‘Don’t Look Up’ ภาพยนตร์ที่สร้างและสตรีมมิงทาง Netflix ปี 2021 ทุ่มทุนสร้างไป 75 ล้านเหรียญ ซึ่งงบประมาณส่วนใหญ่ก็หมดไปกับค่าตัวนักแสดง เพราะนี่คือหนึ่งในหนังที่รวมนักแสดงแถวหน้าของฮอลลีวูดไว้มากสุด เพราะนอกจาก ลีโอนาร์โด ดิแคพริโอ (Leonardo DiCaprio) และ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ (Jennifer Lawrence) ในบทนำแล้วก็ยังมี เมอรีล สตรีป (Meryl Streep), ทิโมธี ชาลาเมต์ (Timothée Chalamet), โจนา ฮิลล์ (Jonah Hill), เคต บลานเช็ตต์ (Cate Blanchett) และอีกมากมาย
และกลยุทธ์ในการอัดดาราแถวหน้าจำนวนมากเช่นนี้ ก็ประสบความสำเร็จ หนังสามารถเรียกความสนใจผู้ชมได้เป็นอย่างดี หนังมียอดรับชมมากถึง 152 ล้านชั่วโมงในสัปดาห์แรก และขึ้นแท่นหนังของ Netflix ที่มีผู้ชมมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รวมแล้วกว่า 389,580,000 ชั่วโมง เป็นรองแค่ ‘Red Notice’ แม้จะดูเหมือนว่าเบื้องหน้านั้นหนังประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม แต่เบื้องหลังนั้น ก็ยังทิ้งความขุ่นเคืองใจพอควรไว้กับ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ที่หนังขายชื่อเธอเคียงคู่กับ ลีโอนาร์โด ดิแคพริโอ แต่เธอกลับได้ค่าตัวน้อยกว่าเขาถึง 5 ล้านเหรียญ
เรื่องการที่นักแสดงหญิงฮอลลีวูดมักจะได้ค่าตัวน้อยกว่านักแสดงชายนั้นเป็นปัญหาค้างคามาช้านานหลายสิบปี และก็ยังคงเป็นอยู่ในปัจจุบัน แม้ว่าชื่อเสียงของนักแสดงหญิงรายนั้นจะพาให้หนังประสบความสำเร็จมาหลายเรื่อง รวมถึงตัวเธอก็มีรางวัลออสการ์การันตีฝีมืออยู่ด้วยก็ตาม ซึ่งลอว์เรนซ์ก็เป็นคนหนึ่งที่เปิดเผยเรื่องค่าตัวที่เธอได้รับจากเรื่องนี้ในวงกว้างว่าเธอได้ค่าตัวน้อยกว่าดิแคพริโอ ซึ่งไม่ใช่จำนวนที่ต่างกันเพียงเล็กน้อย แต่ห่างกันถึง 5 ล้านเหรียญ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ได้รับค่าจ้างที่ 25 ล้านเหรียญ ส่วน ลีโอนาร์โด ดิแคพริโอ ได้รับที่ 30 ล้านเหรียญ
ลอว์เรนซ์ยอมรับว่าอาชีพนักแสดงของเธอนั้น เป็นอาชีพที่ได้ค่าตอบแทนสูงมาก แต่ก็เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ประสบปัญหาข้อแตกต่างในเรื่องเพศ เพราะทั้งเธอและดิแคพริโอต่างก็ได้รับบทเท่าเทียมกัน โดยทั้งคู่แสดงเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่พยายามเตือนชาวโลกถึงภัยพิบัติครั้งใหญ่เมื่อดาวหางกำลังจะพุ่งเข้าชนโลกและกวาดล้างมนุษยชาติไปทั้งหมด ซึ่งที่จริงแล้วทั้งเธอและดิแคพริโอควรจะได้รับค่าตอบแทนที่ใกล้เคียงกันกว่านี้
ย้อนไปในเดือนตุลาคม 2022 เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ในระหว่างให้สัมภาษณ์กับ Vogue โดยเธอเอ่ยว่าเรื่องความแตกต่างในการจ่ายค่าจ้างนั้น “ชวนให้ขุ่นเคืองใจพอควร” สำหรับเธอ
“
ในการให้สัมภาษณ์กับ Vogue สำหรับฉบับเดือนตุลาคม 2022 ลอว์เรนซ์กล่าวว่าช่องว่างการจ่ายเงินนั้น ‘น่ารำคาญ’ สำหรับเธอ
“ต่อให้ฉันทุ่มเทไปมากเพียงใด ฉันก็ยังคงไม่ได้รับค่าตัวเท่ากับนักแสดงชายท่านนั้น เพราะฉันมีจิ๊มิ”
และ ‘Don’t Look Up’ก็ไม่ใช่ภาพยนตร์เรื่องแรกที่ลอว์เรนซ์ได้ค่าจ้างที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเปรียบเทียบกับนักแสดงชาย อย่างในเรื่อง ‘American Hustle’ปี 2014 นั้น เมื่อค่าย Sony Pictures โดนแฮก และมีการนำข้อมูลค่าตัวนักแสดงมาเปิดเผยว่า คริสเตียน เบล ( Christian Bale) และ แบรดลีย์ คูเปอร์ (Bradley Cooper) ได้รับค่าตัวสูงกว่า เอมี่ อดัมส์ (Amy Adams) และ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์
หลังข้อมูลเรื่องค่าตัวนี้เปิดเผยออกมา ก็มีการโต้เถียงกันในวงกวางเรื่องช่องว่างระหว่างเพศในฮอลลีวูด ในการนี้ ลอว์เรนซ์จึงตัดสินใจเขียนข้อความเปิดเผยความรู้สึกของเธอต่อเรื่องนี้ว่า
“เมื่อ Sony ถูกแฮก และฉันได้รู้ความจริงว่าฉันได้รับค่าตัวน้อยกว่าคนที่เกิดมามีกระเจี๊ยวมากขนาดไหน ฉันไม่ได้โกรธ Sony หรอกนะ แต่ฉันโกรธตัวเองมากกว่า”
อีกเรื่องหนึ่งที่เธอเปิดเผยระหว่างที่ให้สัมภาษณ์กับ Vogue ก็คือเรื่องที่ ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน (Harvey Weinstein) อ้างว่าเขาเคยได้นอนกับลอว์เรนซ์มาแล้ว
ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน เป็นผู้อำนวยการสร้างแห่ง The Weinstein Company และเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ ‘The Silver Linings Playbook’ ซึ่งลอว์เรนซ์รับบทนำในเรื่องนี้ ซึ่งขณะนี้ไวน์สตีนวัย 71 ปี กำลังรับโทษจำคุกในข้อหาข่มขืนและละเมิดทางเพศ ในระหว่างไต่สวนคดีความเมื่อปี 2018 ไวน์สตีนได้คุยโม้ว่า เขาเคยนอนกับลอว์เรนซ์มาแล้ว “ฉันนอนกับ เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ มาแล้ว และดูสิว่าวันนี้เธอเป็นอย่างไร เธอเพิ่งได้รับรางวัลออสการ์นะ”
ซึ่งตัวลอว์เรนซ์นั้น ยืนกรานปฏิเสธเรื่องนี้อย่างสิ้นเชิง หลังถูกถามระหว่างให้สัมภาษณ์กับ Vogue ว่า “เรื่องที่แปลกประหลาดที่สุดที่เคยอ่านเกี่ยวกับตัวเองคืออะไร”
ลอว์เรนซ์ตอบทันทีว่า “ก็เรื่องที่ฉันมีอะไรกับ ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน นั่นแหละ”
ที่มา : unilad