ตั้งแต่ แดเนียล เครก (Daniel Craig) ประกาศลาจากบท เจมส์ บอนด์ ไปหลังจาก ‘No Time to Die’ เมื่อปี 2021 ตั้งแต่นั้นก็มีข่าวเรื่องนักแสดงแถวหน้าของฮอลลีวูดยที่เป็นตัวเก็งในฐานะ เจมส์ บอนด์ คนใหม่มากมายหลายคน มีทั้งผิวขาวและผิวดำ แต่กระนั้นก็ยังไม่มีวี่แววจากทางผู้สร้างว่าจะตกลงปลงใจเลือกใครเสียที แม้จะเว้นช่วงมาถึง 2 ปี แล้ว จึงทำให้มีข่าวลือว่านักแสดงคนนั้นคนนี้ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในบทบาท เจมส์ บอนด์ คนใหม่เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ
ล่าสุดก็มีชื่อของ ปาปา เอสซีดู (Paapa Essiedu) ซึ่งน่าจะเป็นรายแรกที่แฟน ๆ ได้ยินชื่อแล้วคิดเหมือน ๆ กันแน่ว่า “ใครวะ ?” เอสซีดูเป็นนักแสดงผิวดำสัญชาติอังกฤษ วัย 33 ปี มีประสบการณ์การแสดงค่อนข้างโชกโชน ทั้งละครเวที ภาพยนตร์ และทีวีซีรีส์ แต่ยังไม่เคยได้รับบทนำจนเป็นที่จดจำ ผลงานเด่น ๆ ของเขาก็อย่างเช่น ‘Murder on the Orient Express'(2017), ‘The Lazarus Project’ (2022) และผลงานล่าสุดก็คือ ‘Black Mirror’ ในตอน “Demon 79” แม้จะไม่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก แต่ด้วยความสูงที่ 180 ซม. และวัยเพิ่งจะ 33 ปี จึงน่าจะตรงใจกับทีมผู้สร้างที่อยากได้นักแสดงที่อายุยังไม่มาก เพราะจะทำให้อยู่กับแฟรนไชส์ไปได้อีกยาวนาน ไม่ต้องแคสติ้ง เจมส์ บอนด์ คนใหม่อีกบ่อย ๆ
หลังจากมีชื่อของเขาออกมาว่าเป็นหนึ่งในว่าที่ เจมส์ บอนด์ ทาง The Times ก็ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์กับเอสซีดูในเรื่องนี้ นักข่าวถามเอสซีดูว่าเขามีความเห็นอย่างไร กับการที่เขาเป็นนักแสดงผิวดำและได้เป็นหนึ่งตัวเลือกสำหรับ เจมส์ บอนด์ คนต่อไปเช่นนี้ ถือว่าเป็นก้าวที่ดีหรือไม่ที่แฟรนไชส์ชื่อดังระดับโลกเช่นนี้จะเปิดกว้างให้มีความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติมากขึ้น เอสซีดูฟังคำถามแล้วครุ่นคิดก่อนจะให้คำตอบอย่างรอบคอบว่า
“ถ้า เจมส์ บอนด์ คนต่อไปจะผิวดำ หรือเป็นชาวเอเซีย ถ้าหลากหลายเชื้อชาติแบบนี้แล้วกำลังไปถูกทิศทางรึเปล่าอย่างนั้้นหรือ ? แต่ถ้าสุดท้ายกำไรมันก็ไปจบอยู่ที่นายทุนคนเดิมอยู่ดีล่ะ ? ผมว่ามันเป็นกรณีซับซ้อนที่ต้องศึกษาหาข้อมูลก่อนตอบนะ ผมไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้หรอก หรือที่จริงผมก็ไม่อยากตอบมากกว่า”
ภาพยนตร์ เจมส์ บอนด์ ภาคแรก ‘Dr. No’ ออกฉายเมื่อปี 1962 นับถึงวันนี้ก็เป็นเวลากว่า 6 ทศวรรษแล้ว จึงเรียกได้ว่านี่คือแฟรนไชส์ที่ผ่านยุคสมัยต่าง ๆ มาอย่างยาวนาน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้สร้างจะต้องปรับรูปแบบเนื้อหา การสร้าง การนำเสนอให้ทันกับค่านิยมที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย แม้ว่าในช่วงแรก ๆ นั้น แฟรนไชส์ 007 ก็เคยถูกโจมตีหนักหนาว่าเป็นหนังที่สื่อถึงการเหยียดเพศ ทางผู้สร้างก็ตระหนักในเรื่องนี้และพยายามอย่างมากที่จะเพิ่มความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติลงไปในภาพยนตร์ภาคหลัง ๆ และเมื่อต้นปีนี้เอง ก็มีการประกาศว่า นิยายต้นฉบับของ เอียน เฟลมมิง จะมีการเรียบเรียงใหม่ โดยการลบเนื้อหาส่วนที่เหยียดเชื้อชาติออกไป เช่นเดียวกับนิยายของ โรอัล ดาห์ล ที่ได้รับการเรียบเรียงใหม่ในวิธีการเดียวกันนี้
แม้ว่าการที่มีชื่อของ ปาา เอสซีดู หรือก่อนหน้านี้ก็มีชื่อ อิดริส เอลบา (Idris Elba) ที่เป็นนักแสดงผิวดำเช่นกัน อยู่ในรายชื่อตัวเลือกที่จะเป็น เจมส์ บอนด์ คนใหม่นั้น ดูเป็นการเปิดกว้างทางด้านความหลากหลายของเชื้อชาติมากขึ้น และนับเป็นก้าวสำคัญของแฟรนไชส์ แต่ขณะเดียวกัน ก็ไม่ใช่ว่าการตัดสินใจนี้จะได้รับการยอมรับในสังคมวงกว้าง เอลบาได้ออกมาเผยว่า หลังจากมีข่าวว่าเขาเป็นตัวเก็งที่จะได้เป็น เจมส์ บอนด์ คนต่อไป เขาก็ถูกบรรดาแฟน ๆ เดนตายของ เจมส์ บอนด์ โจมตีอย่างหนัก เอลบาให้ความเห็นว่าปฏิกิริยาต่อต้านที่เขาได้รับนั้น “น่าขยะแขยงและชวนให้ขุ่นเคือง” เป็นผลให้เขาประกาศชัดเจนว่าจะไม่ขอเกี่ยวข้องกับบทบาท เจมส์ บอนด์ อีกต่อไปแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะปลื้มอกปลื้มใจที่ตกเป็นหนึ่งในตัวเลือก
อย่างไรก็ตาม แฟรนไชส์ James Bond ก็ยังคงเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากแม้ก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 และจำเป็นต้องพัฒนาต่อไปพร้อม ๆ กับวิวัฒนาการของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ แม้จะยังไม่ทราบได้ว่าเมื่อใดจะมีการประกาศรายชื่อ เจมส์ บอนด์ คนใหม่อย่างเป็นทางการ แต่ปัจจุบันนี้ ปาปา เอสซีดู ก็เป็นชื่อใหม่ในกลุ่มนักแสดงแถวหน้าที่มีข่าวว่าตกเป็นตัวเลือก ประกอบไปด้วย อารอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน, เฮนรี่ คาวิลล์, เจมน์ นอร์ทัน และ เรกเก้-ฌอง เพจ
ที่มา : screenrant independent wikipedia