ลินด์ซี่ย์ แอนเดอร์สัน เบียร์ (Lindsey Anderson Beer) นักเขียนบทและผู้กำกับหญิงที่ฮอลลีวูดกำลังจับตามองในขณะนี้ ได้ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ TheWrap เกี่ยวกับ ‘Pet Sematary: Bloodlines’ ซึ่งเป็นผลงานกำกับอย่างเต็มตัวเรื่องแรกของเธอ
เบียร์ได้กล่าวต่อเนื่องไปถึงโปรเจกต์ใหม่ที่เธอกำลังพัฒนาอยู่ในขณะนี้ นั่นคือ ‘Sleepy Hollow’ เวอร์ชันรีบูต ซึ่งเมื่อเธอถูกถามว่าได้ชมเวอร์ชันของ ทิม เบอร์ตัน (Tim Burton) เมื่อปี 1999 อีกรอบเพื่อเตรียมความพร้อมแล้วหรือยังนั้น เบียร์ได้ตอบว่าเธอหลีกเลี่ยงที่จะทำเช่นนั้น และต้องการสร้างแนวทางของเธอเอง พร้อมทั้งแสดงความรักต่อภาพยนตร์เวอร์ชันปี 1999 ดังกล่าวด้วย
“เมื่อไรก็ตามที่ฉันจะต้องดัดแปลงเรื่องราวบางอย่าง โดยเฉพาะเมื่อมันเคยได้รับการดัดแปลงมาแล้วด้วยนั้น ฉันจะไม่ไปดูภาพยนตร์เรื่องนั้นซ้ำอีก ฉันไม่เคยทำเช่นนั้นเลยตอนที่สร้าง ‘Pet Sematary’ ฉันได้แต่อ่านหนังสือเท่านั้น และฉันจะทำแบบเดียวกันกับ ‘Sleepy Hollow'”
“ฉันรักเวอร์ชันของ ทิม เบอร์ตัน มากเมื่อตอนยังเป็นเด็ก ฉันดูมันซ้ำหลายรอบมาก ซึ่งฉันขอบแก่นของเรื่องที่มีทั้งความโรแมนติกและน่ากลัว แต่ฉันไม่ต้องการดูมันซ้ำอีกเพื่อหวนกลับมานึกถึงเรื่องพวกนั้น อันที่จริงฉันกำลังขุดลึกลงไปตำนานที่แท้จริงของหุบเขาฮัดสัน ซึ่งเป็นต้นกำเนิดเรื่อราวของชายขี่ม้าไร้หัว และสืบค้นภาพของพื้นที่ในยุคนั้นมากมาย ฉันเดินทางไปยังพื้นที่จริง ๆ ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา จริง ๆ แล้ว คุณต้องเริ่มต้นจากการได้เห็นของจริงก่อน จากนั้นจึงจะใช้จินตนาการถึงเรื่องราวต่อไปได้”
‘Sleepy Hollow’ เวอร์ชันของเบอร์ตันเมื่อปี 1999 นั้น ได้รับรางวัลออสการ์สาขากำกับศิลป์และออกแบบฉากยอดเยี่ยม โดยเป็นฝีมือเขียนบทของ แอนดรูว์ เควิน วอล์กเกอร์ (Andrew Kevin Walker) ผู้เขียนบท ‘Se7en’ (1995) ซึ่งดัดแปลงจากเรื่องสั้นในปี 1820 เรื่อง ‘The Legend of Sleepy Hollow’ ว่าด้วยเรื่องราวของ Ichabod Crane (รับบทโดย จอห์นนี เดปป์ : Johnny Depp) นักสืบที่ต้องเดินทางมาที่เมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในนิวยอร์กเพื่อสืบคดีเกี่ยวกับชายขี่ม้าไร้หัวในตำนาน
ก่อนหน้านั้น ได้มีการนำเรื่องราวของชายชี่มาไร้หัวมาดัดแปลงแล้ว 2 ครั้ง โดยเป็นภาพยนตร์เงียบเรื่อง ‘The Headless Horseman’ ในปี 1922 และภาพยนตร์แอนิเมชัน ‘The Adventures of Ichabod and Mr. Toad’ ในปี 1949 ของ Disney แต่มีเพียงเวอร์ชันของเบอร์ตันที่ได้รับคำวิจารณ์ในแง่ดี และประสบความสำเร็จด้านรายได้ถึง 206 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 100 ล้านเหรียญ
ที่มา : ScreenRant
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส