นี่ถือเป็นอีกหน้าประวัติศาสตร์การปฏิรูปการศึกษาของโลกอย่างแท้จริง เมื่อชาติที่ได้รับการยกย่องว่ามีระบบการศึกษาที่ดีที่สุดในโลกอย่าง ฟินแลนด์ ตัดสินใจตัดวิชาเรียนในระบบการศึกษาทั่วไปทั้งหมด อาทิเช่น ฟิสิกส์, ประวัติศาสตร์, ภูมิศาสตร์, วรรณคดี รวมทั้งคณิตศาสตร์ และหันมาผลักดันให้นักเรียนได้รับการศึกษาแบบ สหวิทยาการ (Interdisciplinary) อย่างจริงจัง
รูปแบบการศึกษาดังกล่าว หมายความว่า โรงเรียนต่างๆ ในฟินแลนด์จะต้องสอนผ่านเหตุการณ์หรือปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นและทำการสอนเด็กนักเรียนในมุมมองของหลายศาสตร์เข้าด้วยกัน เช่น เรื่องราวของสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นก็จะสอนให้นักเรียนเข้าใจทั้งในแง่มุมของ ประวัติศาสตร์, ภูมิศาสตร์ และ คณิตศาสตร์ ไปด้วย รวมทั้งยังมีคอร์สที่ชื่อว่า ‘Woking in a Cafe’ ซึ่งจะให้เด็กนักเรียนได้สัมผัสการทำงานในร้านคาเฟ่และจะทำให้เด็กได้ฝึกฝนภาษาอังกฤษ, เศรษฐศาสตร์ รวมทั้งทักษะการสื่อสารกับผู้คนไปด้วยพร้อมๆ กัน เรียกว่าเป็นการเรียนแบบลงสนามใช้งานจริง ไม่มีการมานั่งประจำในห้องเรียนจนหมดวันอีกต่อไป
สำหรับการปรับเปลี่ยนหลักสูตรการศึกษานี้ จะนำมาใช้อย่างจริงจังภายในปี 2020 ซึ่งนอกจากจะปฏิรูปการเรียนของเด็กนักเรียนแล้ว มาตรฐานการคัดเลือกครูที่มาสอนก็จะมีความเข้มข้นมากขึ้น โดยผู้ที่สมัครที่จะเข้ารับคัดเลือกและประกอบวิชาชีพครูในประเทศฟินแลนด์ได้นั้นจะต้องผ่านการสอบคัดเลือกแข่งขันและต้องจบปริญญาโทเป็นอย่างน้อย
ปัจจุบัน โรงเรียนในประเทศฟินแลนด์จะไม่ทำการเก็บเงินค่าเล่าเรียนรวมทั้งยังรับผิดชอบจ่ายค่าอาหารสำหรับนักเรียนทุกคน ไม่มีการบ้าน นอกจากนี้พวกเขายังล้มเลิกระบบการตัดเกรดทิ้งไปและมีรูปแบบการเรียนเป็นลักษณะ คอร์ส มากกว่า รวมทั้งการส่งลูกไปเรียนก่อนอายุ 7 ขวบก็ถือเป็นเรื่องผิดกฏหมายไปแล้วเช่นกัน