หลังจากที่เข้าฉายบนบริการสตรีมมิงมาแล้ว 1 สัปดาห์ ล่าสุด Samba TV ได้เปิดเผยว่า ‘The Flash’ มียอดการรับชมบนแพลตฟอร์มสตรีมมิง Max เพียง 1.1 ล้านครัวเรือนในสหรัฐฯ ซึ่งน้อยกว่ายอดสตรีมของ ‘Black Adam’ ที่ทำไว้ 1.2 ล้านครัวเรือน ในระยะเวลา 1 สัปดาห์ สูงกว่า ‘Shazam! Fury of the Gods’ ทีมียอดรับชมเพียง 260,000 ครัวเรือน ในสัปดาห์แรก
กล่าวคือ ‘The Flash’ ได้กลายเป็นภาพยนตร์ในจักรวาล DC ที่มียอดรับชมบนบริการสตรีมมิงน้อยที่สุดลำดับที่ 2 รองจาก ‘Shazam! Fury of the Gods’
‘The Flash’ เป็นโปรเจกต์ที่ผ่านการแก้ไขมาหลายครั้งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ผ่านมือเขียนบทและผู้กำกับมากมาย จนกระทั่งถ่ายทำสำเร็จและได้เข้าฉายอย่างเป็นทางการในปี 2023 พร้อมคำวิจารณ์ในแง่ดี แต่ตัวภาพยนตร์กลับทำรายได้รวมทั่วโลกอย่างน่าผิดหวัง โดยทำไปเพียง 268.5 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างที่สูงถึง 200 ล้านเหรียญ
ด้วยรายได้และยอดรับชมบนแพลตฟอร์มสตรีมมิงที่ไม่น่าประทับใจนั้น ได้ส่งผลร้ายต่อโปรเจกต์ใหม่ของ ‘The Flash’ ในจักรวาล DCU (DC Universe) ของ เจมส์ กันน์ (James Gunn) ในอนาคตอย่างแน่นอน
โปรเจกต์ดังกล่าวได้รับการประกาศเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา โดยได้ เดวิด เลสลี่ จอห์นสัน-แมคโกลดริค (David Leslie Johnson-McGoldrick) มือเขียนบทของ ‘Aquaman’ (2018) และ ‘Aquaman and the Lost Kingdom’ (2023) มาเขียนสคริปต์ให้ โดยนำตัวละคร Batman ที่รับบทโดย ไมเคิล คีตัน (Michael Keaton) และ Supergirl ที่รับบทโดย ซาช่า แคลล์ (Sasha Calle) กลับมาอีกครั้ง
ในส่วนของนักแสดงนำนั้น กันน์และ ปีเตอร์ ซาฟราน (Peter Safran) ซีอีโอ DC Studios มองว่า เอซรา มิลเลอร์ (Ezra Miller) มีศักยภาพมากพอจะกลับมาแสดงนำได้ แต่ด้วยความล้มเหลวของ ‘The Flash’ ก็ดูเหมือนจะทำให้เวลาของมิลเลอร์ในบท ‘The Flash’ ได้หมดลงแล้ว และยังต้องติดตามต่อไปว่ากันน์จะรีบูตเรื่องราวของ ‘The Flash’ ต่อไปหรือไม่
นอกจากนี้ Warner Bros. ยังเคยกล่าวไว้ว่า ‘The Flash’ จำเป็นต้องทำรายได้เทียบเท่าหรือสูงกว่า ‘The Batman’ (2021) ที่ทำไว้ 771 ล้านเหรียญทั่วโลก จึงจะเปิดไฟเขียวให้สร้าง ‘The Flash 2’ จึงยิ่งเป็นการตอกย้ำว่า ‘The Flash’ อาจไม่ได้กลับมาใน DCU ของกันน์ ก็เป็นได้
ที่มา : ScreenRant
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส