่มีต่อ ‘โหด มัน ฮา’
คิมูระ: ตอนที่ผมได้ดูครั้งแรกคือตอนที่มันฉายจบไปแล้วหลายปี มีการนำรายการนี้กลับมาฉายผ่านรายการวาไรตี้อีกครั้ง อารมณ์แบบคลังข้อมูลรายการเจ๋ง ๆ สมัยก่อนนั่นถือเป็นครั้งแรกเลยครับที่ได้ดู ‘โหด มัน ฮา’ ช่วงที่ผมเข้าวงการใหม่ ๆ วงการโทรทัศน์ในตอนนั้นกับตอนนี้แตกต่างกันมาก รายการนี้คือเรียกได้ว่า มีทั้งความสดใส ความน่าหลงใหลและความปัง จำได้ว่าผมดูแล้วหลงรักรายการไปเลย ตอนนั้นผมหวังว่าถ้าสักวันหนึ่งมีการทำรายการเจ๋ง ๆ แบบนี้ ในยุคเราบ้างก็คงจะดี แล้วในที่สุดรายการ ‘โหด มัน ฮา’ ก็ได้กลับมาอีกครั้ง ผมรู้สึกดีใจมากเลย มันทำให้ผมตระหนักได้ว่า นี่เป็นรายการระดับตำนานจริง ๆ
รู้สึกอย่างไรที่ได้กลับมาเป็น ‘นายพลทานิ’ อีกครั้ง
ทานิ: เวอร์ชันเก่าผมรับบทเป็นนายพล แต่ในเวอร์ชันนี้เราได้คิมูระคุงมารับบทเป็นนายพลด้วย ผมเองก็มีความทรงจำในตอนที่ได้เป็นนายพลตอนนั้น จริง ๆ ก็คิดว่าอยากจะกลับมามีส่วนร่วมด้วย เลยได้โอกาสกลับมาเป็นส่วนหนึ่งของรายการ ทางรายการก็ให้ผมมาผนึกกำลังกับคิมูระคุง
รายการนี้มีทั้งกลิ่นอายความอบอุ่นแบบยุคโชวะ แถมยังอัปเลเวลขึ้นไป บวกกับหัวใจของทุกคนที่ทุ่มเท ผมคิดว่าถ้าทุกคนสนุกไปกับเรา ความสนุกมันต้องส่งผ่านจอไปถึงคนดูแน่ ๆ ผมเลยทุ่มเทเต็มที่เลย หน้าร้อนปีที่แล้ว (ช่วงออกกอง) เป็นหน้าร้อนที่ร้อนแรงและงดงามมากจริง ๆ
ด่านที่ชอบสุด
คิมูระ: มันมีทั้งด่านที่มาจากรายการเวอร์ชันแรก แล้วก็มีทั้งด่านใหม่ ๆ แต่ด่านที่ผมประทับใจน่าจะเป็น ‘ช่องแคบยิบรอลตาร์’ ครับ คนของฝ่ายศัตรูคือโหดมาก แทบจะผ่านกันไม่ได้เลย เป็นด่านที่ผมจะมีหน้าที่ยิงบอล ผู้กล้าในเกมก็จะรับบอลแล้วเดินหน้าต่อ การที่นายพลกับผู้กล้าได้มีปฏิสัมพันธ์กัน มันทำให้ผมประทับใจด่านนี้มาก ๆ
ทานิ: ตามความคิดเห็นของผมนะครับ ครั้งนี้มีการสร้างด่านใหม่ ๆ เช่นอันที่มันมีบล็อก หรือมีการเติมนู่นนี่เข้ามา อย่างด่าน ‘เขาวงกตแห่งอสูร’ ดูเป็นเกมง่าย ๆ นะ แต่การถ่ายทำในครั้งนี้ มีการถ่านด้วยมุมที่ดีกว่าของเมื่อก่อนมาก เวลาผู้กล้าหนีไปทางไหนคือเห็นหมด เราก็จะแบบ “จะหนีไปตรงนั้นทำไม!?” การทำให้ผู้ชมร่วมลุ้นไปด้วยได้ ผ่านการใช้เทคนิคการถ่ายทำ ซึ่งผมคิดว่ามันเป็น ‘โหด มัน ฮา’ ฉบับใหม่ในยุคเรวะนี้ ผมเองก็ชอบด่าน ‘ช่องแคบยิบรอลตาร์’ มาก แต่ก็อยากจะนำเสนอ ด่าน ‘เขาวงกตแห่งอสูร’ ให้ทุกคนได้ดู ด่านนี้ดีจริง ๆ
ความยากและความประทับใจระหว่างการถ่ายทำ
คิมูระ: สิ่งที่ยากเหรอครับ ตอบยากนะเนี่ย คงจะเป็นอากาศที่ร้อนระอุมั้ง จริง ๆ ความตั้งใจของเหล่าผู้กล้า บวกกับการฝ่าฟันด่านสุดหินมันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากพอได้เห็นพวกเขาที่กำลังฮึดสู้กันอยู่เราจะมาทำตัวอ่อนแอก็ไม่ได้ ผมเองก็เลยพยายามเต็มแรงอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าให้พูดถึงอุปสรรคแล้ว ผมว่าก็คงจะเป็นความร้อนของฤดูร้อน
แต่ทุกคนก็คอยดูแลซึ่งกันและกัน ทำให้สุดท้ายแล้ว เราไม่มีทั้งคนที่บาดเจ็บ หรือคนที่ตกจากที่สูง เรียกได้ว่าจบลงไปได้ด้วยดี
ทานิ: ก็ตามที่คิมูระคุงได้พูดไปนะครับ สำหรับผมแล้ว รายการ ‘โหด มัน ฮา’ ผู้เข้าร่วมรายการเนี่ย ถ่ายทำในอากาศร้อน ๆ คือที่สตูดิโอมิโดริยามะมันร้อนมาก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนก็ทุ่มเทกันอย่างมาก แล้วก็ไม่ใช่แค่นั้น ทีมงานเบื้องหลังก็ทุ่มเทไม่แตกต่างกันเลย ทุ่มเทจนเหงื่อไหลไคลย้อยไม่แพ้ผู้ร่วมรายการเลย ซึ่งพลังของทุกคน ได้กลายมาเป็นพลังของพวกเราทั้งสองคน ทั้งนายพลคิมูระและนายพลทานิ มันคงเป็นพลังที่เหลือที่ส่งมาถึงพวกเรา การที่เราจะทำอะไรสักอย่างนั้นถ้าทุกคนรวมพลังกัน ถึงความร้อนจะทรมานแค่ไหน เราก็จะผ่านมันไปได้ ผมคิดว่านี่คือจุดเด่นจุดดีของรายการนี้
ชิตาระ: ยากที่สุดคงจะเป็นความร้อนเหมือนกัน เพราะมันหน้าร้อนพอดี แล้วหน้าร้อนของญี่ปุ่นเนี่ย เคยเจอกับหน้าร้อนของญี่ปุ่นไหม? มันร้อนมากเลย แถมอากาศก็ชื้นมาก แล้วด้วยชุดของพวกเราเป็นแบบนี้ ในหน้าร้อนแบบนั้น มันช่างไม่เหมาะกันเลย แต่ทีมเวิร์กของทุกคนดีมาก ทั้งผู้ร่วมรายการ ทีมงาน ถ้าสมมติมีการสั่งคัต ทุกคนก็จะรีบเข้าไปในเต็นท์แล้วก็ดื่มน้ำ แล้วก็คุยเรื่องเก่า ๆ กัน เรื่องรายการเวอร์ชันก่อนบ้าง คุยกันเยอะมากเลย มากกว่าความรู้สึกทรมาน คือความฟินที่ได้ทำมันมีมากกว่า แต่จะบอกว่าฮิมูระเนี่ย คือวิกของเขามันเล็กกว่าหัวเขา เขาเลยบ่นตลอดเลยว่าปวดหัว อันนั้นแหละที่ลำบาก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวิกมันเล็ก หรือหัวฮิมูระใหญ่ไปกันแน่
ฮิมูระ: คือเราถ่ายทำกันหลายครั้ง แต่วิกมันเล็กมากเลย คือมันเล็กมากจริง ๆ แล้วพอถ่ายทำครั้งต่อไป ทีมงานเลยทำวิกที่ใหญ่ขึ้นมาให้ พอวันนี้เอาวิกกลับมาใส่อีกครั้ง รู้สึกว่ามันเล็กอีกแล้ว ไม่รู้ทำไมไม่เคยได้ใส่วิกที่พอดีกับหัวเลยสักทีครับ เรื่องชุดที่ใส่แล้วร้อนก็ลำบากเหมือนกัน คิดว่าน่าจะทุกคนแหละทั้งผู้ร่วมรายการ ทั้งทีมงาน ถ่ายทำกันในวันที่ร้อนจัด คิดว่าทุกคนอดทนและพยายามกันมาก
‘โหด มัน ฮา’ กลับมาพร้อมความยิ่งใหญ่กว่าเดิม
ฮิมูระ: คือในครั้งนี้เนี่ย มีทั้งคนที่เคยดูรายการเมื่อ 34 ปีก่อน มีทั้งแฟนคลับ ‘โหด มัน ฮา’ จากต่างประเทศ แล้วก็กลุ่มคนที่ทำการวิจัยรายการ ที่ได้เข้ามาร่วมถ่ายทำกัน
เรียกได้ว่าเป็นเนื้อหาที่ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับ ‘โหด มัน ฮา’ ยังต้องยอมรับ ยิ่งไปกว่านั้น ด่านต่าง ๆ ที่เราได้เห็น ถ้าเกิดมันเปลี่ยนไป หรือหายไป หลายคนก็อาจจะไม่ค่อยชอบ แต่นี่มันไม่ได้เปลี่ยน แถมยังดีขึ้นไปอีก เหนือขึ้นไปอีก แข็งแกร่งมากกว่าเดิมอีก มันเลยทำให้สนุกมากเลย คือทีมงานไม่อยากให้ภาพลักษณ์ มันหายไป เพราะมันมีความทรงจำมากมาย ผมว่าทีมงานที่สร้างมันขึ้นมาก็คิดเหมือนกัน เขาเลยทำให้มันดีขึ้นกว่าเดิม แล้วก็มีการใส่เทคนิคใหม่ ๆ เข้าไป มันแข็งแกร่งขึ้นมากจริง ๆ ครับ เป็นความรู้สึกแบบ ‘โหด มัน ฮา’ กลับมาแล้วนะ
‘โหด มัน ฮา’ คือรายการระดับตำนานจริง ๆ
ชิตาระ: พวกเราเนี่ยดูรายการนี้กันในญี่ปุ่น ตอนนั้นไม่รู้เลยว่าทั่วโลกเขาดูกันเยอะขนาดนี้ หลังจากนั้นก็ได้ยินมาว่าทั่วโลกเขาดูกันเยอะมาก บนเครื่องบินต่างประเทศยังมีฉายอยู่เลยครับ ถึงมันจะเก่าแต่ดูตอนนี้ก็ยังขำได้ครับ เราจะได้ดูอะไรที่เหนือว่าตอนนั้นขึ้นไปอีก ยืนยันได้เลย พวกเราเองมีการถ่ายรีแอ็กชันผู้กล้าผ่านหน้าจอ คือดูไปก็ฮาไป
ขอขอบคุณ Prime Video สำหรับการอำนวยความสะดวกสัมภาษณ์ในครั้งนี้
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส