Deadline รายงานว่า ‘Barbie’ ยังคงทำรายได้ในสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ติดอันดับต้น ๆ บนบ็อกซ์ออฟฟิศสหรัฐฯ เป็นสัปดาห์ที่ 10 ติดต่อกันแล้ว แม้ว่าตัวภาพยนตร์จะถูกส่งลง VOD (Video on Demand) เพื่อฉายบนแพลตฟอร์มสตรีมมิงแล้วก็ตาม ในขณะที่ภาพยนตร์เข้าใหม่หลายเรื่องที่เข้าฉายหลัง ‘Barbie’ กำลังจะร่วงจากบ็อกซ์ออฟฟิศ ไม่ว่าจะเป็น ‘My Big Fat Greek Wedding 3’, ‘Blue Beetle’ และ ‘Teenage Mutant Ninja Turtles: Mutant Mayhem’
‘Barbie’ เข้าฉายเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2023 ที่ผ่านมา พร้อมกับ ‘Oppenheimer’ โดยทำรายได้เปิดตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับภาพยนตร์ที่กำกับโดยผู้กำกับหญิง สูงถึง 162 ล้านเหรียญ ในปัจจุบันทำรายได้ทั่วโลกไปแล้วถึง 1,420 ล้านเหรียญ ขึ้นเป็นภาพยนตร์ทำรายได้ทั่วโลกสูงสุดในปี 2023 นี้ อย่างรวดเร็ว แซงหน้า ‘The Super Mario Bros Movie’ ที่ทำไว้ 1,360 ล้านเหรียญ
ในตอนนี้ ‘Barbie’ อยู่ในอันดับที่ 5 บนตารางบ็อกซ์ออฟฟิศสหรัฐฯ รองจากภาพยนตร์เข้าใหม่ทั้ง 4 เรื่อง ได้แก่ ‘The Equalizer 3′,’ ‘A Haunting in Venice’, ‘The Nun II’ และ ‘ My Big Fat Greek Wedding 3’
สุดสัปดาห์ล่าสุดนี้จะมี ‘The Expendables 4’ เข้าฉายอีก คาดว่าจะทำรายได้เปิดตัวในสหรัฐฯ ราว 8 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นสถิติรายได้เปิดตัวต่ำสุดของแฟรนไชส์ ก็อาจส่งผลให้ ‘Barbie’ ร่วงลงไปอยู่อันดับที่ 6 เป็นครั้งแรกในการฉายมานานถึง 10 สัปดาห์ ก็เป็นได้
นอกจากนี้ยังมีภาพยนตร์ฟอร์มดีอย่าง ‘The Creator’ ของ แกเร็ท เอ็ดเวิร์ดส์ (Gareth Edwards), ‘Saw X’, ‘The Exorcist: Believer’ และภาพยนตร์คอนเสิร์ต ‘Taylor Swift: The Eras Tour’ เข้าฉายในสัปดาห์ถัด ๆ ไปอีก ก็อาจทำให้ ‘Barbie’ ต้องร่วงลงมาอยู่ในอันดับที่ 7 หรือ 8 ก็เป็นได้
แต่ถึงกระนั้น ‘Barbie’ ก็ยังคงหนึ่งในภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในปี 2023 นี้ และได้กลายเป็นภาพยนตร์ของ Warner Bros. ที่ทำรายได้ทั่วโลกสูงสุดตลอดกาล แซงหน้า ‘Harry Potter and the Deathly Hallows: Part 2’ (2011) ที่ทำไว้ 1,342 ล้านเหรียญ ไปเรียบร้อยแล้ว
ที่มา : ScreenRant
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส