เมื่อปีที่แล้ว ‘Elvis’ (2022) หนังชีวประวัติ เอลวิส เพรสลีย์ (Elvis Presley) ราชาเพลงร็อกแอนด์โรลตลอดกาล ฝีมือการกำกับของ บาซ เลอห์มานน์ (Baz Luhrmann) ถือเป็นอีกหนังคุณภาพที่สามารถเข้าชิงในรางวัลจากเวทีต่าง ๆ นับไม่ถ้วน
และยังเป็นบทบาทแจ้งเกิด ออสติน บัตเลอร์ (Austin Butler) นักแสดงหนุ่มชาวอเมริกันวัย 32 ปี ที่สามารถคว้ารางวัลนักแสดงภาพยนตร์ชายยอดเยี่ยม ประเภทดราม่า จากเวทีลูกโลกทองคำ (Golden Globe Awards) และจากเวที BAFTA รวมทั้งยังได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยม จากเวทีออสการ์อีกด้วย
ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะการที่บัตเลอร์เลือกที่จะทุ่มเทกับการแสดงในแบบ Method Acting อย่างหนักหน่วง แต่ในขณะเดียวกันก็ส่งผลให้เขาต้องเผชิญกับปัญหาทั้งสุขภาพกายและจิตจากการดิ่งลึกเข้าถึงบทบาท ในการสัมภาษณ์กับ The Times of London บัตเลอร์ได้เปิดเผยว่า นักแสดงรุ่นพ่ออย่าง ทอม แฮงส์ (Tom Hanks) เจ้าของบท ผู้พันทอม ปาร์คเกอร์ (Tom Parker) ผู้จัดการส่วนตัวของเอลวิสคือคนที่เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องนี้
วิธีแก้ไขก็คือ แฮงส์ได้เสนอบทบาท พันตรี เกล คลีเวน (Major Gale Cleven) ในทีวีซีรีส์สงคราม ‘Masters of the Air’ ที่แฮงส์ร่วมเป็น Executive producer กับ สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) ให้บัตเลอร์ลุยทำงานต่อทันทีหลังจากเสร็จสิ้นการแสดงใน ‘Elvis’ เพราะเขาไม่ต้องการให้นักแสดงหนุ่มต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพจิตจากภาวะอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวสุขเดี๋ยวเศร้า ที่อาจเกิดขึ้นกับบัตเลอร์ในระยะยาวได้
บัตเลอร์เล่าว่า แฮงส์ได้พูดเรื่องนี้กับเขาระหว่างรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน “เขาบอกกับผมว่า ตัวนายเองดำดิ่งไปกับการเป็นเอลวิสอย่างลึกซึ้ง แต่เพื่อสุขภาพจิตของตัวนาย นายควรจะโฟกัสมุ่งไปที่จุดอื่นบ้าง ถ้าแค่ถอนจากบทบาทเฉย ๆ นายอาจจะอารมณ์แปรปรวนเอาได้… และอย่างที่นายรู้แหละ ฉันกำลังโปรดิวซ์งานบางตัวอยู่…”
เบื้องหลังการเตรียมตัวสวมวิญญาณศิลปินตำนานของบัตเลอร์นั้นถือว่าเข้มข้นสุด ๆ ทั้งการอยู่ห่างจากครอบครัวและไม่ติดต่อพูดคุยเลยนานถึง 3 ปี เขามักจะพูดและร้องเพลงด้วยสำเนียงเดียวกับเอลวิสอยู่ตลอดเวลา กินโดนัท 2 โหลทีเดียวหมด รวมทั้งดื่มไอศกรีม Häagen-Dazs ที่ละลายในไมโครเวฟแก้กระหายแทนน้ำเปล่าเพื่อเพิ่มน้ำหนัก (แบบเดียวกับ ไรอัน กอสลิง – Ryan Gosling)
สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อบัตเลอร์ไม่น้อย เพราะเขาเองเคยเผยว่า ในระหว่างที่เขานอนอยู่ในอะพาร์ตเมนต์ เขามักจะสะดุ้งตื่นในช่วงเวลาประมาณ ตี 3 – ตี 4 ทุกวันด้วยความหวาดกลัวจากการเข้าถึงบทบาท นอกจากนี้ หลังถ่ายทำ เขาเองก็มีปัญหาเรื่องการติดสำเนียงพูดและร้องเพลงแบบเอลวิสจนเกือบจะเปลี่ยนกลับมาเป็นเสียงของตัวเองไม่ได้ แถมหลังถ่ายทำเสร็จสิ้น เขาเองก็ล้มป่วยจนต้องนอนพักฟื้นในโรงพยาบาลเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เนื่องจากอาการไส้ติ่งอักเสบจากการติดเชื้อไวรัส
ตอนนี้บัตเลอร์กำลังจะมีผลงานออกมาให้ได้ติดตามอย่างต่อเนื่อง ทั้งการรับบทนำใน ‘Masters of the Air’ มินิซีรีส์สงครามโลกครั้งที่ 2 ของ Apple TV+ ซึ่งถือเป็นมินิซีรีส์สงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่องที่ 3 ต่อจาก ‘Band of Brothers’ (2001) และ ‘The Pacific’ (2010) ที่แฮงส์และสปีลเบิร์กร่วมกันเป็นโปรดิวเซอร์
และหนังภาคต่อไซไฟมหากาพย์ ‘Dune: Part Two’ โดยเขารับบทเป็น Feyd-Rautha Harkonnen หลานชายคนสุดท้องของวายร้าย Baron Vladimir Harkonnen ที่มาพร้อมกับลุคที่ดูเขย่าขวัญสุด ๆ ซึ่งบทบาทนี้ รวมทั้งการสวมวิญญาณเป็นเอลวิส ก็มักจะทำให้เขาต้องรู้สึกมีความหวาดระแวง เพื่อให้เข้าถึงบทบาทได้มากที่สุด
บัตเลอร์เล่าเรื่องนี้พร้อมรอยยิ้มว่า “สิ่งที่ผมตระหนักได้ตอนแสดงใน ‘Elvis’ ก็คือ มันทำให้ผมต้องก้าวไปถึงจุดสูงสุดของสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ และไม่ใช่ว่าทุกประสบการณ์จะเป็นแบบนั้นไปเสียหมด ผมคิดว่าผมคงไม่ได้มีโอกาสมีประสบการณ์แบบนั้นอีกแล้ว การที่ผมต้องลงลึกกับมัน มันทำให้ผมรู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้น”
ที่มา: The Times of London, Variety
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส