Deadline ได้รายงานว่า The H Collective บริษัทที่อยู่เบื้องหลังการสร้าง ‘Brightburn’ (2019) ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรสยองขวัญของค่าย Screen Gems ที่ได้ เจมส์ กันน์ (James Gunn) มาเป็นผู้อำนวยการสร้าง ได้ปรับฐานธุรกิจใหม่ในชื่อ H3 Entertainment ซึ่งรวมเอาเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังแรงอย่าง AI (Aritficial Intelligence), Metaverse และ Web3 เข้ามาด้วยช่วยในการพัฒนาโปรเจกต์ใหม่ ๆ ด้วย
รายงานดังกล่าวระบุว่า หนึ่งในโปรเจกต์ใหม่ที่น่าสนใจคือภาคต่อของ ‘Brightburn’ แต่ยังชะไว้ก่อน เนื่องจากอยู่ในช่วงการประท้วงของสมาพันธ์นักแสดงและนักเขียนของสหรัฐฯ โดยหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทได้กล่าวว่า พวกเขาเคารพต่อความเป็นมืออาชีพและแฟน ๆ พร้อมบูรณาการนำเทคโนโลยีใหม่มามีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสังคมด้วย
‘Brightburn’ เป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่นำแนวคิดเมื่อเด็กชายที่มีความสามารถพิเศษคล้าย Superman กลายเป็นคนร้าย จะก่อเรื่องน่าสะพรึงได้มากเพียงไร ซึ่งนอกจากกันน์จะลงมาอำนวยการสร้างด้วยตนเองหลังถูก Disney ผลักออกจากโปรเจกต์ ‘Guardians of the Galaxy Vol. 3’ และได้ Screen Gems ดึงตัวมาร่วมงานทันที และได้ ไบรอัน และ มาร์ก กันน์ (Brian, Mark Gunn) น้องชายของเจมส์มาเขียนบท
‘Brightburn’ ได้รับเสียงวิจารณ์อย่างหลากหลาย และทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 33.2 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างเพียง 6 ล้านเหรียญ
หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้โปรเจกต์ภาคต่อของ ‘Brightburn’ ไม่มีความคืบหน้ามาตั้งแต่ปี 2019 มาจากการที่กันน์ต้องทุ่มเทเวลาให้กับการกำกับ ‘The Suicide Squad’ (2021) และกลับไปสร้าง ‘Guardians of the Galaxy Vol. 3’ (2023) รวมถึงได้รับตำแหน่งซีอีโอร่วมของ DC Studios ที่อยู่ในการดูแลของ Warner Bros. Discover ซึ่งทำให้เขาไม่มีเวลาพัฒนาภาคต่อของ Brightburn ได้อย่างเต็มที่
แม้ว่าภาพยนตร์ดังกล่าวจะมีเนื้อเรื่องต้นฉบับเป็นตนเอง แต่ในฉากโพสต์เครดิตนั้นดูเหมือนว่าจะมีผู้ที่มีพลังคล้าย Aquaman และ Wonder Woman แต่เป็นเวอร์ชันสุดร้ายกาจ อยู่ในจักรวาลเดียวกันนี้ด้วย
อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่า H3 Entertainment อาจเตรียมเดินหน้าสร้างภาคต่อของ ‘Brightburn’ โดยไม่รอกันน์อีกต่อไป และต้องดูว่าจะมีการนำตัวละครอื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้าย Aquaman และ Wonder Woman มาร่วมปรากฏตัวด้วยหรือไม่
ที่มา : ScreenRant
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส