ตอนนี้คงพูดได้อย่างเต็มปากว่า หนังคู่ขวัญซัมเมอร์ทั้ง ‘Barbie’ และ ‘Oppenheimer’ คือหนังแห่งปี 2023 อย่างแท้จริง ด้วยสถิติที่น่าประทับใจทั้ง ‘Barbie’ ของผู้กำกับ เกรตา เกอร์วิก (Greta Gerwig) ที่ตอนนี้กลายเป็นหนังที่ทำรายได้สูงที่สุดตลอดกาลของค่าย Warner Bros. ไปแล้ว ส่วน ‘Oppenheimer’ ผลงานกำกับของ คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) ขึ้นแท่นอันดับ 2 ของหนังเรต R ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล และยังก่อกำเนิด ‘Barbenheimer’ ที่เป็นทั้งไวรัล และมีมฮาบนโลกอินเทอร์เน็ต
แต่นั่นคงไม่น่าทึ่งเท่ากับว่า จริง ๆ แล้ว Barbie Oppenheimer นั้นไม่ใช่แค่ชื่อหนัง แต่เป็นชื่อและนามสกุลของบุคคลที่มีอยู่จริง ๆ โดยผู้หญิงคนนี้มีชื่อจริงว่า บาร์บารา ออพเพนไฮเมอร์ (Barbara Oppenheimer) อายุ 68 ปี เป็นศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการแก้ไขการพูด (Speech-Language Pathology) และเป็นอดีตอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยบอสตัน ปัจจุบันเธออยู่ในวัยเกษียณ อาศัยอยู่ที่เมืองนิวตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ เป็นคุณแม่ของลูกชาย 2 คน และเป็นคุณยายของหลาน ๆ
ชื่อของคุณยายบาร์บารานั้นก็มีที่มาที่น่าสนใจ เพราะตามประวัตินั้น คุณยายบาร์บารานั้นถูกเปลี่ยนมาจากชื่อ Barbie ที่มีมาแต่กำเนิด “ฉันเคยมีชื่อ Barbie นะ สะกดเหมือนตุ๊กตาบาร์บี้เลย เพราะสมัยนั้น ใคร ๆ ก็อยากเป็นเหมือนกับบาร์บี้ หลังจากนั้นตอนฉันอายุ 12 ขวบ ฉันก็เปลี่ยนไปใช้ Barby ด้วยการเปลี่ยนเป็นตัวอักษร y และจากนั้นฉันก็ถูกเรียกว่าบาร์บ (Barb) จนกระทั่งฉันเรียนจบ ฉันก็เปลี่ยนไปใช้บาร์บาราแทน ดูซีเรียสและจริงจังขึ้นมาก”
ส่วนนามสกุล Oppenheimer นั้นเกิดจากการที่เธอแต่งงานกับสามี และพ่อของสามีนั้นมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องคนที่ 3 หรือเป็นญาติห่าง ๆ ของ เจ โรเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์ (J. Robert Oppenheimer) นักฟิสิกส์ผู้คิดค้นระเบิดปรมาณู คุณยายจึงมีสิทธิ์ใช้นามสกุลนี้ในฐานะภรรยา
ในการสัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Slate คุณยายออปเพนไฮเมอร์ได้เล่าถึงปฏิกิริยาของปรากฏการณ์ ‘Barbenheimer’ หลังจากที่ดันไปพ้องกับชื่อของหนังอย่างบังเอิญ ซึ่งเธอเองก็ได้มีโอกาสดูหนังทั้ง 2 เรื่องแล้วด้วย “เพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของฉันจากทั่วโลก ส่งข้อความมาหาฉันตอนสุดสัปดาห์ตอนที่หนังเข้าฉาย เขาพูดกันว่ามันเป็น ‘ระเบิดกับสาวสวย’ ซึ่งฉันว่าตลกดี! มันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม เป็นตัวดึงคนกลับเข้าโรงหนังได้จริง ๆ “
“เราไปดู ‘Oppenheimer’ ช่วงสุดสัปดาห์ที่เข้าฉาย พ่อของสามีฉันเป็นลูกพี่ลูกน้องคนที่ 3 ของออปเพนไฮเมอร์ เราจึงอยากรู้ว่าพวกเขาจะปฏิบัติต่อเรื่องราวของเขาอย่างไร ตอนแรกฉันได้ยินว่าหนังมันยาว 3 ชั่วโมง ฉันก็อุทานว่า ‘ตายแล้ว…’ แต่ฉันคิดว่าพวกเขาทำออกมาได้ดี ตัวหนังเข้าถึงประเด็นขัดแย้งทางศีลธรรมที่ออปเพนไฮเมอร์ต้องเผชิญจริง ๆ เขาเป็นฮีโรของใครหลาย ๆ คน แต่ก็ตกเป็นเป้าของความโกรธอย่างมากเช่นกัน”
“และ 2 สัปดาห์ถัดมา เราก็ไปดู ‘Barbie’ เรารักหนังทั้ง 2 เรื่องคนละแบบ ฉันไม่แน่ใจเหมือนกันนะว่าสามีฉันเขาจะชอบ ‘Barbie’ หรือเปล่า แต่ตอนดูเขาก็หัวเราะดัง ๆ ทั้งเรื่องเหมือนกัน ถ้าถามว่าฉันชอบเรื่องไหนมากกว่า มันคงตอบยากนะ! แม้ฉันจะแน่ใจว่าตัวฉันเองจั๊กจี้กับสีชมพู ที่พวกเขาเอาตุ๊กตาบาร์บี้มาอยู่ในโลกจริง แต่ฉันก็หัวเราะดัง ๆ เกือบทั้งเรื่อง ฉันเองคงเลือกไม่ได้ แต่ฉันก็ดีใจที่ได้ดูหนังทั้ง 2 เรื่องนะ”
แม้คุณยายจะเล่าว่า ตอนไปดูหนัง เธอไม่ได้ใส่เสื้อชมพู แต่เธอเองก็รับรู้ถึงกระแส ‘Barbenheimer’ ซึ่งลูกชายและหลาน ๆ ของเธอต่างก็สนุกสนานกับมุกนี้เช่นกัน “หลาน ๆ ของฉันส่วนใหญ่ยังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจเทรนด์นี้ แต่หลานสาวคนโตของฉันที่มีอายุแค่ 7 ขวบ และเคยเป็นแฟนบาร์บี้ตัวยงมาก่อนกลับรู้สึกทึ่ง ส่วนลูกชายคนโตของฉัน เล่นมุกด้วยการซื้อเสื้อยืด Barbenheimer ให้เป็นของขวัญวันเกิดฉันในเดือนตุลาคม แต่สุดท้ายก็ผิดหวัง เพราะฉันมีอยู่แล้ว”
“ความคลั่งไคล้ใน ‘Barbenheimer’ นั้นเพิ่มความสนุกสนานให้กับชีวิตของฉันที่ก็ดีอยู่แล้ว มันสนุกมาก ฉันสนุกมากกับความคลั่งไคล้นี้ การยอมรับความบังเอิญที่เกิดขึ้นในชีวิต เป็นสิ่งที่สำคัญเสมอ ใช่ไหม”
แม้คุณยายจะพึงพอใจกับชื่อของตัวเองที่ไปพ้องกับกระแสดัง แต่คนส่วนใหญ่เองก็ยังไม่เชื่อว่าเธอจะมีชื่อนี้จริง ๆ จนมีหลายคนไม่เชื่อ และเข้าใจผิดหาว่าเธอเล่นมุก ตอนที่เธอต้องบอกชื่อของตัวเองกับคนอื่น ๆ คุณยายออปเพนไฮเมอร์เล่าประสบการณ์ขำ ๆ จากคนที่มีปฏิกริยาหลังจากที่ได้ยินชื่อของเธอว่า
“ตอนนั้นฉันกำลังพักร้อนน่ะ เมื่อฉันเข้าไปเช็กอินที่โรงแรม ฉันก็เลยแจ้งชื่อ บาร์บี้ ออปเพนไฮเมอร์ แล้วชายคนนั้นก็พูดว่า ‘นี่คุณล้อผมเล่นเปล่าเนี่ย ?’ “
ที่มา: Slate, DailyMail, New York Post
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส