‘Heart of Stone’ ภาพยนตร์แอ็กชันฟอร์มใหญ่เรื่องล่าสุด ผลงานของ Netflix ที่ประเมินกันว่าใช้ทุนสร้างไป 130 ล้านเหรียญ หลังเปิดตัวมาได้ 4 วัน กลับไม่ฮิตดังคาด หนังไม่สามารถเอาชนะใจผู้ชมและนักวิจารณ์ได้ คะแนนล่าสุดที่ Rottentomatoes ฝั่งนักวิจารณ์อยู่ที่ 32% ส่วนฝั่งผู้ชมอยู่ที่ 61% ก็นับว่าไม่สูงนักสำหรับหนังแอ็กชันเน้นขายความบันเทิงเช่นนี้ สัญญาณเหล่านี้ถือว่าไม่เป็นผลดีนักต่อชื่อเสียงของ กัล กาด็อต (Gal Gadot) เพราะหนังก็ใช้ชื่อเธอเป็นจุดขาย และน่าจะส่งผลกระทบต่ออนาคตของหนัง ‘Snow White’ อีกหนึ่งหนังฟอร์มใหญ่ของดิสนีย์ ที่เธอจะรับบทเป็นราชินีใจร้าย
และที่น่ากังวลไปกว่านั้นก็คือ ‘Heart of Stone’ไม่ใช่แค่เรื่องเดียวของ กัล กาด็อต ที่ไม่ประสบความสำเร็จ ที่นอกเหนือจากบท ‘Wonder Woman’ ก่อนหน้านั้นใน ‘Death on the Nile’ และ ‘Red Notice’ ก็ได้รับเสียงวิจารณ์จากผู้ชมและนักวิจารณ์ว่าฝีไม้ลายมือในการแสดงของเธอนั้นไม่น่าประทับใจนัก แต่กลับกัน เมื่อเธอกลับไปสวมชุด Wonder Woman ใน Wonder Woman 1984, Justice League, Shazam! Fury of the Gods และ The Flash แล้วดูเหมือนว่า เธอจะได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากแฟน ๆ เสียมากกว่า แต่ดูเหมือนว่าบทบาท ‘Wonder Woman’ ของเธอ น่าจะหยุดอยู่เพียงแค่นี้แล้ว
ขณะนี้ ‘Snow White’ ก็แบกรับความเสี่ยงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หลังจาก ‘The Little Mermaid’ ที่นำแสดงโดย ฮัลลี เบลีย์ (Halle Bailey) ก็ไปได้ไม่ถึงจุดที่หนังไลฟ์แอ็กชันที่รีเมกจากการ์ตูนคลาสสิกเรื่องก่อนหน้าที่เคยทำไว้ได้ หนังยังมีปัญหาที่เจอกับเสียงโต้แย้งมากมายในขั้นตอนการสร้าง ส่วนหนึ่งก็มาจาก ปีเตอร์ ดิงค์เลจ (Peter Dinklage) นักแสดงแคระชื่อดัง ที่ออกมาโจมตีหนัง ‘Snow White’ ว่า “ช่างล้าหลัง” เพราะทีมงานเลือกที่จะแคสติงนักแสดงที่มีสภาพร่างกายปกติมารับบทคนแคระทั้ง 7 ซึ่งทางดิสนีย์ก็ออกมาให้เหตุผลว่าต้องการ “นำเสนอในแนวทางที่แตกต่าง” กับคนแคระในเวอร์ชันใหม่นี้ ในขณะที่หนังกำลังเผชิญปัญหามากมายอยู่ในขณะนี้ ทางดิสนีย์จึงฝากความหวังไว้อย่างที่สุดกับชื่อของ กัล กาด็อต ว่าจะเป็นชื่อที่สามารถเรียกความสนใจจากผู้ชมได้เป็นอย่างดี แต่กลับกลายเป็นว่า ความหวังสุดท้ายของดิสนีย์จะกลายเป็น ‘อีกหนึ่งความเสี่ยง’ ไปเสียแล้ว
ตัวนักแสดงนำอย่าง ราเชล เซเกลอร์ (Rachel Zegler) เองก็ดูจะฝากความหวังไว้ไม่ได้เลย เพราะหนัง 2 เรื่องก่อนหน้าของเธอก็คว่ำมาติด ๆ กัน เริ่มจาก ‘West Side Story’ เมื่อปี 2021 แม้กระทั่งเป็นผลงานกำกับของ สตีเวน สปิลเบิร์ก ก็ยังคว่ำมาแล้ว ด้วยทุนสร้างที่ 100 ล้านเหรียญ แต่ทำรายได้ทั่วโลกไปแค่ 76 ล้านเหรียญ เรื่องต่อมาคือ ‘Shazam! Fury of the Gods’ ที่เพิ่งเข้าฉายไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ก็เจ๊งไม่เป็นท่า ใช้ทุนสร้างไป 125 ล้านเหรียญ แต่ทำรายได้ทั่วโลกไปเพียง 133 ล้านเหรียญ
แม้ว่าดิสนีย์จะพรีเซนต์ว่า ‘Snow White’ เวอร์ชันนี้จะกลับมาในรูปแบบใหม่ แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้อยืนยันว่าการรีเมกของดิสนีย์จะทำได้ดีกว่าภาพยนตร์แอนิเมชันต้นฉบับ เพราะ ‘The Little Mermaid’ ก็เพิ่งเป็นตัวอย่างให้เห็นไป กับความพยายามเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์เดิม ๆ ของตัวละครที่ผู้คนคุ้นเคยมายาวนาน แล้วก็ไม่ได้เสียงตอบรับในทางบวกนัก และผลงานเรื่องก่อนหน้าของเซเกลอร์ ก็เป็นการรับบทนำในหนังรีเมกเช่นกัน ซึ่งก็คว่ำมาแล้ว ครั้นจะหันมาพึ่งพากาด็อต ‘Heart of Stone’ ก็เป็นตัวอย่างพิสูจน์ให้เห็นว่า ด้วยภาพลักษณ์ของเธอเองบวกกับการแสดงของเธอนั้นก็ยังไม่แกร่งพอที่จะแบกหนังทั้งเรื่องไว้ได้ รอดูอนาคตของ ‘Snow White’ กันครับ ดิสนีย์วางกำหนดฉายไว้แล้ว มีนาคม 2024
ที่มา : screenrant