มาร์ติน สกอร์เซซี (Matin Scorsese) ผู้กำกับรุ่นใหญ่วัย 80 ปี เจ้าของผลงานหนังแนวแก๊งสเตอร์และหนังคุณภาพมากมายหลากหลายแนว ทั้ง ‘Taxi Driver’ (1976), ‘Goodfellas’ (1990), ‘The Aviator’ (2004), ‘The Wolf of Wall Street’ (2013) และ ‘The Irishman’ (2019) ที่กำลังจะมีผลงานกำกับหนังเรื่องใหม่อย่าง ‘Killers of the Flower Moon’ ได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร GQ เกี่ยวกับประสบการณ์การทำงานตลอดชีวิต รวมทั้งมุมมองต่อวงการภาพยนตร์ในปัจจุบันด้วย
นอกจากเขาเองจะให้สัมภาษณ์สุดฮือฮาเกี่ยวกับปรากฏการณ์หนังซูเปอร์ฮีโรในปัจจุบัน ที่เขามองว่าหนังเหล่านี้มีมากมายเสียจนส่งผลเสียต่อวงการโดยรวม สกอร์เซซียังได้เล่าเปิดเผยเบื้องหลังการทำงานกำกับหนังดัง ๆ ในอดีตของเขาหลายเรื่อง รวมถึงการทำงานและต้องต่อสู้กับความพยายามแทรกแซงของสตูดิโออันน่าเหน็ดหน่าย หนึ่งในหนังที่เขากล่าวถึงก็คือ ‘The Departed’ (2006) หนังอาชญากรรมหักเหลี่ยมเฉือนคม เจ้าของรางวัลสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และสาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์
ด้วยความสำเร็จอย่างงดงามที่ได้ทั้งเงินทั้งกล่อง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่สตูดิโอเจ้าของหนังอย่าง Warner Bros. จะเล็งเห็นศักยภาพของหนังเรื่องนี้ จึงพยายามเปลี่ยนแปลงเนื้อหาตอนท้ายเรื่องให้ต่างออกไปจากที่ได้เห็นกันในหนัง ซึ่งแน่นอนว่าสกอร์เซซีเลือกที่จะไม่เห็นด้วย และยังคงตอนจบด้วยการปิดฉากตัวละครหลัก ๆ แทนที่จะปล่อยตัวละครบางตัวเอาไว้เพื่อยื้อเวลาให้สตูดิโอสร้างภาคต่อ หรือแม้แต่กระทั่งสานต่อ ‘The Departed’ ให้กลายเป็นแฟรนไชส์ต่อไปในอนาคต
คำเตือน: เนื้อหาส่วนนี้เปิดเผยบทสรุปของหนังเรื่อง ‘The Departed’ (2006)
สกอร์เซซีกล่าวถึงสตูดิโอว่า “(การปล่อยให้ตัวละครทั้งหมดตาย) มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับประเด็นทางศีลธรรมของคนที่อยู่หรือตายหรอกครับ สิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือ พวกเขาแค่ต้องการแฟรนไชส์เฉย ๆ”
สกอร์เซซีเล่าเพิ่มเติมถึงตอนฉาย Screen Test ของหนังเรื่องนี้ โดยเฉพาะปฏิกิริยาของผู้ชมบางส่วนที่มีต่อฉากการตายของ 2 ตัวละครหลักของหนัง ที่ต้องการให้หนังเรื่องนี้ปล่อยให้ตัวละครหลักมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อจะได้มีภาคต่อ “ตอนนั้นคนของสตูดิโอก็เดินออกมาจาก (การฉาย Screen Test) แล้วพวกเขาก็ดูห่อเหี่ยวกันมาก เพราะพวกเขาไม่ได้อยากได้แค่หนังเรื่องนี้ แต่พวกเขาอยากได้แฟรนไชส์ ซึ่งมันก็หมายความว่า ผมคงไม่สามารถทำงานกับที่นี่ได้อีกต่อไป”
‘The Departed’ รีเมกจากหนังฮ่องกง ‘Infernal Affairs’ (2002) บอกเล่าเรื่องราวของแก๊งอาชญากรรมแห่งเมืองบอสตัน บอลลี คอสติแกน (ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ – Leonardo DiCaprio) นายตำรวจหนุ่มต้องเข้าไปแฝงตัวเข้าไปสืบข่าวในแก๊งมาเฟียที่มี แฟรงก์ คอสเตลโล (แจ็ก นิโคลสัน – Jack Nicholson) เป็นหัวหน้า ส่วนฝั่งของคอสเตลโลเองก็ส่ง โคลิน ซัลลิแวน (แมตต์ เดมอน – Matt Damon) สมาชิกแก๊งมาเฟียแฝงตัวเข้าไปเป็นสายอยู่ในกรมตำรวจด้วยเช่นกัน ทั้งคู่ต้องใช้ชีวิตถลำลึกด้วยการเป็นคน 2 หน้า ที่ต้องทำหน้าที่ในปฏิบัติการแผนซ้อนแผน และมีชีวิตอยู่รอดในโลกที่ตัวเองแอบแฝงอยู่
ตัวหนังจบลงด้วยการเสียชีวิตของตัวละครสำคัญ ๆ หลายตัว หลังจากการตายของคอสเตลโล คอสติแกนที่ล่วงรู้ว่าซัลลิแวนเป็นสายให้กับแก๊งมาเฟีย ได้นัดเขาให้มาเจอกัน ก่อนที่คอสติแกนจะถูกเพื่อนตำรวจของซัลลิแวนสังหารในลิฟต์ จนสุดท้าย ซัลลิแวนที่เอาตัวรอดจากการต่อสู้ ได้เข้าให้ปากคำกับตำรวจเกี่ยวกับความจริงของคอสติแกน แต่เมื่อกลับมาถึงบ้าน ซัลลิแวนกลับถูก ฌอน ดิกแนม (มาร์ก วอห์ลเบิร์ก – Mark Wahlberg) เพื่อนตำรวจสังหารในท้ายที่สุด
ตัวหนังทำรายได้ Box Office อย่างงดงามถึง 291.5 ล้านเหรียญ ได้คะแนนบนเว็บไซต์ Rotten Tomatoes สูงถึง 91% เข้าชิงรางวัลออสการ์ 5 สาขา ได้รางวัล 4 สาขา โดยสกอร์เซซีสามารถรางวัลสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมได้เป็นครั้งแรกในชีวิต และเป็นหนังสตูดิโอเรื่องสุดท้ายของเขา ก่อนที่เขาจะหันไปใช้วิธีการหาทุนแบบอิสระ และให้ Paramount Pictures รับเป็นผู้จัดจำหน่ายหนังยุคหลัง ๆ เกือบทุกเรื่องของเขาในเวลาต่อมาแทน
ที่มา: GQ, Variety, Entertainment Weekly
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส