เมื่อวันที่ 11 กันยายนที่ผ่านมานี้ เป็นวันครบรอบ 22 ปี เหตุการณ์ 9/11 ที่ผู้ก่อการร้ายอัลกออิดะห์ ยึดเครื่องบินแล้วโจมตีอาคารสำคัญในสหรัฐฯ ถึง 4 ครั้ง ส่งผลให้ชาวอเมริกันเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้มากกว่า 3,000 ราย ในการนี้ชาวอเมริกันจึงรวมตัวกันทั่วประเทศเพื่อร่วมรำลึกถึงบุคคลอันเป็นที่รักที่จากไปเนื่องจากเหตุการณ์ก่อการร้ายครั้งนั้น
ส่วนชาวอเมริกันบางคนก็เลือกระลึกถึงเหตุการณ์โศกนาฎกรรมด้วยการหาหนังที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ 9/11 มาดูด้วยกัน ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีมานี้ ผู้สร้างภาพยนตร์ฮอลลีวูดก็สร้างหนังที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ 9/11 ออกมาเยอะมาก แต่ก็มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ชาวอเมริกันยกย่องว่า “ถ่ายทอดบรรยากาศหลังเกิดเหตุการณ์ได้แบบเฉียบพลัน” ใน 1 วันหลังจากอเมริกาถูกโจมตี นั่นก็คือภาพยนตร์เรื่อง ’25th Hour’
’25th Hour’ กำกับโดย สไปก์ ลี (Spike Lee) โดยอิงมาจากหนังสือชื่อเดียวกันของ เดวิด เบนอฟ (David Benioff) เล่าเรื่องราวของ มอนตี้ โบรแกน รับบทโดย เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน (Edward Norton) ผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่กำลังจะต้องเข้าคุกเพื่อรับโทษจองจำเป็นเวลา 7 ปี ในคดีค้ายา แม้ว่าเนื้อหาของหนังจะไม่ได้เจาะจงไปที่เหตุการณ์ 9/11 โดยตรง แต่ฉากหลังของเรื่องก็คือช่วงเวลาไม่กี่วันหลังอเมริกาถูกโจมตี แต่กระนั้น หนังก็ได้รับเสียงยกย่องจากผู้ชมว่า หนังสามารถถ่ายทอดบรรยากาศ “ที่อบอวลไปด้วยความรู้สึกที่จิตใจแตกสลายหลังเมืองถูกโจมตี”
ฉากเปิดเรื่องของหนังก็น่าประทับใจ เพราะเป็นภาพการแสดงงานศิลปะด้วยแสงไฟ ‘Tribute in Light’ ที่ใช้ไฟสปอตไลต์ 88 ดวงส่องขึ้นไปบนฟากฟ้า เพื่อรำลึกถึงผู้ที่สูญหายไปในเหตุการณ์นี้ แล้วก็มีฉากสนทนาของบรรดาเจ้าหน้าที่ที่กำลังเดินเข้าที่เกิดเหตุเพื่อค้นหาร่างของผู้ที่ติดค้างอยู่ในซากตึก ลีตั้งใจนำเสนอ ’25th House’ ออกมาให้แตกต่างจากหนังอีกหลาย ๆ เรื่องที่ออกมาหลังเหตุการณ์ 9/11 ที่มักจะตัดภาพอาคารเวิลด์เทรดเซนเตอร์ออกไป เหมือนว่าไม่เคยมีอยู่ แต่ลีเลือกที่จะพูดถึงการเคยมีอยู่ของอาคารเวิลด์เทรดแบบตรงไปตรงมา
สไปก์ ลี ให้สัมภาษณ์กับ GQ ว่า
“พวกเขาทำกันอย่างกับว่าชาวนิวยอร์กหรือชาวอเมริกันนั้นจิตใจไม่เข้มแข็งพอที่จะเห็นภาพของอาคารเวิลด์เทรดเซนเตอร์อีกต่อไปแล้ว ผมคิดว่าโคตรไร้สาระ ผมมองว่ามันอ่อนแอเกิ๊น”
ในหนัง ’25th Hour’ก็มีตัวละครที่เป็นชาวนิวยอร์กที่กำลังโศกเศร้าเสียใจต่อกับเหตุการณ์นี้
“ผมคิดเสมอว่างานศิลปะจะต้องถ่ายทอดสิ่งที่เกิดขึ้นได้จริง ผมจะไม่หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงหรอก ให้ตายเถอะ ไม่จริง ๆ “
ถึงแม้ว่าหนังจะถ่ายทอดบรรยากาศหลังเหตุการณ์สุดสะเทือนใจชาวอเมริกันทั้งประเทศ แต่ลีก็ถ่ายทอดภาพเหตุการณ์นี้ด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุด เขาพูดถึงเรื่องนี้กับนิตยสาร The New York Times ว่าเขารู้ดีว่า
“มันยังคงเป็นความรู้สึกเจ็บปวดสุดแสน และจะยังคงเป็นความเจ็บปวดใจอย่างที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องสูญเสียญาติพี่น้องไป”
และชาวอเมริกันจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบจากเหตุโศกนาฎกรรมนี้ต่างก็ชื่นชมในผลงานภาพยนตร์เรื่องนี้ของลี แม้ว่าบางคนจะเพิ่งได้ดูหนังเรื่องนี้หลังจากผ่านเหตุการณ์มาแล้วถึง 22 ปี และชื่นชมว่าหนังถ่ายทอดบรรยากาศในช่วงเวลา 1 วันหลังเหตุการณ์ได้ดีเยี่ยม
มีหลายคนมาเขียนชื่นชมหนัง ’25th Hour’ ผ่านทาง X ว่า
“ฉันเชื่อแน่ว่ามันมีหนังหลายเรื่องแหละที่พูดถึงเหตุการณ์ #Sept11th ได้ชัดเจนและครอบคลุมกว่านี้ แต่ฉันไม่คิดหรอกนะว่าจะมีหนังเรื่องไหนที่ถ่ายทอดบรรยากาศหลังเกิดเหตุการณ์เฉียบพลันในนิวยอร์กได้ดีไปกว่า ’25th Hour ของ สไปก์ ลี อีกแล้ว”
ผู้ใช้ X อีกคนโพสต์ว่า “ฉันจะไม่ลืมเช้าวันที่เกิดเหตุการณ์นี้ ตอนนั้นฉันอายุ 23 ปี เพิ่งเป็นชาวนิวยอร์เกอร์ได้แค่ 14 เดือนเอง”
อีกโพสต์หนึ่ง “ขอเป็นอีกคนที่รักหนังเรื่องนี้วันนี้…….ฉันไม่รู้จะใช้คำพูดว่าอะไรดี บางทีอาจจะบอกได้ว่ามันเป็นความโศกเศร้าและสะท้อนความรู้สึกในวันนั้นจากการที่ได้ดู ’25th Hour’ ของลี”
“เพลงและภาพในเครดิตเปิดเรื่องของ ’25th Hour’ ที่กำกับโดย สไปก์ ลี นั้น ถ่ายทอดความรู้สึกและทำให้จิตใจแตกสลายได้ในหนึ่งวันและหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่เมืองถูกโจมตี ความปวดร้าวที่เผ่ซ่านไปทั่วทั้งเมืองหลังเกิดเหตุการณ์นั้นมันชัดเจนจนไม่รู้จะใช้คำพูดอธิบายได้อย่างไร”
’25th Hour’ ในชื่อไทย ’25 ช.ม. ชนเส้นตาย’ ออกฉายเมื่อปี 2002 มีความยาว 2 ชั่วโมง 15 นาที นำแสดงโดยนักแสดงคุณภาพล้วน ๆ เอ็ดเวิร์ด นอร์ตัน, แบร์รี เพปเพอร์ และ ฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟฟ์แมน เป็นหนังที่น้อยคนน่าจะได้ดูกัน เพราะเป็นหนังสายรางวัล เป็นที่ชื่นชอบของนักวิจารณ์มากกว่าผู้ชม ได้คะแนน rottentomatoes ไปที่ 79 % ใช้ทุนสร้างแค่ 5 ล้านเหรียญ และทำเงินไป 23 ล้านเหรียญ
ที่มา : unilad