เวลาที่เห็นผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์เข้ารับการพิจารณาคดี แล้วสุดท้ายก็ได้ลดโทษ รอดพ้นโทษประหารมาได้ ชาวบ้านก็มักจะพูดกันว่า “เดี๋ยวก็ได้ลดโทษเรื่อย ๆ จนพ้นโทษอยู่ดี” กับคดีที่เราหยิบมาเล่าต่อกันฟังนี่ ก็เป็นอีกหนึ่งคดีที่เป็นไปตามรูปแบบนั้น แม้กระทั่งนี่เป็นคดีที่เกิดขึ้นกับ ‘ฆาตกรต่อเนื่องที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์’ ก็ตาม
ลุยส์ อัลเฟรโด การาบิโต คูบิลลลอส (Luis Alfredo Garavito Cubillos) ฆาตกรต่อเนื่องชาวโคลอมเบียน เกิดเมื่อ 25 มกราคม 1957 เขาได้ฉายาว่า “The Beast” เมื่อเดือนตุลาคม 1999 เขาเคยรับสารภาพว่าได้ลงมือข่มขืน ทรมาน ทำร้ายร่างกาย และสังหารผู้เยาว์ไปแล้ว 147 คน ซึ่งเหยื่อนส่วนใหญ่เป็นเด็กชายและเด็กหนุ่มในแถบตะวันตกของโคลัมเบีย
การาบิโตเริ่มต้นกระบวนการทรมาน ข่มขืน ผู้เยาว์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 1980 มีการประเมินว่าเขาได้ข่มขืนและทรมานผู้เยาว์มาแล้วอย่างน้อย 200 คน ในจำนวนนี้มีที่ยืนยันได้แล้วว่าถูกการาบิโตสังหารไปแล้วจำนวน 189 คน ที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 4 ตุลาคม 1992 ไปจนถึงวันที่ 21 เมษายน 1999 นอกจากนั้นยังมีอีก 4 คดีฆาตกรรมในเอกวาดอร์ช่วงฤดูร้อนปี 1998 เขารับสารภาพเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 1999 ว่าได้ลงมือสังหารเหยื่อผู้เยาว์ชาวโคลอมเบียนและเอกวาดอร์ไปทั้งหมดอย่างน้อย 193 คน ด้วยจำนวนมากมายขนาดนี้ ทำให้การาบิโตเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ก่อเหตุสังหารเหยื่อมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ในปี 2003 การาบิโตสารภาพเพิ่มเติมว่า เขาได้สังหารผู้เยาว์อีก 23 คน และผู้ใหญ่อีก 5 คน ถ้ารวมจำนวนนี้เข้าไป จะทำให้จำนวนเหยื่อของการาบิโตเพิ่มเป็น 221 คน ศาลพิพากษาให้การาบิโตต้องโทษจำคุกรวมแล้ว 1,853 ปี 9 วัน
การาบิโตถูกจับกุมเมื่อวันที่ 22 เมษายน 1999 ในเย็นวันนั้น การาบิโตกำลังดื่มบรั่นดีอยู่ในเมืองวิลลาวิเซนโอ ก็พอดีกับที่ จอห์น อิวาน ซาโบกัล เด็กชายวัย 12 ปี มาขายล็อตเตอรีกับเขา การาบิโตแนะนำตัวเองกับเด็กชายว่า เขาชื่อ โบนิฟาซิโอ โมเรรา ลิซคาโน เป็นนักการเมืองท้องถิ่น พอเด็กเชื่อใจ การาบิโตก็ควักมีดมาขู่ซาโบกัลไม่ให้กระโตกกระตาก แล้วทำเป็นกอดเด็กน้อยด้วยความรักใคร่ ตบตาผู้คนรอบข้าง ก่อนจะลากตัวหนูน้อยขึ้นแท็กซี่ไป จนไปถึงจุดหมายที่เนินเขาห่างไกลความเจริญ การาบิโตบังคับให้ซาโบกัลปีนข้ามรั้วลวดหนามไปจนถึงพื้นที่ที่การาบิโตมั่นใจว่าลับตาคนแล้ว จึงลงมือมัดซาโบกัล แล้วก็เริ่มแสดงอาการของคนวิกลจริต ด้วยการตะโกนใส่เด็กชายว่า “ฉันเป็นคนซาดิสม์ใช่ไหม” แล้วก็ควักมีดมาข่มขู่ใส่ซาโบกัล ด่าทอด้วยคำหยาบคายต่าง ๆ นานา ก่อนจะลงเอยด้วยการช่วยตัวเองให้เด็กชายดู
เดชะบุญของซาโบกัลที่ยังไม่ถึงฆาต เพราะบังเอิญมีเด็กชายจรจัดวัย 16 ปี ผ่านมาแถวนั้น เขาได้ยินเสียงโหวกเหวกของการาบิโตที่ตะโกนข่มขู่หนูน้อย เด็กหนุ่มตัดสินใจเข้าชวยเหลือซาโบกัลด้วยการขว้างปาก้อนหินเข้าใส่การาบิโต และสามารถช่วยเหลือซาโบกัลออกมาได้ สร้างความโกรธแค้นให้กับการาบิโต ที่คว้ามีดแล้ววิ่งไล่ตามเด็กทั้งคู่ ทั้งคู่วิ่งไปแอบซ่อนในบ้านไร่หลังหนึ่งที่อยู่บนถนน ลา แคโรไลนา ในเมืองวิลลาวิเซนิโอ ที่มีเด็กหญิงวัย 12 ปี พักอยู่ในบ้าน การาบิโตตามมาถึงบ้านหลังนี้ แล้วขู่กรรโชกถามเด็กหญิงว่าเห็นเด็กชายทั้งคู่หนีมาทางนี้ไหม แล้วหนีไปทางไหน เด็กหญิงโกหกการาบิโตด้วยการชี้นิ้วว่าทั้งคู่พากันวิ่งหนีเข้าไปในป่า ซึ่งการาบิโตหลงเชื่อและวิ่งเข้าป่าไป ขณะนั้นเด็กหนุ่มก็โทรแจ้งความแล้ว ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุในจังหวะที่การาบิโตเดินออกจากป่ามาพอดีในช่วงเวลาประมาณ 19:00 น. ชาวบ้านมารุมล้อมที่เกิดเหตุกันมากมาย ชาวบ้านหลายคนโกรธแค้นเมื่อได้ยินเรื่องราวที่การาบิโตทำกับเด็กชาย ทำให้ตำรวจต้องปลอบประโลมให้ชาวบ้านใจเย็นลง การาบิโตอ้างเช่นเดิมว่าเขาคือนักการเมืองท้องถิ่นนามว่า ลิซคาโน พร้อมกับส่งบัตรประจำตัวปลอมที่ทำเตรียมไว้ให้กับตำรวจ แต่ชาวบ้านและตำรวจไม่ปักใจเชื่อ สงสัยว่าเขาคือการาบิโต ฆาตกรต่อเนื่องชื่อดัง การาบิโตถูกคุมตัวไปทำการคุมขัง
จนกระทั่งวันที่ 4 กรกฎาคม 1999 ก็ได้รับการพิสูจน์อัตลักษณ์ว่าชายผู้ต้องสงสัยนี้คือ การาบิโต ตัวจริง หลักฐานในการมัดตัวการาบิโตประกอบไปด้วย แว่นตาที่ออกแบบโดยเฉพาะบุคคล เหตุจากการาบิโตนั้นมีอาการป่วยที่ดวงตาเป็นโรคที่พบได้ยากและมักเกิดกับผู้ป่วยเพศชาย ทำให้เขาต้องใส่แว่นตาที่ออกแบบมาโดยเฉพาะผู้ป่วยโรคนี้เท่านั้น และตำรวจก็พบแว่นตาแบบนี้ในที่เกิดเหตุ การาบิโตยังพลาดด้วยการทิ้งขวดเหล้า กางเกงชั้นใน และรองเท้าของเขาไว้ในที่เกิดเหตุอีกด้วย และยังร่องรอยดีเอ็นเอบนตัวเหยื่อ พร้อมด้วยหลักฐานอีกบางอย่างที่การาบิโตทิ้งไว้ ตำรวจคุมตัวการาบิโตเข้ารบการตรวจสายตา และผลการตรวจก็สามารถโยงตัวการาบิโตเข้ากับแว่นตามที่พบในที่เกิดเหตุได้ ความสูง 165 ซม. ของการาบิโต และการเดินกะเผลกของการาบิโตก็ตรงกับหลักฐานแวดล้อมและข้อสันนิษฐานของตำรวจ
ดีเอ็นเอจากหมอนและห้องขังของการาบิโตก็ตรงกับดีเอ็นเอที่พบบนตัวเหยื่อ ทำให้การาบิโตจนมุมต่อหลักฐานที่มัดตัวแน่น เขายอมรับสารภาพว่าฆ่าเด็กชายไปทั้งหมด 172 คนทั่วโคลอมเบีย
“ผมขอให้คุณยกโทษให้ผม สำหรับทุกสิ่งที่ผมได้ทำลงไป และทั้งหมดทั้งหลายจากนี้ที่ผมจะสารภาพ” การาบิโตกล่าวในเทปคำสารภาพ “ใช่ครับ ผมฆ่าพวกเขา และอีกหลายคน”
ศาลตัดสินว่าเขามีความผิดจริงทั้งหมด 138 ข้อหา จากทั้งหมด 172 ข้อหา การาบิโตต้องโทษจำคุก 1,853 ปี กับอีก 9 วัน เป็นโทษจำคุกที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์โคลอมเบีย แต่โชคก็ยังเข้าข้างการาบิโต ตรงที่กฎหมายของโคลอมเบียมีช่องโหว่ตรงที่ว่า จำกัดการลงโทษจำคุกจริงไว้สูงสุดที่ 40 ปีเท่านั้น และเห็นแก่การที่การาบิโตรับสารภาพแล้วให้การเป็นประโยชน์ต่อการค้นหาร่างเหยื่อ ทำให้ศาลลดโทษลงเหลือจำคุกจริงเพียงแค่ 22 ปีเท่านั้น
เหยื่อของการาบิโตส่วนใหญ่จะเป็นเด็กข้างถนน วัยเด็กสุด 6 ปี และมากสุดที่ 16 ปี เขาจะแสร้งทำเป็นพระหรือนักบวชเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจ โดยเสนอเงินและหาอะไรดื่มให้เด็ก ๆ ดื่มกิน การาบิโตอ้างว่าขณะก่อเหตุ เขารู้สึกว่ามีแรงกระตุ้นบางอย่างจากภายในตัวเขาที่ทำให้เขาต้องลงมือฆ่าเด็ก ๆ ในระหว่างที่ทำการสอบสวน ตำรวจได้ลงพื้นที่เกิดเหตุเพิ่มเติม และได้พบหลุมฝังศพที่ภายในหลุมพบร่างเด็กมากกว่า 35 คน ผลการชันสูตรศพและหลักฐานแวดล้อมพบว่า เหยื่อแต่ละรายนั้นต่างถูกทรมานเป็นเวลานานและถูกล่วงละเมิดทางเพศ
เมื่อปี 2006 นักข่าวนามว่า กีเยร์โม พริเอโต ลา รอตตา ได้สัมภาษณ์การาบิโต เพื่อไปออกอากาศทางทีวี การาบิโตเผยว่าเขามีเจตนาที่จะอยากจะเริ่มต้นอาชีพทางการเมือง อยากจะช่วยเหลือเด็กที่ถูกทารุณกรรม ในรายการนี้ ลา รอตตา ยังได้บรรยายถึงสภาพความเป็นอยู่ของการาบิโตภายในเรือนจำนี้ และแสดงความเห็นว่า ถ้าการาบิโตประพฤติตัวเป็นนักโทษที่ดี เขาอาจจะยื่นคำร้องขอปล่อยตัวก่อนถึงกำหนดเวลาจริงได้ถึง 3 ปี
ปัจจุบัน การาบิโตรับโทษจำคุกอยู่ในเรือนจำเมืองบาเยดูปาร์ เป็นเรือนจำที่มีความคุ้มเข้มแน่นหนาที่สุด เขาเป็นนักโทษพิเศษที่ถูกแยกตัวห่างออกมาจากจากบรรดานักโทษคนอื่น ๆ เพราะผู้คุมเกรงว่า ความผิดที่เขากระทำไว้จะสร้างความเกลียดชังจากบรรดานักโทษด้วยกันเอง แล้วเป็นไปได้อย่างมากว่าเขาจะถูกนักโทษด้วยกันฆ่าทิ้ง ในปีนี้ 2023 การาบิโตได้รับโทษจองจำมาเกิน 3 ใน 5 ส่วน ของเวลาจองจำทั้งหมดแล้ว ทำให้เขามีสิทธิ์ยื่นขอทัณฑ์บนได้ ย้อนไปเมื่อปี 2021 การาบิโตก็เคยยื่นขอคำสั่งให้ปล่อยตัวก่อนกำหนดมาครั้งหนึ่งแล้วด้วยคำกล่าวอ้างว่าเขาเป็นผู้ต้องขังที่มีความประพฤติดี ข่าวการาบิโตยื่นขอปล่อยตัวก่อนกำหนดสร้างกระแสต่อต้านรุนแรง ร้อนไปจนถึงประธานาธิบดี อิวาน ดูเก ต้องออกมาแถลงการณ์กับประชาชนว่า
“ผมรู้สึกขุ่นเคืองอย่างมาก กับใครที่แสดงเจตนาความเป็นไปได้ที่จะปล่อยสัตว์ร้ายตัวนั้นออกมาจากคุก”
“รัฐบาลแห่งชาติไม่เคยสนับสนุนเรื่องนี้เลย”
แต่ในที่สุด ผู้พิพากษาก็ปฏิเสธคำร้องของการาบิโต ด้วยเหตุผลว่า การาบิโตปฎิเสธที่จะจ่ายเงินชดเชยให้กับเหยื่อของเขาจำนวน 41,500 เหรียญ
มาถึงวันนี้ การาบิโตในวัย 66 ปี มีความหวังอีกครั้ง เขาได้ยื่นข้อเสนอตรงไปยัง คาร์ลอส โมเรโน เดคาโร วุฒิสมาชิกสภาโคลอมเบีย ว่าเขายินดีทำงานรับใช้รัฐสภาโคลอมเบีย และยินดีเข้าร่วมพันธกิจของคริสตจักรในฐานะศิษยาภิบาลเพนเทคอสต์ และยินดีจะแต่งงานกับหญิงคนหนึ่ง เพื่อเป็นการยืนยันว่าเขาไม่ได้เป็นพวกรักร่วมเพศ และถ้าเขาได้รับการปล่อยตัวจริง เขาจะทำงานเป็นประโยชน์กับสังคมด้วยการช่วยเหลือเด็กที่ถูกทารุณกรรม และในขณะนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากโรคมะเร็งตา ทำให้มีอาการอ่อนแอและเหนื่อยล้า เขายังต้องเข้ารับการถ่ายเลือดทุกวัน ส่วนกิจกรรในเรือนจำบาเยดูปาร์นั้น เขาก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำกุญแจมือ ต่างหู และสร้อยคอให้กับหน่วยแพทย์ภายในเรือนจำ จิตแพทย์ประจำเรือนจำยังวินิจฉัยว่าเขามีความผิดปกติเป็นบุคคลที่มีบุคลิกภาพต่อต้านสังคม ถ้าคำร้องครั้งนี้เป็นผล นั่นหมายความว่า การาบิโตอาจจะได้รับการปล่อยตัวภายใน 2-3 เดือนข้างหน้านี้
หลังมีข่าวว่าการาบิโตจะได้รับการปล่อยตัว ก็สร้างกระแสต่อต้านจากประชาชนชาวโคลอมเบียน หลายคนเรียกร้องความยุติธรรมว่า คำพิพากษาจากศาลที่มีบทลงโทษต่อการาบิโตนั้นเบาบางเกินไปสำหรับความผิดมหันต์ที่เขาได้ก่อไว้ หลายคนแย้งว่าเขาสมควรได้รับโทษประหารชีวิตเท่าน้้นหรือไม่ก็ต้องจำคุกไปตลอดชีวิต ซึ่งโทษทั้งสองอย่างนี้ไม่มีในกระบวนตัวบทกฏหมายของโคลอมเบียแต่อย่างใด ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นข้อบกพร่องในกฎหมายโคลอมเบียที่ประเมินถึงความเป็นไปได้ที่จะมีฆาตกรต่อเนื่องในโคลอมเบียต่ำเกินไป ปัจจุบันมีการเพิ่มโทษจำคุกสูงสุดเป็น 60 ปีแล้ว แต่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงย้อนหลังต่อคำพิพากษาที่มีผลบังคับใช้ไปแล้วกับการาบิโต