หลังจากที่เข้าฉายในประเทศญี่ปุ่นด้วยกลยุทธ์ไม่ปล่อยตัวอย่างให้ชมล่วงหน้า แต่ตัวภาพยนตร์แอนิเมชัน ‘The Boy and the Heron’ ของอาจารย์ ฮายาโอะ มิยาซากิ (Hayao Miyazaki) แห่ง Studio Ghibli ก็ยังคงกวาดรายได้ไปอย่างมหาศาลถึง 58 ล้านเหรียญ (ประมาณ 2,070 บาท) ล่าสุด GKIDS ผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์แอนิเมชันของ Studio Ghibli ในตลาดสหรัฐฯ ได้ปล่อยตัวอย่างแรกของ ‘The Boy and the Heron’ ให้ได้ชมกัน
ตัวอย่างดังกล่าวได้เปิดเผยให้เห็นงานศิลป์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Studio Ghibli ที่แฟน ๆ คุ้นเคย เช่นเดียวกับผลงานระดับขึ้นหิ้งอย่าง ‘Princess Mononoke’ (1997), ‘Spirited Away’ (2001) และ ‘Howl’s Moving Castle’ (2004) พร้อมด้วยเรื่องราวดราม่าอิงประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นผสานจินตนาการและปรัชญาการใช้ชีวิต
ตัวอย่างดังกล่าวยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของอาจารย์มิยาซากิ ไม่ด้อยไปกว่าผลงานก่อนหน้านี้อย่าง ‘The Wind Rises’ เมื่อปี 2013 เลยก็ว่าได้
‘The Boy and the Heron’ เป็นเรื่องราวของเด็กชายนามว่า มาฮิโตะ (Mahito) ที่สูญเสียแม่ไปในสงครามโลกครั้งที่ 2 และในช่วงที่เขากำลังโศกเศร้าอยู่นั้น นกกระสาต้วหนึ่งก็มาแจ้งข่าวว่าแม่ของเขายังไม่ตาย และนำเขาไปสู่หอคอยร้างที่ซึ่งทำให้เขาเดินทางไปอีกโลกหนึ่ง
ตัวอย่างนี้มาพร้อมคำโปรโมตที่น่าสนใจว่า “เมื่อความตายนำมาซึ่งจุดสิ้นสุด ชีวิตค้นพบการเริ่มต้นใหม่” (Where death comes to and end. Life finds a new beginning) ซึ่งดูเหมือนจะเป็นหลักปรัชญาที่อาจารย์มิยาซากิใส่ไว้ในผลงานหลายเรื่อง และเป็นแก่นสำคัญของ ‘The Boy and the Heron’ ด้วย
‘The Boy and the Heron’ ได้รับการฉายเปิดงานเทศกาลเภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโต (Toronto International Film Festival: TIFF) ครั้งที่ 48 ในวันที่ 7 กันยายน 2023 ซึ่งเป็นการปูทางสู่การในตลาดต่างประเทศทั่วโลกต่อไป และมีความเป็นไปได้ที่จะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาแอนิเมชันยอดเยี่ยมอีกด้วย
‘The Boy and the Heron’ มีกำหนดฉายที่สหรัฐฯ ในวันที่ 8 ธันวาคม 2023 นี้
ที่มา : ScreenRant
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส