ในวงการภาพยนตร์ ผู้กำกับทุกคนต่างมีนักแสดงคู่บุญที่ไม่ว่าจะหนังเรื่องไหน ก็มักจะหนีบมาร่วมงานด้วยเสมอ ตัวอย่างเช่น คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) ที่ต้องมี คิลเลียน เมอร์ฟี (Cillian Murphy) กับไมเคิล เคน (Michael Caine), ทิม เบอร์ตัน (Tim Burton) และ จอห์นนี เดปป์ (Johnny Depp) รวมถึง แซม ไรมี (Sam Raimi) ที่หนีบ บรูซ แคมป์เบล (Bruce Campbell) มารับเชิญอยู่เสมอ ไม่เว้นแม้แต่ปรมาจารย์ผู้คร่ำหวอดในวงการภาพยนตร์อย่างปู่มาร์ติน สกอร์เซซี (Martin Scorsese) ที่ต้องมีนักแสดงคู่บุญอย่าง รอเบิร์ต เดอ นิโร (Robert De Niro) และลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ (Leonardo DiCaprio) มาเล่นด้วยแทบทุกเรื่องไป
สกอร์เซซีกับดิแคพรีโอ เป็นหนึ่งในผู้กำกับและนักแสดงที่โด่งดังที่สุดในโลก มิตรภาพของพวกเขาแน่นแฟ้นกันมานานนับตลอดสองทศวรรษ ที่ผ่านมาพวกเขาได้ร่วมงานกันในภาพยนตร์ 6 เรื่อง ตั้งแต่มหากาพย์แก๊งสเตอร์เรื่อง ‘Gangs of New York’ ในปี 2002 ไปจนถึงภาพยนตร์แนวอาชญากรรมตะวันตกเรื่อง ‘Killers of the Flower Moon’ ที่เพิ่งเข้าฉายไปหมาด ๆ
อันที่จริงนอกจาก 2 คนดังกล่าว ก็มี โจ เพชชี (Joe Pesci) กับ ฮาร์วีย์ ไคเทล (Harvey Keitel) ที่ร่วมงานกับปู่สกอร์เซซีอยู่บ่อยครั้ง แต่เดอ นิโร และดิแคพรีโอคือคนที่ถูกอกถูกใจปู่แกที่สุด
นับตั้งแต่ดิแคพรีโอโด่งดังเป็นครั้งแรก ด้วยบทบาทที่น่ายกย่องจาก ‘What’s Eating Gilbert Grape’ และ ‘This Boy’s Life’ ก็ทำให้ดิแคพรีโอได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักแสดงนำที่น่าสนใจที่สุดในยุคของเขา ยิ่งความสำเร็จของ ‘Romeo + Juliet’ กับ ‘Titanic’ ก็ยิ่งตอกย้ำว่า เขาคือนักแสดงขวัญใจคนทั่วโลกผู้มีหน้าตาอันหล่อเหลา และการแสดงที่เก่งกาจ
ทว่าชีวิตอันรุ่งโรจน์ในช่วงนั้นของดิแคพรีโอก็มีอันต้องสะดุดลง เพราะเขาเกือบจะต้องสูญเสียความน่าเชื่อถือในฐานะนักแสดงไป โดยในเวลานั้นดิแคพรีโอปฏิเสธหนังดังมากมาย ตั้งแต่ ‘American Psycho’ ไปจนถึง ‘Attack of the Clones’ เพื่อไปเล่นภาพยนตร์ทางเลือก อาทิ ‘The Man In The Iron Mask’ และ ‘The Beach’ ทำให้เริ่มมีข่าวเสียว่าเขานั้นสมาธิไม่อยู่กับร่องรอย จนงานเริ่มน้อย และชื่อเสียงเริ่มหาย
ทว่าในขณะนั้น ปู่สกอร์เซซีกลับเลือกให้เขามารับบทเป็น อัมสเตอร์ดัม วัลลอน ชายหนุ่มผู้ต้องการแก้แค้นให้กับการตายของพ่อเขาในหนัง ‘Gangs of New York’ ในเวลานั้นหลายคนรู้สึกว่าดิแคพรีโอ ไม่เหมาะกับหนังของปู่สกอร์เซซีเลยด้วยซ้ำ ซึ่งก็มีคนก็ดูแคลนปู่ว่าที่เลือกหมอนี่มาแสดง เพราะความดังจาก ‘Titanic’ ถึงขนาดที่ The Hollywood Reporter เขียนข่าวว่า ‘ดิแคพรีโอไม่ได้ดูเป็นส่วนหนึ่งของทีมนักแสดงอันแข็งแกร่งนี้เลย’
นอกจากนั้นแล้ว ก็ยังมีข่าวลือที่ไม่เคยได้รับการยืนยัน ออกมาว่าสกอร์เซซี และดิแคพรีโอ ทะเลาะกันจนทำให้หนังถ่ายเสร็จช้า ซึ่งชาวกอสซิปในเวลานั้นต่างคาดการณ์ว่าหลังจาก ‘Gangs of New York’ ทั้งสองคนต้องแตกหักกันอย่างแน่นอน เพราะด้วยความติสท์ของเจ้าหนุ่มนี่ ไม่น่าจะร่วมงานกับสกอร์เซซีได้อีกแหง ๆ แต่ความจริงดันผิดถนัด
ที่ปู่สกอร์เซซีเลือกดิแคพรีโอมาเล่นนั้น ไม่ใช่เพราะเขาเคยเล่นหนังดังมาก่อนเลย แต่เพราะมันมาจากคำบอกของเพื่อนรักอย่าง รอเบิร์ต เดอ นิโร ต่างหาก
สกอร์เซซีเริ่มงานกับเดอ นิโร ครั้งแรกในหนัง ‘Mean Streets’ ปี 1973 ซึ่งปู่แกดูจะถูกอกถูกใจเดอ นิโรเป็นพิเศษ จนทั้งคู่ได้ร่วมงานกันในโปรเจกต์ต่อ ๆ ไป มิตรภาพระหว่างเดอ นิโร และสกอร์เซซีพิสูจน์เป็นสิ่งที่ค่อนข้างพิเศษ เพราะหนังที่ทั้งคู่ทำงานด้วยกันล้วนประสบความสำเร็จ และได้รับคำชมมากมายจากนักวิจารณ์
เคมีที่เข้ากันระหว่างสกอร์เซซี และเดอ นิโรปรากฏชัดในทุกผลงานของพวกเขา ซึ่งเมื่อคำนึงถึงเรื่องนั้นแล้ว จึงเป็นที่เข้าใจได้ว่าเดอ นิโรได้รับเลือกให้แสดงในหนังของสกอร์เซซีบ่อยครั้ง เพราะความผูกพันบางอย่างที่ไปถูกชะตาของสกอร์เซซีเข้านั่นเอง โดยปู่แกเคยพูดขณะให้สัมภาษณ์กับ Esquire ในขณะที่โปรโมต ‘The Irishman’ ไว้ว่า
“เดอ นิโรเป็นคนเดียวที่รู้ว่าผมมาจากไหน ไม่ว่าจะเป็นถิ่นที่ผมเติบโตมาหรือวิถีชีวิตก็ตาม เขารู้จักท่าทางที่ผมแสดงออก หมอนั่นแค่มองไปในดวงตาก็รู้แล้วว่าผมคิดอะไร”
สกอร์เซซี
ความเข้าใจกัน ไปจนถึงมิตรภาพอันลึกซึ้งระหว่างพวกเขา ทำให้เดอ นิโรเล่นตัวละครที่มีความยากในหนังของสกอร์เซซีได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามทั้งคู่หยุดทำงานร่วมกันหลังจากเรื่อง ‘Casino’ (ก่อนที่จะกลับมาทำงานร่วมกันเมื่อปี 2015 ในภาพยนตร์สั้นเรื่อง ‘The Audition’) แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังติดต่อกันอยู่เสมอ
ในปี 1993 และ 1996 เดอ นิโร และดิแคพรีโอแสดงร่วมกันในเรื่อง ‘This Boy’s Life’ และ ‘Marvin’s Room’ ซึ่งเดอ นิโรถูกอกถูกใจดิแคพรีโอมาก จนถึงขั้นโทรมาหาสกอร์เซซีเลย
“ฉันกำลังทำงานกับเด็กที่ชื่อ ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ ฟังนะ! เจ้าหนูนี่มันเก่งมาก ซักวันนายต้องทำงานกับเขาให้ได้”
เดอ นิโร
สกอร์เซซีบอกว่าตั้งแต่ทำงานมา เดอ นิโรไม่เคยบอกกับเขาแบบนี้เลย เพราะส่วนใหญ่เขาแค่จะคุยถึงภาพรวมของโปรเจกต์ที่ผ่านมา ซึ่งการโทรมาบอกแบบนี้ มันแสดงให้สกอร์เซซีเห็นว่าเจ้าหนูนี่ช่างพิเศษจริง ๆ
ด้วยเหตุนั้นทำให้สกอร์เซซีเลือกดิแคพรีโอมาเล่นใน ‘Gangs of New York’ ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่พวกเขาทำงานร่วมกันในปี 2002 โดยเหตุที่ดิแคพรีโอได้เล่นไม่ใช่เพราะความดังเลย แต่เป็นเพราะแรงสนับสนุนจากเพื่อนรักของสกอร์เซซีต่างหาก
ภาพยนตร์เรื่อง Gangs of New York ทำให้สกอร์เซซีได้พบอีกหนึ่งนักแสดงคู่บุญ นั่นคือ Leonardo DiCaprio ความร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงทำให้สถานะของดิแคพรีโอแข็งแกร่งขึ้นในฐานะนักแสดงแถวหน้า จนได้รับบทที่ดีมากมาย แถมความสำเร็จนี้ยังทำให้ปู่สกอร์เซซีมีอิทธิพลมากขึ้นในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ จนสามารถสานต่อโปรเจกต์ที่เขาหลงใหลร่วมกันกับดิแคพรีโอไปอีกยาว ๆ
หลังจากนั้นตำนานก็เกิดขึ้น พวกเขาได้สร้างภาพยนตร์ที่โดดเด่นร่วมกันอีก 5 เรื่อง ตั้งแต่ ‘The Aviator’, ‘The Departed’, ‘Shutter Island’, ‘The Wolf of Wall Street’, ‘The Audition’ ไปจนถึง ‘Killers of the Flower Moon’ โดยในหนังเหล่านี้ ทำให้ดิแคพรีโอได้รับรางวัลอันทรงเกียรติมากมาย รวมถึงได้คำวิพากษ์วิจารณ์ที่ดี แถมหนังยังประสบความสำเร็จอย่างมากในบ็อกซ์ออฟฟิศ
ในปี 2016 หลังจากได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงมาหลายปี ในที่สุด ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ ก็ได้รับรางวัลออสการ์ที่รอคอยมานานจากบทบาทในหนัง ‘The Revenant’ ซึ่งสุนทรพจน์ที่เขารับรางวัล เขาก็ได้กล่าวยกย่องมาร์ติน สกอร์เซซีที่เป็นดั่งอาจารย์ ผู้มอบความรู้อันล้ำค่าเกี่ยวกับศิลปะแห่งภาพยนตร์ให้เขา
“ผมต้องขอบคุณทุกคน ตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพการงานของผม โดยเฉพาะปู่สกอร์เซซีที่เป็นอาจารย์ ผู้สอนผมมากมายเกี่ยวกับทุกอย่างในโลกภาพยนตร์”
ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ
ที่มา: screenrant, moviemaker, telegraph, en.wikipedia.org, indiewire
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส