The Hollywood Reporter ได้ยืนยันกำหนดการฉายใหม่ของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ของ Warner Bros. ในปี 2024 หนึ่งในนั้นคือ ‘Dune: Part Two’ ผลงานกำกับล่าสุดของ เดอนี วีลเนิฟว์ (Denis Villeneuve) ที่ได้รับการคาดหวังสูง โดยเลื่อนจากเดือนพฤศจิกายน 2023 ไปเป็นวันที่ 15 มีนาคม 2024
ต่อกันด้วย ‘Godzilla x Kong: The New Empire’ ภาพยนตร์ล่าสุดในจักรวาล MonsterVerse ที่เลื่อนมาฉายวันที่ 12 เมษายน 2024 และทาง Warner Bros. ยังได้เลื่อนกำหนดการฉายภาพยนตร์แอนิเมชัน ‘The Lord of the Rings: The War of the Rohirrim’ จากวันที่ 12 เมษายน 2024 ไปเป็นวันที่ 13 ธันวาคม 2024
การเลื่อนกำหนดการฉายในครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากการประท้วงของสมาพันธ์นักแสดงและนักเขียนของสหรัฐฯ ต่อสตูดิโอฮอลลีวูด ซึ่งให้สตูดิโอไม่สามารถดำเนินการสร้างภาพยนตร์ใด ๆ จนกว่าการประท้วงจะยุติ
นอกจาก Warner Bros. แล้วนั้น สตูดิโออื่น ๆ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Sony ที่เลื่อนกำหนดการฉาย ‘Kraven the Hunter’ และ ‘Ghostbusters: Afterlife 2’ ออกไปจนถึงปี 2024 รวมถึง Amazon ที่เลื่อนกำหนดฉาย ‘Challengers’ ของผู้กำกับ ลูกา กวาดาญีโน (Luca Guadagnino) จาก ‘Call Me By Your Name’ (2017) และ Disney ที่ได้ประกาศเลื่อนฉาย ‘Poor Things’ ของ Searchlight Pictures ออกไป
การเลื่อนฉายออกไปนี้ เป็นผลดีต่อทีมงานสร้าง ‘Dune: Part Two’ ที่สตูดิโอสามารถโปรโมตภาพยนตร์ได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถทำรายได้ทั่วโลกได้อย่างเต็มศักยภาพมากขึ้น จากเดิมที่ ‘Dune: Part One’ (2021) ต้องฉายบนบริการสตรีมิงพร้อมกับในโรงภาพยนตร์บางส่วน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 และทำรายได้ทั่วโลกไปเพียง 402 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 165 ล้านเหรียญ
อย่างไรก็ดี Warner Bros. ยังมิได้ปรับกำหนดการฉายภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ที่จะฉายเดือนธันวาคม 2023 นี้ ไม่ว่าจะเป็น ‘Wonka’, ‘Aquaman and the Lost Kingdom’ และ ‘The Color Purple’ แต่อย่างใด
ที่มา : ScreenRant
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส