เมื่อ 10 ปีก่อน เป็นครั้งแรกที่โลกได้รู้จักกับบุรุษเหล็กคนใหม่ ในหนังเรื่อง ‘Man of Steel’ (2013) ซึ่งแม้ต้วหนังจะได้รับคำวิจารณ์แบบเสียงแตก แต่ก็ถือเป็นหนังที่เปิดจักรวาล DCEU (DC Extended Universe) และจักรวาลของสไนเดอร์ (Snyderverse) ที่ถูกเรียกขานตามชื่อของผู้กำกับ แซ็ก สไนเดอร์ (Zack Snyder) แต่สไนเดอร์ก็ไม่ใช่ผู้กำกับเพียงคนเดียวที่ได้เป็นตัวเลือกให้มากำกับหนังบุรุษเหล็กเรื่องนี้
เดวิด เอส โกเยอร์ (David S. Goyer) ผู้เขียนบทหนัง ได้มีโอกาสเล่าถึงเบื้องหลังของหนังเรื่องนี้กับ จอช โฮโรวิตซ์ (Josh Horowitz) ในพอดแคสต์ ‘Happy Sad Confused’ ในระหว่างโปรโมตซีรีส์ ‘Foundation’ ซีซัน 2 ของ AppleTV+ ที่เขาลงมือทำตั้งแต่การเขียนบท กำกับ เป็นโปรดิวเซอร์ และครีเอเตอร์ของซีรีส์
โดยส่วนหนึ่งของบทสนทนา เขาไเผยว่า นอกจากแซ็กแล้ว เขาและ คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) โปรดิวเซอร์ของหนังเรื่องนี้ ก็ยังเลือกผู้กำกับชื่อดัง โทนี สก็อตต์ (Tony Scott) ผู้กำกับรุ่นใหญ่ผู้ล่วงลับ เจ้าของผลงานระดับตำนานทั้ง ‘Top Gun’ (1986), ‘Days of Thunder’ (1990) ‘Crimson Tide’ (1995) และ ‘Man on Fire’ (2004) ไว้เป็นอีกตัวเลือกด้วย
“มันเป็นกระบวนการที่รอบคอบมาก ๆ ครับ คริสกับผมคุยกันเกี่ยวกับผู้กำกับ 5 คนที่จะมากำกับ และในที่สุดเราก็เลือกแซ็ก และผู้กำกับอีกคนขึ้นมา เรารู้สึกว่าแซ็กคือผู้กำกับที่เหมาะสมกับหนังเรื่องนี้ ผมตื่นเต้นกับไอเดียที่แซ็กต้องการถ่ายทำหนังแบบ Handheld (การถ่ายทำหนังด้วยการถือกล้องด้วยมือโดยไม่ต้องใช้ขาตั้ง) ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยม”
โกเยอร์ยังพูดถึงสก็อตต์ ที่ทั้งคู่วางเอาไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกด้วยการเปรียบเทียบเป็นจักรวาลหากในจักรวาลหลัก มี ‘Man of Steel’ เวอร์ชันของสไนเดอร์ Man of Steel เวอร์ชันของสก็อตต์ก็อยู่ในจักรวาลคู่ขนานที่ถูกเรียกว่าเป็น Elseworlds ที่อยู่นอกจักรวาล DC อีกที
“สิ่งที่น่าสนใจในเวอร์ชัน Elseworlds ก็คือ คริสได้มีโอกาสพบกับ โทนี สก็อตต์ แล้วครับ ดังนั้นก็เลยน่าจะมี ‘Man of Steel’ เวอร์ชัน โทนี สก็อตต์ อยู่ในจักรวาลคู่ขนานที่ไหนสักแห่ง ผมคิดว่าสก็อตต์ไม่ได้รับเครดิตมากเท่าที่เขาควรจะได้รับ เพราะว่าเขาก็เป็นผู้กำกับที่มหัศจรรย์ไม่แพ้กับพี่ชายของเขา (ริตลีย์ สก็อตต์ – Ridley Scott) และนั่นก็เป็นหนังที่ผมเองก็อยากจะดูเหมือนกัน”
โปรเจกต์การสร้าง Superman เกิดขึ้นในปี 2008 หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยมีซูเปอร์แมนเวอร์ชัน คริสโตเฟอร์ รีฟ (Christopher Reeve) และ แบรนดอน รูธ (Brandon Routh) ใน ‘Superman Returns’ (2006) หนังซูเปอร์แมนกึ่งภาคต่อกึ่งรีบูตที่ล้มเหลวด้านรายได้ โดยไอเดียซูเปอร์แมนฉบับใหม่นี้ โกเยอร์ได้นำเอาไอเดียไปเสนอแก่โนแลน ในระหว่างพัฒนาบท ‘The Dark Knight Rises’ (2012) อยู่
ซึ่งโนแลนก็เห็นดีด้วย จึงได้นำไปเสนอกับ Warner Bros. ทำให้โนแลนจึงได้เข้ามาเป็นโปรดิวเซอร์ และได้ เฮนรี คาวิลล์ (Henry Cavil) นักแสดงหนุ่มชาวอังกฤษมารับบทเป็นซูเปอร์แมนคนใหม่ และได้ ไมเคิล แชนนอน (Michael Shannon) มารับบทเป็นนายพลซ็อด วายร้ายหลักของเรื่อง แม้จะได้รับคำวิจารณ์แบบเสียงแตก แต่ก็ยังทำรายได้ Box Office ไปไม่น้อยถึง 668 ล้านเหรียญ
คาวิลล์ในฐานะบุรุษเหล็ก ปรากฏตัวเป็นครั้งสุดท้ายในฉาก End-Credits หนัง ‘Black Adam’ (2022) ก่อนที่ เจมส์ กันน์ (James Gunn) ผู้บริหารคนใหม่ของ DC Studios จะนำเสนอแผน ‘Chapter 1’ ของ จักรวาล DC Universe หรือ DCU ซึ่งประกอบไปด้วย 10 ไตเติลที่จะเกิดขึ้นในจักรวาลใหม่นี้
โดยหนึ่งในไตเติลจากแผน ‘บทที่ 1’ นี้ก็คือโปรเจกต์รีบูต ‘Superman: Legacy’ ที่กันน์รับหน้าที่เขียนบทและกำกับเอง และจะได้ เดวิด คอเรนสเว็ต (David Corenswet) มารับบทเป็นซูเปอร์แมนคนใหม่ โดยในขณะนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนเตรียมงานผลิต โดยจะมีกำหนดการถ่ายทำในช่วงต้นปี 2024 และมีกำหนดฉายในวันที่ 11 กรกฎาคม 2025 และทำหน้าที่เป็นหนังเปิดจักรวาล DCU อย่างเป็นทางการ
ที่มา: CBR
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส