เดวิด ฟินเชอร์ (David Fincher) เป็นหนึ่งในผู้กำกับมากฝีมือของฮอลลีวูดที่วงการยกย่องและมีแฟน ๆ ให้การยอมรับและติดตามผลงานเขาอยู่จำนวนมาก และยืนหยัดอยู่ในวงการมาแล้วกว่า 30 ปี แต่กว่าจะมาได้ถึงจุดนี้ เส้นทางของเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบนัก ฟินเชอร์ก้าวมาจากผู้กำกับมิวสิกวิดีโอระดับแถวหน้า เขาร่วมงานกับศิลปินชื่อดังมาแล้วนับไม่ถ้วนทั้ง ไมเคิล แจ็กสัน, จอร์จ ไมเคิล, มาดอนนา, สติง และอีกมากมาย ฟินเชอร์ประเดิมงานกำกับครั้งแรกกับ ‘Alien3’ ปี 1992 ซึ่งเป็นงานที่ท้าทายมาก เพราะ 2 ภาคก่อนหน้านั้นคือระดับเอกอุของวงการอย่าง ริดลีย์ สก็อตต์ ในภาคแรก และ เจมส์ คาเมรอน ในภาคที่ 2 แล้วก็เป็นไปอย่างที่หลายคนคาดเดา ฟินเชอร์ในฐานะผู้กำกับมือใหม่ไม่สามารถทำให้ Alien ในแบบของเขาเป็นที่ยอมรับได้ หนังถูกนักวิจารณ์สับเละ และรายได้ก็ไม่น่าพอใจ
ฟินเชอร์กลับไปทำงานมิวสิกวิดีโออยู่ 3 ปี ก่อนจะกลับมาอีกครั้งกับ ‘Se7en’ ผลงานประกาศศักดา ที่ลบล้างความผิดพลาดเดิมได้อย่างหมดจด พลิกภาพผู้กำกับที่โดนสบประมาทกลายเป็นผู้กำกับมากฝีมือที่สามารถสร้างผลงานขึ้นหิ้งที่ถูกยกเป็นแบบอย่างหนังสืบสวน-ระทึกขวัญ ที่ดีที่สุดตลอดกาล ผลงานของฟินเชอร์ต่อจากนั้นยังคงสไตล์ระทึกขวัญ ลึกลับ หักมุม และได้เสียงตอบรับอย่างดีทุกเรื่องตั้งแต่ ‘The Game’, ‘Fight Club’, ‘Panic Room’ แถมยังทำให้ ‘Alien 3’ กลับมาได้รับการพิจารณาอีกครั้ง ว่าแท้จริงแล้วหนังก็ไม่ได้แย่อย่างที่ผู้ชมและนักวิจารณ์ยี้ใส่ในวันที่ออกฉาย
ฟินเชอร์ฝากผลงานขึ้นหิ้งและกลายเป็นที่กล่าวขวัญครั้งล่าสุดกับ ‘Gone Girl’ ปี 2014 แล้วหลังจากนั้นมา เส้นทางของฟินเชอร์ก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ อีกครั้ง เมื่อ ‘mindhunter’ ทีวีซีรีส์แนวสืบสวนอาชญากรรมที่เขาอำนวยการสร้างและกำกับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จึงไปได้แค่ 2 ซีซัน และ ‘Mank’ ปี 2020 งานกำกับล่าสุดก็เป็นหนังแนวชีวประวัติ สายรางวัล ที่ไม่ได้เอาใจผู้ชมในวงกว้างสักเท่าใดนัก จนกระทั่งปี 2023 นี้ ที่ เดวิด ฟินเชอร์ กลับมากับงานในสไตล์เดิม ๆ ที่แฟน ๆ คิดถึงอีกครั้งกับ ‘The Killer’ ที่ได้ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ (Michael Fassbender) มารับบทนำเป็นมือสังหารชื่อดัง และอีกชื่อที่น่าสนใจอย่างมากก็คือ แอนดรูว์ เควิน วอล์กเกอร์ (Andrew Kevin Walker) มือเขียนบท ‘Se7en’ ที่นับว่าเป็นการกลับมาร่วมงานกับฟินเชอร์อย่างเป็นทางการครั้งแรกในรอบ 28 ปี (วอล์กเกอร์เขียนบท ‘The Game’, ‘Fight Club’ ให้ฟินเชอร์ด้วย แต่ไม่รับเครดิต)
‘The Killer’ไม่ได้เป็นเพียงแค่งานหวังคืนฟอร์มของฟินเชอร์แค่นั้น ยังเป็นความคาดหวังของ ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์ อีกด้วย เพราะหลังจากความล้มเหลวของ ‘Dark Phoenix’ เมื่อปี 2019 ฟาสเบนเดอร์ก็หายหน้าไปจากวงการเลย และนี่คือการกลับมารับงานแสดงครั้งแรกในรอบ 4 ปี ซึ่งระหว่างนั้นฟาสเบนเดอร์ก็ได้มีการพบปะพูดคุยกับฟินเชอร์อยู่หลายครั้ง ว่าจะหาเรื่องอะไรที่เหมาะจะทำร่วมกัน แล้วก็เป็นฝ่ายฟินเชอร์ที่นำเสนอ “The Killer” หนังสือการ์ตูนสัญาติฝรั่งเศสที่เขียนเรื่องโดย อเล็กซิส โนเล็นต์ และเขียนภาพโดย ลุค จาคามอน ที่ฟินเชอร์ชื่นชอบและอยากจะดัดแปลงเป็นภาพยนตร์มากว่า 20 ปี แล้ว และเมื่อฟาสเบนเดอร์เห็นชอบด้วย โปรเจกต์นี้จึงได้เริ่มต้นขึ้น
ฟาสเบนเดอร์รับบทเป็น ‘The Killer’ ตัวละครเอกแต่ไร้นาม เขาเป็นนักฆ่าระดับพระกาฬ ที่มีเหตุผิดใจกับนายจ้างตัวเองจนต้องกลายมาเป็นศัตรูกัน หนังยกกองไปถ่ายทำกันหลัก ๆ ในปารีสเมื่อพฤศจิกายนปี 2021 และกลับมาถ่ายเพิ่มเติมที่อิลลินอยส์ในเดือนมีนาคม 20200 อีก 10 วัน จนปิดกล้อง มี ธิลดา สวินตัน (Tilda Swinton) ร่วมแสดงในบทที่ยังไม่มีการเปิดเผย
ดูทีท่าแล้วฟินเชอร์ออกจากมั่นใจในคุณภาพของ ‘The Killer’นี้มาก ถึงกับส่งเข้าประกวดในเทศกาลภาพยนตร์เมืองเวนิช เดือนกันยายนนี้ จากนั้นจะะออกฉายแบบจำกัดโรงในเดือนตุลาคมนี้ คาดว่าเพื่อให้ได้สิทธิ์เข้าชิงออสการ์ปีหน้านี้ ก่อนจะสตรีมิงทาง Netflix อย่างเป็นทางการในวงกว้าง 10 พฤศจิกายนนี้
ที่มา : screenrant IMDB wikipedia